“คำพูดของช่าวกงหมิงเมื่อสักครู่นั้น ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นกำลังวางดักให้กับฟู่เฟิงหยุน”
ไม่เพียงแต่ฟู่เฟิงหยุนเป็นใครกัน เขาเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ในวงการการเมืองมาหลายปีและมีอิทธิพลในระดับนานาชาติ ความเฉียบแหลมในการมองวิสัยทัศน์ทางไกลของเขาช่างมีทักษะฝีมือที่ชำนาญมาก ไม่อาจเทียบได้กับพี่ใหญ่ในวงการอย่างเจียงหู พวกเขามีระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“ฉีเติ่งเสียนยิ้มเยาะเย้ยและพูดว่าฟู่เฟิงหยุนท่านนี้ ถึงแม้จะเป็นคนแก่ แต่สมองเขาช่างเฉียบแหลมจริงๆ”
ในตอนแรกเขาถูกฟู่เฟิงหยุนไล่ไปที่เมืองเผิงไหล ถ้าหากไม่ใช่เพราะความรักชาติของเขาที่ไม่มีใครมาเปรียบเทียบได้ ถ้าหากไม่ใช่คุณนายซุน ถ้าไม่ใช่เพราะเหล่าพี่ชายของผมความรู้สึกของครอบครัวและประเทศไม่มีใครเทียบฉันได้ และแม้แต่ชายชราก็พูดไม่ออก!
“เมื่อมองเห็นว่าทุกคนสนุกสนานกันอย่างนี้ ผมก็รู้สึกสบายใจแล้ว”
“ฟู่เฟิงหยุนส่งเสียงไอกระแอ่มสองสามครั้งและพูดว่า“ที่นี่ผมยังมีเรื่องที่จะต้องไปจัดการอีกมากมาย จึงไม่สามารถอยู่ได้นาน ขออวยพรให้ทุกท่านมีความสุข”
“บุคคลระดับเขาไม่สามารถมานั่งอยู่ที่สถานที่จริงได้ การออกมาปรากฏตัวแค่แวบเดียวก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากแล้ว”
“การปรากฏตัวของเขาทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเบื้องหลังของเหตุการณ์นี้มีการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างแน่นอน! อีกทั้งยังมีการสนับสนุนจากต่างประเทศ!”
“เมื่อฟู่เฟิงหยุน ได้เดินไปจากงานแล้ว แต่อวี้เสี่ยวหลงยัง นอกจากนี้เขาเลือกหาที่นั่งและนั่งลงที่เก้าอี้หนึ่งตัว”
“เมื่อเธอเลือกจะอยู่ต่อที่นี่ทำให้ผู้คนข้างในงานรู้สึกมั่นใจมากขึ้น! เหล่านักธุรกิจที่รักชาติเหล่าต่างก็รู้สึกดีใจมาก เพราะแน่นอนว่าการกระทำและความพยายามของพวกเขาได้รับการอนุมัติและการรับรองจากรัฐบาล!”
“ใบหน้าของช่าวกงหมิงเริ่มมีสีหน้าที่ค่อยไม่สู้ดี เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เรื่องนี้สมาคมหงประเทศเย่เฟิงของพวกเราจะไม่เข้าร่วม’”
“เมื่อพูดจบแล้ว เขาเตรียมตัวที่จะเดินออกไปจากงานในทันที”
“แต่แล้วมีคนอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะโดยไม่รู้ว่าเขามาปรากฏตัวเมื่อไหร่ การปรากฏตัวอย่างกระทันหันของเขาทำให้บรรดาหัวหน้าใหญ่ที่นั่งโต๊ะเดียวกันตกใจไปตามๆ กัน”
“เป็น……ฉีปู้อวี่……” บรรดาหัวหน้าใหญ่ของสมาคมหงสาขาประเทศมี่ต่างก็รู้สึกตกใจอย่างมาก รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว”
“ถึงแม้ว่าฉีปู้อวี่จะเป็นคนที่ไม่ค่อยออกสื่อเท่าไหร่า แต่ชื่อเสียงของเขานั้นไม่มีใครที่ไม่รู้จัก”
“เมื่อช่าวกงหมิงมองเห็นฉีปู้อวี่ก็มีสีหน้าที่แข็งทื่อทันที”
“ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยน้ำเสียงอย่างเย็นชาว่า“พ่อของผมไม่ค่อยพูดเพราะแบบนี้สักเท่าไหร่กันหรอก ถ้าใครทำให้เขาไม่พอใจ เท่ากับว่าอาจจจะเป็นถุงทรายซ้อมหมัดของเขาในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า!’”
“คนที่นั่งร่วมโต๊ะต่างรู้สึกเหมือนนั่งอยู่กับเทพเจ้าแห่งความตาย ร่างกายของแต่ละคนแข็งทื่อที่หัวใจก็รู้สึกชาและความคิดของพวกเขาก็ราวกับจะหยุดนิ่งไป”
“อาจารย์ปู่ดูหล่อเท่มากเลย!”
“เฮ่อตั่วเหลียนที่กำลังมองจากระยะไกลและไม่สามารถกลั้นความรู้สึกได้ จึงส่งเสียงพูดออกมาว่าเธอรู้สึกอิจฉา”
“เธอก็อยากมีฝีมือแบบนี้ เมื่อปรากฏตัวก็สามารถทำให้กลุ่มขุนศึกหวาดกลัวได้ นี่มันทั้งสง่างามและมีอำนาจจริงๆ!”
“ฉีปู้อวี่ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะข้างๆ วางมือทั้งสองข้างบนโต๊ะพร้อมกับยิ้มและมองไปที่ใบหน้าของบรรดาหัวหน้าใหญ่ทีละคน”
“นายพลเอกอวี้ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล แล้วจะสามารถนั่งดูเฉยๆ ให้คนเหล่าม่ข่มขู่ได้ไหม? ถ้าพวกเราจะต้องตายอยู่ที่นี่ใครจะรับผิดชอบ!” ช่าวกงหมิง นั่งเก้าอี้ไม่ติดและเกิดอาการทนไม่ไหวแล้ว จึงตะโกนใส่ท่านพลเอกอวี้ทันที
“อวี้เสี่ยวหลงมองไปด้วยสายตาที่เย็นชาและพูดด้วยน้ำเสียงอย่างเรียบเฉยว่า“ใครกันแน่ที่กำลังข่มขู่กันอยู่?’”
“ช่าวกงหมิงชี้นิ้วไปทางฉีปู้อวี่และพูดว่า“เขานี่แหละ!”
อวี้เสี่ยวหลงพูดว่า“ยังไม่ทันได้พูดสักคำเลย แล้วจะข่มขู่คุณได้อย่างไร?’”
“คำพูดนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่รู้จะพูดอะไรเลย”
“‘เขาคือคนใบ้ เขาจะพูดได้อย่างไรกัน!” ช่าวกงหมิงรู้สึกโกรธมาก ตอนนี้เขารู้สึกไม่มั่นใจจริงๆ เพราะถูกฉีปู้อวี่จ้องมองนั้นไม่ใช่เรื่องดีเลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...