มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1670

ฉีปู้อวี่กลับมาพร้อมกับคราบเลือดและคราบขี้ดินเปรอะเปื้อนอยู่ตามเสื้อ

ฉีเติ่งเสียนถึงกับตาค้าง พร้อมกับถามว่า : “อย่าบอกนะว่าพ่อไประเบิดหัวใครมาอีก!”

ฉีปู้อวี่รีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว : “เปล่าสักหน่อย ฉันแค่หักขาใครบางคนเท่านั้นเอง ฉันไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้นสักหน่อย”

“……” ฉีเติ่งเสียนถึงกับหมดคำพูด

ก่อนกลับมาฉีปู้อวี่ทำตัวสงบเสงี่ยม แต่สุดท้ายก็ไปก่อเรื่องไว้มากมาย แถมวันนี้ยังไปหักขาคนอื่นมาอีก ช่างโหดเหี้ยมจริงเสีย

ฉีปู้อวี่ยังไม่ทันได้หย่อนก้นลงนั่ง จ้าวซือชิงก็ออกมาพร้อมกับถือแส้ไว้ในมือ

เธอมีสีหน้าและรอยยิ้มที่เย็นชา พร้อมพูดขึ้นอย่างช้าๆว่า : “เหล่าฉี ฉันขอให้นายสอนลูกชายดีๆ แล้วนั่นคือวิธีที่นายสอนลูกอย่างนั้นเหรอ?”

ฉีปู้อวี่ตกตะลึง

จ้าวซือชิงสะบัดแส้ม้าที่อยู่ในมือ พร้อมกับพูดด้วยความโกรธว่า : “ที่เขามีชื่อเสียงเสียๆหายๆแบบนี้ ก็เป็นเพราะมีพ่ออย่างนายสอนเขานี่เอง!”

ฉีปู้อวี่รีบพูดขึ้นทันที : “เป็นคนดีมันใช้เวลานาน แต่เป็นคนเลวนั้นใช้เวลาเพียงสั้นๆ ทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะคนฆ่าสัตว์สอนทั้งนั้น!”

แต่จ้าวซือชิงกลับไม่สนใจฟัง เธอสะบัดแส้ม้าในมือพร้อมกับวิ่งไล่ฟาดฉีปู้อวี่

“นายเป็นพ่อแต่ไม่ยอมสอนสิ่งดีๆให้กับลูก ปล่อยให้เขาฆ่าคน ปล่อยให้เขาขายชาติจนกลายเป็นผู้ก่อการร้าย นายเป็นพ่อประสาอะไรของนาย?”

“เมื่อกี้กวนกวนก็เพิ่งมารายงานกับฉันว่าเขานั้นเป็นคนหลายใจ นายไม่ใช่เก่งเรื่องความรักใคร่ที่สุดในเมืองหลวงเหรอ? สิ่งนี้ถูกสอนได้อย่างไร?”

“หยุดเดี๋ยวนี้ คิดว่าไม่กล้าฆ่านายเหรอ!”

จ้าวซือชิงมีความสามารถในการต่อสู้ แส้ที่อยู่ในมือของเธอฟาดไปมาจนเสียงดัง ทำให้ฉีปู้อวี่ถึงกับกระโดดหนีเกือบจะกลิ้งลงไปกับพื้น

เมื่อฉีเติ่งเสียนเห็นพ่อที่มักจะทําร้ายตัวเองอยู่บ่อยครั้ง ถูกแม่เอาแส้วิ่งไล่ฟาดี เขาก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ตกใจเช่นกันว่าชื่อเสียงของพวกเขาแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? แม้แต่แม่ของเขาก็ยังรู้?

“ทั้งหมดนี่ต้องโทษคนฆ่าสัตว์! ต้องโทษคนฆ่าสัตว์! ฉันจะกลับไปตู๋ซานเจี่ยวเพื่อฆ่าเขา!” ฉีปู้อวี่พูดโทษคนอื่นอย่างบ้าคลั่ง

หยางกวนกวนที่อยู่ด้านข้างก็ถึงกับตกตะลึง ฉีปู้อวี่ผู้ซึ่งสง่างามและสงบนิ่งเสมอมามีด้านนี้ด้วยเหรอ? และในขณะเดียวกัน เธอก็ไม่คาดคิดว่าจ้าวซือชิงที่อ่อนโยนจะมีด้านที่โหดร้ายแบบนี้เช่นกัน

“ตอนที่ฉันเจรจากับตระกูลอวี้นั้นมันไม่ง่ายเลยนะ ทำให้คนอื่นเสียหาย? คนเป็นพ่ออย่างนายก็ยังไม่โผล่หน้าออกมาด้วยซ้ำ? ฉันบ้าตายจริงๆ!” จ้าวซือชิงวิ่งไล่ตามและสาปแช่งอย่างโกรธเคือง

“นายเป็นพ่อประสาอะไร! ถึงได้สอนลูกฉันแบบนี้?”

“ฉันให้นายดูแลลูกชายฉัน นายดูแลแบบนี้อย่างนั้นเหรอ?”

“ยังจะหนีอีก หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

หลังจากวิ่งไล่ล่ากันอยู่สักพัก ฉีเติ่งเสียนก็พูดโน้มน้าวจ้าวซือชิงให้หยุดลงมือ

ฉีเติ่งเสียนพูดว่า : “แม่ พอแล้วพอแล้ว! ถึงพ่อจะเป็นคนไม่ดี แต่แม่อย่าไปตีเขาแบบนั้นสิ กวนกวนก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้นะ”

จ้าวซือชิงก็พูดขึ้นว่า: “กวนกวนไม่ใช่คนนอก เธอเป็นเหมือนลูกสาวฉันคนหนึ่ง เห็นแล้วจะเป็นอะไร? กวนกวน เธอคิดว่าเหล่าฉีสมควรถูกตีไหมล่ะ”

คําพูดนั้นถูกโยนมาถามหยางกวนกวน เธอไม่สามารถพูดได้ว่าฉีปู้อวี่ไม่ใช่คนแบบนั้น และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะปฏิเสธจ้าวซือชิงไปโดยตรง เธออยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จึงทำให้เหงื่อเย็นไหลออกมาจากหน้าผากของเธอ

“พ่อใส่ร้ายตระกูลซุนในเผิงไหลสองพันล้าน และบอกผมว่ามันเป็นเรื่องความสัมพันธ์ของเขา ทำให้ผมต้องวิ่งเข้าไปและเกือบจะถูกฆ่า! ทั้งหมดนี้ผมไม่ได้โทษพ่อ แล้วแม่จะไม่โทษพ่อทำไม?” ฉีเติ่งเสียนถาม

“อะไรนะ นายใส่ร้ายลูกชายของนายแบบนี้ได้ยังไง?!”จ้าวซือชิงโกรธมาก

“ก็ไม่ได้ใส่ร้ายอะไรขนาดนั้นหรอก เขาก็แค่ระเบิดหัวของรอธไชล์ด แล้วผมก็กลายเป็นผู้ก่อการร้ายทันที แม่ครับ แม่อย่าโกรธไปเลยนะ!” ฉีเติ่งเสียนพูดต่อ

จ้าวซือชิงยิ่งโมโหขึ้นไปอีก พร้อมฟาดแส้ออกไปและพูดขึ้นว่า : “นายรู้ความหมายของผู้ก่อการร้ายคืออะไรไหม? นั่นมันหมายถึงศัตรูของประเทศที่มีอารยธรรมทั้งหมดในโลก! แล้วจะต้องถูกล้อมปราบ! ฉีปู้อวี่ ไอ้สารเลว ใส่ร้ายลูกชายได้อย่างไร!”

“ตีเท่ากับจูบ ดุก็เท่ากับการแสดงความรัก! แม่รักพ่อมากถึงได้กล้าลงมือแบบนั้น!” ฉีเติ่งเสียนยกนิ้วโป้งให้ฉีปู้อวี่และพูดด้วยรอยยิ้ม

ฉีปู้อวี่ได้แต่แอบกัดฟันเล็กน้อย คิดว่าจะหาโอกาสที่จะหักมือ เท้า และกระดูกสันหลังของฉีเติ่งเสียน ถือได้ว่าเป็นการทําตามสัญญาที่ให้ไว้กับเซี่ยงตงฉิง

หยางกวนกวนก็คิดว่ามันเป็นเรื่องตลกเช่นกัน ฉีปู้อวี่ซึ่งเป็นผู้มีฝีมือสูงระดับของประเทศอย่างเขา แต่กลับมาถูกจ้าวซือชิงวิ่งไล่ทั่วบ้าน คิดแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้

จ้าวซือชิงจัดเตรียมทำกับข้าวไว้เต็มโต๊ะอาหาร และเรียกให้ทุกคนมานั่งที่โต๊ะอาหาร

“กวนกวน ฉันไม่ทันได้เตรียมตัวต้อนรับเธอดีๆ เธอกินตามสบายเลยนะ” จ้าวซือชิงพูด

ในเวลานั้นฉีเติ่งเสียนและฉีปู้อวี่อดไม่ได้ที่มีสีหน้าเปลี่ยนไป พ่อลูกทั้งสองคนได้แต่นั่งตัวตรง

“รีบกินเร็ว” จ้าวซือชิงพูดพร้อมกับหยิบถ้วยและตะเกียบขึ้นมา

ฉีเติ่งเสียนเรอออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “แม่ ผมไม่ค่อยหิว เมื่อกี้เพิ่งกินของกินเล่นตามร้านข้างทางไปเยอะเลย ไม่ได้กินของพวกนี้ในเมืองหลวงมาหลายปีแล้ว ผมเลยตะกละไปหน่อย”

ฉีปู้อวี่ก็เอ่ยขึ้นว่า : “เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปตีกับคนอื่นมา ไอ้พวกนั้นมันพาฉันไปเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่เพื่อติดสินบนฉัน ฉันก็เลยยังไม่ค่อยหิว”

หยางกวนกวนชิมอาหารไปหนึ่งคำ สีหน้าถึงกับเปลี่ยนทันที ตอนนี้เองเธอถึงได้เข้าใจคำพูดของฉีเติ่งเสียนที่พูดว่าเธอยังเด็กไป

ทั้งภาพลักษณ์และกลิ่นของอาหารนั้นดูดีไม่น้อย แต่เมื่อได้กินไปหนึ่งคำแล้ว….มันยากที่จะอธิบายออกมาได้!

“อร่อยไหม?” จ้าวซือชองหันไปถามหยางกวนกวน

“เอ่อ……อร่อยค่ะ” หยางกวนกวนพูดแต่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร

“อร่อยก็กินเยอะๆนะ” จ้าวซือชิงพูดพร้อมกับคีบอาหารใส่ถ้วยของหยางกวนกวนอีก

ทั้งฉีปู้อวี่และฉีเติ่งเสียนอดไม่ได้ที่จะไว้ทุกข์ให้กับเธอ ทักษะการทําอาหารของจ้าวซือชิงนั้น จะอธิบายอย่างไรดี.…..มันเทียบได้กับระดับวัฒนธรรมของคนฆ่าสัตว์อย่างไรอย่างนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง