มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1721

บรรดาเหล่าหัวหน้าแผนกต่างๆของนายทุนซ่านซิงก็ค่อยๆทยอยเดินเข้ามากันทีละคน และเกือบทุกคนต่างก็รู้จักพระอัครสังฆราช เมื่อได้เห็นหน้าของพระอัครสังฆราช สีหน้าของพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนไป

โจรที่ทุบประตู พระอัครสังฆราชที่ขอเงิน - ประโยคนี้ไม่ใช่จะพูดกันเปล่าๆหรอกนะ

ฉีเติ่งเสียนเมื่อได้เห็นใบหน้าของคนเหล่านี้และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ เพื่อนๆของเขามีชื่อเสียงมากขนาดนี้เหรอ?

หรือคนของตระกูลมังกรไปพูดอะไรกันลับหลัง? ถ้าอย่างนั้นกลับไปนึ่งเกี๊ยวหนึ่งสักจานแล้วเอาไปเยี่ยมตระกูลมังกรดีไหม ดูว่าพวกเขากินมันหรือไม่?

หลี่เสวียนเจินก็เดินเข้ามาในห้องประชุมเช่นกัน และเธอได้พาใครบางคนเข้ามาด้วย ซึ่งผู้นั้นก็คือหันเฉิงจุน ผู้มีฝีมือสูงคนแรกของอาณาจักรโคกูรยอ

ซุนอิ่งซูมองไปที่หลี่เสวียนเจินด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ หลี่เสวียนเจินเองก็แสดงสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน หลังจากที่ทั้งสองได้เผชิญหน้ากัน พวกเธอต่างก็จ้องมองหน้ากันอย่างเย็นชาด้วยแววตาอาฆาต

ในที่สุด ท่านประธานของซ่านซิงก็เดินเข้ามาในห้องประชุม สีผมของเขาเป็นสีเทาเกือบทั้งศีรษะ แต่ยังดูมีชีวิตชีวาและกระฉับกระเฉง

การประชุมเริ่มต้นขึ้น ทุกอย่างก็ปฏิบัติตามกระบวนการของการประชุม ผู้คนในสาขาต่างรายงานสถานการณ์ทางการเงินและการพัฒนาล่าสุดของตัวเอง

หลังจากที่กำลังพูดคุยเรื่องธุรกิจใกล้จะจบ ท่านประธานก็ได้พูดกับซุนอิ่งซูว่า : “อิ่งซู เธอคิดอย่างไรกับสิ่งที่ฉันบอกเธอไปเมื่อครั้งที่แล้ว? ตอนนี้เธอมีภาระงานในมือมากเกินไป คงจะยุ่งไม่ไหว เป็นเรื่องดีที่จะแบ่งปันเรื่องเล็กๆน้อยๆในมือให้กับเสวียนเจินจัดการ เป็นแบบนี้เธอก็จะได้จดจ่อกับงานของเธอเอง และกรุ๊ปของเราก็สามารถพัฒนาได้ดีขึ้นเช่นกัน”

ซุนอิ่งซูหัวเราะและพูดขึ้นว่า : “ฉันคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาแล้ว ฉันว่าก็โอเคนะ แต่ฉันสามารถรับผิดชอบงานให้หนักขึ้นได้ ทําไมคุณไม่ให้อำนาจของหลี่เสวียนเจินกับฉันล่ะ ฉันไม่รังเกียจนะ!”

บรรยากาศตอนนั้นเงียบสงบ นี่คือการเผชิญหน้าระหว่างสองผู้นำใหญ่ของนายทุนซ่านซิง คนอื่นๆก็เลยไม่พุ่งเข้าไปให้ถูกใช้เป็นเบี้ยหมากเสียเปล่า

“ซุนอิ่งซูอย่าโลภเกินไปหน่อยเลย ผลลัพธ์ที่ตามมาคงไม่ดีแน่” หลี่เสวียนเจินพูดออกมาอย่างเรียบเฉย

“ก็คงจะเหมือนที่พ่อของเธอทําในตอนนั้น เปิดห้องโถงศิลปะการต่อสู้เพื่อสอนมวยดีๆไม่ได้เหรอ? ถึงกับต้องลงแข่งขันเพื่อชกมวยด้วยงั้นสินะ?”

“สุดท้ายแล้วเป็นไง? แม้แต่โล่ประกาศเกียรติคุณก็สูญหายไป มันไม่น่าละอายเกินไปหน่อยเหรอ?”

คําพูดเหล่านี้ทําให้ใบหน้าของซุนอิ่งซูมืดสนิทเหมือนก้นหม้อ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทําให้เธอปวดใจมาโดยตลอด แม้กระทั่งก่อนที่พ่อของเธอจะเสียชีวิต ก็ยังถูกกลุ่มเทควันโดไท่อี้เอาโล่ประกาศเกียรติคุณไป ซึ่งเธอไม่เคยจะลืมเรื่องนี้ไปได้เลย

เพื่อที่จะได้โล่ประกาศเกียรติคุณกลับคืนให้กับตระกูลซุน ในช่วงที่ซุนอิ่งซูมีอำนาจเธอก็ไม่เคยหยุดจัดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ต่างๆ เพื่อหาทางเอาโล่กลับมาให้ได้ แต่ทว่าหันเฉิงจุนนั้นกลับยังมีฝีมือไร้เทียมทาน ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้เขาได้เลย

ท่านประธานก็ยังดูเฉยเมยและพูดขึ้นว่า : “อิ่งซู สิ่งที่ฉันแนะนำไป ฉันหวังว่าเธอจะรับฟังให้มากกว่านี้ และอย่ามัวยึดติดกับสิ่งที่ผิดพลาดอยู่เลย”

ซุนอิ่งซูยกมือขึ้นและพูดว่า: “ฉันมีอะไรที่ต้องยึดติดกับสิ่งผิดพลาดงั้นเหรอ? พวกนายต้องการเอาอำนาจของฉันใช่ไหม? แต่ถ้าพวกนายเอามันไป แล้วคิดว่าจะทําได้ดีกว่าฉันงั้นเหรอ? ตัวอย่างเช่นสิทธิ์ในการติดตั้งล่วงหน้าของโทรศัพท์มือถือของซ่านซิงก็อยู่ในการควบคุมของฉันมาโดยตลอด ฝ่ายฉันได้รับการเจรจาดีลใหญ่ได้สำเร็จแล้ว หากพวกนายเอาอำนาจฉันไป งั้นดีลใหญ่นี้ก็จะหลุดมือไปหรือเปล่า? แล้วไม่นี่ถือว่าเป็นความเสียหายของบริษัทหรอกเหรอ?”

ท่านประธานพูดอย่างใจเย็นว่า : “เธอได้รับดีลใหญ่อะไร? ถ้าเป็นธุรกิจธรรมดาๆ พวกเราซ่านซิงกรุ๊ปไม่สนใจอยู่แล้ว”

ซุนอิ่งซูจับแก้มของเธอด้วยมือข้างหนึ่ง มองไปที่ท่านประธานก่อนจะยิ้มและพูดว่า: “ฉันเพิ่งจะเจรจาดีลโครงการกับไตเท้อเมื่อวานนี้ เขาต้องการสร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เราจะติดตั้งไว้ล่วงหน้าในโทรศัพท์มือถือของดาราและจัดหากราฟิกให้เขา”

ทันทีที่พูดจบ เหล่าหัวหน้าระดับสูงหลายคนก็อดไม่ได้ที่จะตกใจและแอบกระซิบกัน

ไตเท้อเป็นชายที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ เขาได้ลงทุนมากมายในเจียเผิงก๋ว และเป็นคนที่มีอิทธิพลอย่างมาก ถ้าเขาสร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เขาจะเป็นหนึ่งของโลกอย่างแน่นอน

“แค่ของเล่นชิ้นนี้เหรอ?” หลังจากที่ฉีเติ่งเสียนเห็น ในใจก็รู้สึกหมดแรงเล็กน้อย คําที่เขียนด้วยมือซ้ายของพวกพี่น้องฉันยังสวยงามกว่านี้

หลี่เสวียนเจินเอามือมากอดอก พร้อมแสดงท่าทางที่เหนือกว่า ก่อนจะพูดอย่างเหยียดหยามว่า : “ฉันรู้ว่าเธอไม่เต็มใจ แต่ถ้าต้องการโล่ประกาศเกียรติคุณกลับคืน เธอก็ต้องเอาอำนาจที่ฉันต้องการมาแลกเปลี่ยน! ”

ถ้าเป็นเมื่อก่อนซุนอิ่งซูก็คงจะทำแบบนั้น แต่ตอนนี้เธอจะไม่ยอมประนีประนอมอีกต่อไป

หันเฉิงจุนได้เอื้อมมือออกไปหยิบโล่ประกาศเกียรติคุณมาไว้ในมือ หลี่เสวียนเจินหัวเราะและพูดว่า : “ถ้าเธอไม่ต้องการมัน ก็ปล่อยให้คุณหันทําลายมันทิ้งซะ เพราะอย่างไงคุณหันก็ไม่ได้สนใจสิ่งนี้อยู่แล้ว”

ซุนอิ่งซูพูดด้วยความโมโห : “เธอกล้าดียังไง!”

เธอเกือบจะลงมือตบแล้ว

หลี่เสวียนเจินพูดติดตลกว่า : “มีอะไรที่ฉันไม่กล้ากันล่ะ? มันก็เป็นแค่โล่ที่น่าขยะแขยงอันหนึ่ง แต่ถ้าเธอชอบมัน ฉันจะช่วยเธอทำอีกเป็นร้อยเป็นพันอันเอาไปเผาส่งให้พ่อของเธอก็ได้นะ”

ซุนอิ่งซูหันหน้าไปหาฉีเติ่งเสียน และพูดอย่างเย็นชาว่า : “เอากลับมาให้ฉันที!”

ทันทีที่พูดออกไป ทำให้ผู้คนในนั้นต่างก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ พวกเขาคิดว่าซุนอิ่งซูบ้าไปแล้ว นี่คือห้องประชุมของนายทุนซ่านซิง ที่มีหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่มากมายเข้าร่วมประชุม และแม้แต่ประธานสมาคมก็อยู่ด้วย!

อย่างไรก็ตาม ฉีเติ่งเสียนก็ไม่ใช่คนที่เกรงกลัวต่อสิ่งใดอยู่แล้ว สายตาของเขาจับจ้องตรงไปที่หันเฉิงจุน

“ซุนอิ่งซู ฉันว่าเธอบ้าไปแล้วจริงๆ!” หลี่เสวียนเจิ้นหัวเราะเยาะ “เธอกล้าทํา ลองดูสิ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง