หลังจากที่ลู่ทงฟังคำตอบของฉีเติ่งเสียนก็พยักหน้าเล็กน้อย
แค่ฟังสิ่งที่เขาพูดว่า : “เป็นเรื่องดีที่รู้จักกลับใจ ซ่งอู่นี่ก็ถือว่าเป็นคนที่มีจิตใจชอบธรรม”
ไม่ว่าซ่งอู่จะรู้สึกเช่นนี้จริงหรือไม่ฉีเติ่งเสียนก็ไม่รู้ แต่ในเมื่อเลือกอย่างนี้แล้วโดยทั่วไปมันก็ดี
ลู่ทงพนมมือให้ฉีเติ่งเสียนและพูดว่า : ”ทุกอย่างเป็นไปในทางที่ควรจะเป็นแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่เราวางไว้ที่รัฐบาลกลาง เรื่องต่อไปก็ต้องฝากให้เจ้าหน้าที่พิเศษช่วยดูแลให้มากหน่อยนะครับ”
ฉีเติ่งเสียนรู้สึกว่า “เจ้าหน้าที่พิเศษ” คำนี้ดูไม่ค่อยดีนัก อย่างไรซะหลังจากดูละครมาหลายเรื่องพวกเจ้าหน้าที่พิเศษมักจะเล่นเป็นตัวร้ายที่คอยมาสร้างปัญญาให้พระเอกนางเอก
อย่างที่รู้ว่าพระอัครสังฆราชในอดีตมีคำพ้องความหมายกับแสงสว่าง ความเป็นธรรม ความซื่อสัตย์และความสูงส่ง
ฉีเติ่งเสียนไม่อยากจะบ่นลู่ทงอีกต่อไป หลังจากที่โบกมือลาเขาก็หันหลังกลับออกไป
“เจ้าเนื้อเหนียวชิ้นนี้” ลู่ทงอดไม่ได้ที่จะบ่นสองสามคำในใจก่อนจะส่ายหัวเบาๆ
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกสบายใจมากเมื่อคิดว่าแม้แต่ฟู่เฟิงหยุนยังจัดการฉีเติ่งเสียนไม่ได้
ฉีเติ่งเสียนกำลังจะไปหาคุณนายกลุ่มธุรกิจก็มีสายโทรศัพท์จากคนแปลกหน้าเข้ามา แต่เขาก็รับสาย
“คุณฉี” ในสายพูดมาด้วยความสุภาพ เขารู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนี้เล็กน้อย
“ใครพูดสายครับ? ฉีเติ่งเสียนถาม
“อะแฮ่มๆ…..ถ้าจะพูดแบบจริงจังละก็คุณควรจะเรียกฉันว่าพี่ชายภรรยา” อีกฝ่ายตอบอย่างเคอะเขิน
ฉีเติ่งเสียนก็รูสึกอ่อนแรงลงทันทีและพูดอย่างยิ้มๆว่า : “แหม่…ที่ถ้าก็พี่ชายภรรยานี่เอง ! พี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”
เขาเองก็ไม่รู้ว่าคนผู้นี้เป็นใคร ยังไงๆใครจะไปรู้ว่าเกาเม่ย อวิ๋นหว่าน กวนกวน เสี่ยวเฉิน….พวกเธอมีพี่ชายรึเปล่า
เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าฉีเติ่งเสียนสุภาพเช่นนี้ เขาก็สบายใจทันทีและพูดว่า : “ฉันมาถึงเผิงไหลแล้วคุณบอกที่อยู่ของคุณมาเดี๋ยวฉันไปหา !
ฉีเติ่งเสียนบอกที่อยู่ของร้านกาแฟไป จากนั้นเขาก็ไปดื่มกาแฟและของว่างที่ร้านเพื่อรอพี่ชายภรรยาคนนี้มา
ในเวลาไม่นานพี่ชายภรรยาก็มาถึง เมื่อฉีเติ่งเสียนเห็นเขาก็รู้สึกคุ้นตามากแต่ก็ยังนึกชื่อไม่ออก
แต่หลังจากที่คิดวิเคราะห์อย่างจริงจังเขาก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเขามีความคล้ายกับสวีเอ้าเสวี๋ย จากนั้นเขาก็พูดเบาๆ : “ที่แท้ก็เป็นคุณนี่เอง !”
คนผู้นี้คือสวีเอ้าเสวี่ยเป็นพี่ใหญ่ของสวีเอ้าหลง ในตอนแรกเขาเคยขัดแย้งและมีเรื่องกับฉีเติ่งเสียน
ตอนนั้นสวีเอ้าหลงมาในนามของตระกูลสวีและบังคับให้สวีเอ้าเสวี่ยฆ่าตัวตาย เลยทำให้ฉีเติ่งเสียนโดนจัดการไปยกใหญ่ ถูกเล่นงานจนต้องกลับไปในสภาพหมดท่าและน่าอับอาย
จากนั้นมาทั้งสองคนก็ไม่ได้มีการติดต่อกันอีก
“ไม่เจอกันนานเลยนะ” สวีเอ้าหลงยิ้มพูดทักทายฉีเติ่งเสียนด้วยความสุภาพพร้อมเป็นฝ่ายยื่นมือออกมาเช็คแฮนท์
“มาหาฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่า ?” ท่าทางของฉีเติ่งเสียนไม่ได้ดูสุภาพนัก เขานั่งลงอย่างสบายๆด้วยสีหน้าไม่อยากอดทนนัก
สวีเอ้าหลงลูบมือนั่งลงแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ พวกเราได้ข่าวมาว่าคุณจั่วเฉินผู้มีใจรักต่อบ้านเกิดเมืองนอนกำลังจะเข้าสมัครเลือกตั้ง ! แน่นอนว่าพวกเราตระกูลสวีก็เป็นผู้รักชาติและอยากมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน ก็เลยอยากให้คุณช่วยแนะนำชพวกเราให้คุณจั่วเฉินหน่อย”
ตั้งแต่ความพ่ายแพ้ที่จงไห่ของสวีกรุ๊ป ก็สามารถพูดได้ว่าตระกูลสวีตกจากระดับหนึ่งลงไปที่ระดับสองถึงสาม
ปัจจุบันนี้ตระกูลสวีอยากจะเล่นหนังหน้าไฟ การกระทำนี้จะทำให้ตระกูลจ้าวโกรธแน่นอนแต่มันก็จะทำให้ตระกูลสวีได้รับผลประโยชน์มากขึ้นด้วย !
สวีเอ้าเสวี่ยกับตระกูลจ้าวภายนอกอาจดูสนิทกันดีแต่ภายในกลับไม่เป็นอย่างนั้น แม้ว่าตระกูลสวีคิดพึ่งพาตระกูลจ้าวเพื่อให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้วที่จะลองดู
“ฮ่าฮ่า หรอครับ? ทำไมมาบอกเอาป่านี้ล่ะ?” ฉีเติ่งเสียนถามกลับอย่างยิ้มๆ
เขารู้สึกว่าตระกูลสวีเริ่มสนใจเพราะเห็นความแตกต่างว่าทางซ่งอู่เริ่มสนับสนุนจั่วเฉิน
เขาไม่เชื่อว่าตระกูลที่บีบให้คนในตระกูลตัวเองฆ่าตัวตายเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์จะสามารถมีคุณธรรมอะไรได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...