ฉีเติ่งเสียนกำลังจะออกจากสนามบินเผิงไหล เขาก็ได้บังเอิญเห็นหยางกวนกวน เฮ่อตั่วเหลียน จ้านเฟย หวงชงและคนอื่น ๆ เดินมาพร้อมกัน ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
ขณะนั้นจ้านเฟยก็มองเห็นฉีเติ่งเสียนเช่นกัน เขาเป็นผู้มีฝีมือสูง ทำให้สามารถรับรู้ได้ถึงพลังที่แกร่งกล้า ดังนั้นเขาจึงหันไปมอง
“อาจารย์ฉี นี่คุณเพิ่งลงจากเครื่องบินมา คุณไปไหนมาหรอ”จ้านเฟยยิ้มขึ้นก่อนที่จะโค้งคำนับและถามไถ่
“อาจารย์จ้าน ฉันไปที่คลังสินค้าของโมตู เพื่อสัมผัสกับชีวิตของทหารปฏิวัติ”ฉีเติ่งเสียนตอบกลับ “สงครามใกล้เข้ามาแล้ว พวกเราต้องรีบดูแลรักษารอยพระพุทธบาท”
ขณะที่พูด เขามองไปที่หยางกวนกวนและคนอื่นพร้อมถามว่า: “พวกคุณมาได้อย่างไรกัน”
เฮ่อตั่วเหลียนดีใจจนพูดขึ้นว่า: “ฉันมาร่วมการต่อสู้น่ะ!”
ฉีเติ่งเสียนโมโหอย่างมากจึงตีเธอที่หน้าผากพร้อมดุเธอ: “นำเงินจำนวนหนึ่งมาให้ที!”
เฮ่อตั่วเหลียนพูดอย่างเสียใจ: “ฉันไม่ได้อยากจะเข้าร่วมการต่อสู้ของใคร หากเป็นการต่อสู้ของคลาร์กล่ะ”
หวงชงเงียบสนิทไม่กล้าพูดอะไร เพราะเขาก็อยากเข้าร่วมการต่อสู้เช่นกัน
“สงครามใกล้เข้ามาแล้ว แน่นอนว่าพวกเราต้องมาชมอย่างแน่นอน”หยางกวนกวนพูดกับฉีเติ่งเสียน
ฉีเติ่งเสียนรีบตอบกลับไป: “อ้าว ใช่สิ การต่อสู้ครั้งนี้มีชื่อเสียงอย่างมาก มันจึงเป็นเรื่องเป็นปกติที่พวกคุณจะมาชม”
จ้านเฟยหัวเราะ: “ฉันไม่กล้ามาชมเปล่า ๆ หรอก แค่หวังว่าตัวเองจะเข้าใจอะไรบ้างอย่างจากการแสดงต่อสู้ครั้งนี้”
หยางกวนกวนพูดต่อ: “กำลังจะตัดสินใจติดต่อกับคุณเมื่อกี้นี้ แต่ไม่คาดเลยว่าจะพบกับคุณโดยบังเอิญ”
ในใจของฉีเติ่งเสียนก็ลำบากเช่นกัน จะพากลุ่มคนเหล่านี้ไปอยู่ที่ไหนดี จะพากลับวิลล่าของคุณนายกลุ่มธุรกิจด้วยก็ไม่ได้สิ
คุณนายท่านเป็นคนมีจิตใจโอบอ้อมอารี แต่หากทำแบบนี้ ตัวเราเองก็จะถูกตำหนิไปด้วย
“ผู้คนจำนวนมากจากยุทธภพต่างให้ความสนใจกับเรื่องนี้และต้องการเป็นสักขีพยานในเรื่องนี้ให้ได้” หยางกวนกวนพูดออกมาด้วยความตั้งใจ
“ฉันทราบในเรื่องนี้ดี”ฉีเติ่งเสียนหัวเราะออกมา
แม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศก้ให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแสดงยุทธภพพื้นบ้านของชาวบ้าน ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าชาวผิวขาวคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด จึงทำให้ฉีเติ่งเสียนได้รับความกระทบเช่นกัน การที่ทั้งสองคนมาปะทะกัน พวกเราจะไม่ไปรับชมได้ยังไงล่ะ
เฮ่อตั่วเหลียนพูดกับฉีเติ่งเสียน: “อาจารย์ แม้ว่าคุณจะไม่ได้พาฉันไปฝึกวรยุทธ์บ่อยนัก แต่ทว่าคุณต้องชนะนะไม่อย่างนั้นฉัน......”
อย่างน้อยฉีเติ่งเสียนก็รู้สึกว่าเฮ่อตั่วเหลียนั้นมีความกตัญญูจึงได้พยักต่อตอบเขา
“เดี๋ยวฉันไปนั่งที่โต๊ะสำหรับเด็กเอง!”เฮ่อตั่วเหลียนพูดตอบ
ทันใดนั้นใบหน้าของฉีเติ่งเสียนก็เปลี่ยนไป ทุกคนต่างให้กำลังใจแก่เขา แต่สาวน้อยเฮ่อตั่วเหลียนเอาแต่จะก่อกวนฉันให้จนได้!
ครานี้ฉีเติ่งเสียนไม่ต้องลงมือจัดการเอง เพราะหยางกวนกวนเป็นคนจัดการกับเฮ่อตั่วเหลียนและสอนว่า: “หากเธอยังพูดมั่วซั่ว ฉันจะจัดการกับลิ้นของเธอเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
เฮ่อตั่วเหลียนยิ้มอย่างไม่แยแส: “ไปดีกว่า ฉันจะขอให้คนจัดเตรียมอาหารมื้อค่ำเย็นนี้และจัดที่พักให้สำหรับทุกคน”
ฉีเติ่งเสียนพูดกลับต่อ: “เธอมีบ้านอยู่ที่เผิงไหลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
เฮ่อตั่วเหลียนตอบกลับว่า: “ที่เผิงไหลแห่งนี้ก็มีนายท่านหลายคนไปเล่นไผ่ที่จิงเต่า บางครั้งเรือคาสิโนของตระกูลเฮ่อก็มาจากเผิงไหล ความสัมพันธ์ของพวกเรานั้นไปได้เยี่ยมเลยทีเดียว ทำให้ฉันสามารถซื้อสังหาริมทรัพย์ได้อย่างง่ายดายในเผิงไหล!”
ทันใดนั้นเอง ฉีเติ่งเสียนก็เพิ่งรู้ตัวและพูดต่อว่า: “ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง!”
เขารับประทานอาหารกับผู้คนมากมายและให้ความต้อนรับแก่พวกเขา อีกทั้งเฮ่อตั่วเหลียนก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลที่มีชื่อเสียงของเผิงไหลอีกด้วย
หวงชงถึงกับเงียบไปและเบะปากออกมา
เมื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้ ฉีเติ่งเสียนกำลังคุยกับจ้านเฟยอยู่ในสวนเรื่องการพัฒนาสำนักมวยภายในหลงเหมิน
การพัฒนาสำนักมวยถือว่าเป็นไปได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ดึงดูดผู้มีฝือมือสูงและผู้มีพรสวรรค์จำนวนมากมายังที่แห่งนี้ บางคนถึงกับมีการมอบตัวเป็นศิษย์แก่กันและกัน ซึ่งถือได้เป็นหัวใจหลักของสำนักมวย
จ้ายเฟยถอนหายใจ: “คลาร์กไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ควรจะต่อกรด้วย ครั้งที่ผ่านมา ฉันดูการต่อสู้ระหว่างเขาและจิ่วเฮิง เขาใช้มือจับมังกรจนได้ ฉันคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้จนรู้สึกสิ้นหวังที่หาคำตอบไม่เจอ”
ฉีเติ่งเสียนพูดต่อ: “ใช่แล้วล่ะ ฉันก็กลับไปคิดเช่นกัน เรื่องนี้ต้องใช้ความซับซ้อนในการคิด คนคนนี้มีพรสวรรค์ทางด้านศิลปะการต่อสู้ มิหนำซ้ำเขายังเป็นชาวต่างชาติอีกด้วย”
หยางกวนกวนนำกาแฟที่ถืออยู่วางลงบนโต๊ะจากนั้นค่อย ๆ นั่งลงและพูดกับฉีเติ่งเสียนว่า: “แค่ทำให้ดีที่สุดก็เพียงพอแล้ว สิ่งที่คุณทำมันประจักษ์ให้ทุกคนเห็นแล้ว อย่าทำให้ชีวิตต้องมีอันเป็นไปเลย”
ฉีเติ่งเสียนหัวเราะ: “ในเมื่อเข้ามาในนี้เส้นทางนี้แล้ว ฉันสามารถแยกได้การมีชีวิตเพื่ออยู่รอด หรือจะตายได้ อย่างไรก็ตาม ฉันจะไม่แพ้อย่างแน่นอน วางใจเถอะ!”
หยางกวนกวนพยักหน้าตอบ แม้ว่าเธอจะไม่เคยเห็นฉีเติ่งเสียนพ่ายแพ้มาก่อน แต่ครั้งนี้คนที่เขาจะเผชิญหน้าด้วยคือคลาร์ก ในใจเธอจึงเกิดความไม่มั่นใจขึ้น
ทันใดนั้นฉีเติ่งเสียนก็รับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาลุกขึ้นยืนและขมวดคิ้วอย่างเล็กน้อย
“ฉันสัมผัสได้ว่ามีผู้มีฝีมือสูงบางคนต้องการคิดร้ายกับฉัน” เขาหรี่ตาลงและพูดต่อว่า: “คลาร์ก ตามที่คาดไว้มันไม่ได้ทำให้ฉันผิดหวัง ซึ่งมันมีประโยชน์อย่างมาก!”
ในเวลาเดียวกันทั้งสองคนซึ่งคือจ้าวหงซิ่วและนักพรตเฒ่าก็เดินออกมาจากประตูลานสวนด้วยกัน
มีดาบห้อยอยู่ด้านหลังของนักพรตเฒ่า
เมื่อหยางกวนกวนเห็นนักพรตเฒ่าก็รู้สึกตกตะลึง นี่คือนักพรตเฒ่าที่เคยนอนอยู่บนหลังคารถใช่หรือไม่
ฉีเติ่งเสียนถึงกับตะลึงใจใหญ่: “อาจารย์ปู่?!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...