หลังจากออกจากห้องเกมแล้ว ฉีเติ่งเสียนก็โทรหาเฉินหยูและบอกเธอว่าเขาเพิ่งเจอกับเฉินเย่
เฉินหยูถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้น จากนั้นก็หัวเราะเยาะและพูดว่า “ดูเหมือนว่าจะมีสายลับอยู่รอบตัวฉันมากมาย เฉินเย่คนนี้ไม่เลวเลย!”
ฉีเติ่งเสียนถามว่า "ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของคุณเขาไม่ดีเท่าไหร่?"
เฉินหยูพูดว่า “ไม่ใช่แค่ไม่ดี แต่สามารถบอกได้เลยว่าฉันกับเขาเหมือนน้ำกับไฟ เขากำลังร่วมมือกับยายเฒ่าเพื่อยึดอำนาจของฉันไม่จบไม่สิ้น รอฉันได้โอกาสจะจัดให้สิ้นซาก!”
หลังจากที่ฉีเติ่งเสียนได้ยินแบบนั้น เขาก็ไม่ได้แสดงอาการใดๆ เขาเพียงแต่พูดว่า “ผมมาไกลขนาดนี้ คุณจะไม่เลี้ยงข้าวผมสักมื้อเลยเหรอ?”
เฉินหยูพูดว่า "วันหลังแล้วกัน ช่วงนี้พวกชาวประเทศมี่คึกคักมาก ฉันต้องคอยจับตาดู อีกอย่างยังต้องคอยไปมาหาสู่กับพวกเขาด้วย"
“ก็ได้ วันหลังก็ได้” พระอัครสังฆราชเริ่มเล่นเกมทายคำอีกแล้ว
ฉีเติ่งเสียนเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันดี ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดว่าเฉินหยูให้การต้อนรับไม่ดีพอ
ในช่วงแรกตอนที่เฉียวชิวเมิ่งอยู่ในตระกูลเฉียว เธอก็เผชิญกับสถานการณ์ถูกยึดอำนาจเช่นกัน แต่เธอก็เป็นฝ่ายถูกกระทำมาโดยตลอด ซึ่งนิสัยนั้นตรงกันข้ามกับเฉินหยู เพราะหากว่าใครก็ตามที่ต้องการยึดอำนาจ เธอก็จะจัดการฝั่งนั้นให้สิ้นซาก
นี่คือผู้หญิงที่มีใบหน้าราวกับนางฟ้าแต่มีหัวใจที่ชั่วร้ายซ่อนอยู่ หากเมื่อเธอลงมือ ก็จะโหดร้ายและไร้ซึ่งความปราณี
“ดูเหมือนคุณจะไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ในหนานหยางเท่าไหร่สินะ?” ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม และหันไปหาเฉียวชิวเมิ่งแล้วพูด
“งานหลักของฉันคืองานของมหาวิหาร ฉันไม่มีเวลาไปใส่ใจเรื่องพวกนี้” เฉียวชิวเมิ่งพูดอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย รู้สึกว่าเธอกำลังถ่วงแข้งถ่วงขาอยู่
ใบหน้าของฉีเติ่งเสียนดูมืดทะมึนลงอีก จากนั้นพูดว่า "ผมเปลี่ยนกองทัพราตรีนิรันดร์ทั้งหมดให้เป็นอัศวินแห่งแสงแล้ว อีกอย่างคุณยังเป็นถึงผู้รับผิดชอบเรื่องที่หนานหยาง คุณไม่ใส่ใจสักนิดเลยหรือ? คุณไม่รู้เหรอว่าหนานหยางคือจุดสำคัญ และจะพลาดง่ายๆ ไม่ได้?”
เฉียวชิวเมิ่งโดนเขาดุจนพูดไม่ออก
ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยสีหน้าขรึม "ผมจะลงโทษโดยการจูบกับคุณ!"
เหตุการณ์พลิกกลับกะทันหัน จนเกือบทำให้เฉียวชิวเมิ่งเข่าอ่อน
ขณะที่เขาพูด เขาก็ได้คว้าศีรษะของเฉียวชิวเมิ่งและเริ่มทำการลงโทษเธอ
สำหรับเฉียวชิวเมิ่งแล้ว การลงโทษแบบนี้คือสิ่งที่เธอเต็มใจที่จะยอมรับ
แม้ว่าครั้งหนึ่ง ฉีเติ่งเสียนจะเคยหยอกล้อโดยการให้เฉินหยูสวมชุดแม่ชีและถุงน่องสีขาวไปทำบุญในมหาวิหารเพื่อดึงดูดเหล่าบรรดาลูกศิษย์ แต่จริงๆ นั้นก็เป็นเพียงเรื่องล้อเล่น
มหาวิหารเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งปลูกสร้างศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่สามารถลบหลู่ได้ การแสดงความเคารพต่อมหาวิหารถือเป็นหลักพื้นฐานของบุคคลทั่วไป
ฉะนั้นพระอัครสังฆราชจึงทำได้เพียงรังแกหัวหน้าอัศวินแห่งแสงจากด้านนอกเท่านั้น...
จิ่วเฮิงอยากเป็นหัวหน้ากลุ่มนี้งั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้ เพราะคนที่วันๆ หาแต่เรื่องแบบนั้น ถ้าได้มาเป็นหัวหน้าแล้ว ฉีเติ่งเสียนเกรงว่าเขาจะต้องคอยตามเช็ดตามล้างให้ทุกวันแน่นอน
“หืม นี่รสเผือก ไม่เลวๆ ผมชอบ” ฉีเติ่งเสียนปล่อยเฉียวชิวเมิ่งที่กำลังหน้าแดง เขาลูบริมฝีปากและออกความเห็นอย่างจริงจัง
ลิปสติกบนริมฝีปากของเฉียวชิวเมิ่งหายไป และใบหน้าของเธอก็แดงก่ำราวกับดวงอาทิตย์ ถ้าเขายังหยอกล้อเธอแบบนี้อีก เธอคงต้องหาหลุมมุดหนีเข้าไป
ฉีเติ่งเสียนพูดว่า “เมื่อครู่ผมแค่ล้อเล่น คุณก็แค่ทำหน้าที่ของคุณให้ดีก็พอ เรื่องของหนานหยาง ก็ไม่ต้องสนใจขนาดนั้น”
เฉียวชิวเมิ่งพยักหน้าเบาๆ และตอบตกลงด้วยเสียงเบาหวิว "ตกลง"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...