ฉีเติ่งเสียนสังเกตเห็นว่าคนของสมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งหนานหยางต่างทยอยกันออกไปทีละคน ซึ่งก็ผิดจากเรื่องที่คาดไว้
ฉินเอ้าเองก็ถูกจิ่วเฮิงซัดจนเกือบหมดสภาพไปแล้ว พวกเขาจะมีความกล้าอะไรมาต่อกรกับจิ่วเฮิงอีก? หรือคิดจะลงเอยเหมือนฉินเอ้า ที่ต้องใช้ชีวิตที่เหลือบนรถเข็นหรือไม้เท้าอย่างงั้นหรือ?
แม้กระทั่งฉินเอ้าที่ยังสามารถเดินด้วยไม้เท้าได้นั้น ก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว
"ไปกันเถอะ เวลาใกล้จะถึงแล้ว พวกเราควรจะขึ้นฝั่งได้แล้ว" ฉีเติ่งเสียนพูดกับอิเลียน่าจินวา
ทางด้านจิ่วเฮิงเองก็รู้สึกว่าใกล้ถึงเวลาที่ต้องกลับไปกินมื้อเย็นแล้ว เขาจึงเรียกเด็ก ๆ ให้ไปที่ลานจอดรถเพื่อขึ้นรถบัสกลับไปที่โบสถ์
เขามองฉีเติ่งเสียนแวบหนึ่งก่อนจะส่งเสียงหึเบา ๆ แล้วด่าด้วยความดูแคลนว่า "ไอ้ผู้ชายเฮงซวย!"
ฉีเติ่งเสียนไม่ได้ใส่ใจกับคำด่าของพระบ้าคนนี้เลย คิดในใจว่า พระอะไรจะเข้าใจเรื่องความรักได้? ผู้ชายอย่างผมเป็นคนที่รักเดียวใจเดียวที่สุดแล้ว!
อิเลียน่าจินวาพูดขึ้นว่า "สมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งหนานหยางมีอิทธิพลอย่างมากในเขตหนานหยาง พวกเขามีผู้มีฝีมือสูงอยู่ภายในเยอะ ทำให้กลุ่มอำนาจต่าง ๆ พยายามเข้ามาสร้างความสัมพันธ์ แม้แต่ตระกูลเฉินก็ยังคอยสนับสนุนเงินให้พวกเขาเพื่อรักษาความสัมพันธ์นี้"
ฉีเติ่งเสียนพยักหน้าแล้วตอบว่า "ไม่ใช่แค่ตระกูลเฉินเท่านั้น สมาคมหัวเมิ่นก็ยังพยายามเข้าหาเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีด้วย เธอรู้จักสมาคมหัวเมิ่นใช่ไหม?"
อิเลียน่าจินวาตอบว่า "สมาคมหัวเมิ่นน่ะหรือ? รองประธานสมาคมชื่อเป่ยบูฉี คนที่ถูกนายจับไปที่นครรัฐวาติกันเกือบจะถูกตัดสินว่าเป็นนอกรีต ต้องจ่ายเงินถึงสิบล้านดอลลาร์ถึงจะได้ออกมา"
ฉีเติ่งเสียนได้แต่กระตุกมุมปากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขาไม่คาดคิดเลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่สมเด็จพระสันตะปาปาเป็นคนสร้างปัญหาขึ้นมา มันไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย เขาเพียงแค่ให้หลักฐานและข้อมูลเท่านั้น ไม่ได้ข่มขู่เรียกเงินใครทั้งสิ้น
“เธออยากกลับไปที่ประเทศเสวี่ยไหม?” ฉีเติ่งเสียนถามขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย
อิเลียน่าจินวาได้ยินคำถามแล้วนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า “ตอนนี้ฉันยังไม่อยากกลับ”
“ทำไมล่ะ?” ฉีเติ่งเสียนถามต่อ
อิเลียน่าจินวาตอบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ว่า “รัฐบาลประเทศเสวี่ยทำให้ฉันเจ็บปวดมากเกินไป ถ้าฉันกลับไป คงไม่สามารถข้ามผ่านความรู้สึกในใจตัวเองได้ ตอนนั้นพวกเขาบังคับให้ฉันเข้าค่ายหยานจืออิง แต่ตอนนี้กลับมาขอร้องให้ฉันกลับไปยกธงปฏิวัติของปู่ขึ้นอีกครั้ง เพื่อต่อต้านเหล่าคณาธิปไตย...ฉันเข้าใจดีว่าความปรารถนาของปู่คือการทำให้ประเทศดีขึ้น แต่ฉันก็ยังไม่อยากกลับไป”
ไม่ว่าจะเป็นเยเลน่าหรืออิเลียน่าจินวา พวกเธอต่างก็หมดหวังในตัวรัฐบาลที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชันของประเทศเสวี่ย
ปัจจุบัน รัฐบาลต้องการให้พวกเธอกลับไปเพื่อยกธงปฏิวัติของปู่ขึ้นมาใหม่ เพื่อเผชิญหน้ากับเหล่าคณาธิปไตย แต่พวกเธอหมดสิ้นความสนใจที่จะกลับไปนานแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยเลน่า ตอนนั้นคนรุ่นพ่อแม่ของเธอเลือกที่จะต่อสู้กับเหล่าคณาธิปไตยจนถึงที่สุด แต่สุดท้ายก็ถูกคนของตัวเองหักหลัง ทำให้ทุกการต่อสู้จบลงด้วยความล้มเหลว
ในประเทศเสวี่ยยุคปัจจุบัน คณาธิปไตยแบ่งแยกดินแดนของตัวเองออกไป พร้อมความทะเยอทะยานที่น่ากลัว แต่ละคนล้วนต้องการแบ่งแยกดินแดนเป็นของตัวเองและแยกตัวเป็นอิสระจากประเทศเสวี่ย รัฐบาลจึงหันมามองหาลูกหลานของเหล่าวีรบุรุษในอดีตเพื่อดึงพวกเขามาเป็นกำลังสำคัญ
แต่ด้วยความที่รัฐบาลประเทศเสวี่ยเต็มไปด้วยการคอร์รัปชันจนสิ้นหวัง แม้กระทั่งลูกหลานของเหล่าวีรบุรุษเหล่านั้นยังไม่กล้าไว้วางใจ พวกเขาทุกคนต่างกลัวว่าจะกลายเป็นเหยื่อในเกมการเมืองที่น่าสะพรึงกลัวนี้
“หรือว่านายอยากให้ฉันไปสนับสนุนคุณกูซินสกี้หรือคุณวิโนกราดอฟ?” อิเลียน่าจินวาถามขึ้นอย่างฉับพลัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...