หลังจากเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของฉีเติ่งเสียนแล้ว จ้าวถูหลงกลับไม่แสดงท่าทีประหลาดใจแม้แต่น้อย ยังคงสงบนิ่งเช่นเดิม
ฉีเติ่งเสียนปล่อยแขนทั้งสองข้างแนบลำตัว ก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชา
"คุณเองก็ไม่ต้องแสร้งทำอีกแล้ว คุณไม่ใช่จ้าวถูหลงตัวจริงแน่ ฉันเคยพบจ้าวถูหลงมาก่อน แม้ชื่อของเขาจะฟังดูน่าเกรงขาม แต่แท้จริงแล้ว เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์ขี้ขลาด ส่วนวรยุทธ์ของคุณ... แตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง!"
จ้าวถูหลงได้ยินดังนั้นก็เพียงแค่ยิ้ม ก่อนจะถามกลับไป "แล้วคุณคิดว่าฉันเป็นใคร?"
ฉีเติ่งเสียนหรี่ตาลงก่อนตอบ "หากฉันเดาไม่ผิด คุณน่าจะเป็นจ้าวซวนหมิงใช่มั้ย?"
จ้าวถูหลงยืนมองฉีเติ่งเสียนเงียบๆ โดยไม่กล่าวอะไร
"เป็นถึงยอดฝีมือขั้นวัชระกายที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน เช่นนั้น ยังจะต้องปิดบังตัวเองด้วยเหรอ?" ฉีเติ่งเสียนพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"อย่างที่คุณพูด ฉันคือจ้าวซวนหมิง"
ทันใดนั้น ร่างของ "จ้าวถูหลง" ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป โครงหน้าของเขาปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง ทว่าผมดำและคิ้วดำของเขายังคงเดิม
ผู้มีฝีมือสูงจะสามารถเปลี่ยนแปลงใบหน้าได้ แต่ก็ไม่ใช่เซียน ที่จะเปลี่ยนสีผิวหรือสีผมได้ตามใจ
เห็นได้ชัดว่าจ้าวซวนหมิงต้องการปลอมตัวเป็นจ้าวถูหลงเพื่อแทรกซึมเข้าสู่หนานหยาง เขาจึงตัดผมให้สั้น และย้อมให้เป็นสีดำ
เมื่อโฉมหน้าที่แท้จริงของจ้าวซวนหมิง ปรากฏขึ้น เสียงอุทานด้วยความตกตะลึงก็ดังกระหึ่มไปทั่วสนามประลอง! ไม่น่าเชื่อว่า กลายเป็นว่ามีคนปลอมตัวอีกคน!
ทว่า จ้าวซวนหมิงไม่ได้มีชื่อเสียง มีหลายคนไม่รู้จัก ทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่รู้ประวัติความเป็นมาของเขา
"จ้าวซวนหมิง เป็นใครกันแน่? ตระกูลจ้าวมีสุดยอดฝีมือมากมาย แต่ฉันไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อนเลย! แล้วที่ฉีเติ่งเสียนบอกว่าวัชระกาย นั่นคืออะไรกัน?"
มีคนทนไม่ไหว เอ่ยถามด้วยความงุนงง
กัวหลินเฟิงสีหน้าขรึมขลัง "วัชระกายคืออาณาจักรวรยุทธ์ในตำนาน ทำลายความว่างเปล่า อยู่เหนือกว่าหยั่งเห็นพระเจ้า! อาณาจักรนี้มิได้เน้นที่พลังหมัดมวยหรือวรยุทธของร่างกาย แต่เน้นที่การพัฒนาจิตวิญญาณ พลังแห่งจิตใจในอาณาจักรนี้ยิ่งใหญ่ถึงขนาดเทียบเท่าเทพและอสูร เพียงแค่ความคิดหนึ่งเดียวก็สามารถสะกดจิตผู้คน หรือแม้แต่ส่งผลกระทบต่อสัมผัสทั้งห้าของมนุษย์ได้”
"ว่ากันว่า หากต้องการก้าวข้ามสู่อาณาจักรนี้ จะต้องฝ่าด่าน ประตูแห่งความเป็นและความตาย"
"ด่านนี้อยู่ภายในสมองของมนุษย์ ตรงบริเวณ จุดยวี่เจิ่นที่อยู่ด้านหลังศีรษะ"
"หากพยายามทะลวงผ่านประตูนี้แล้วพลาดเพียงนิดเดียว เลือดในสมองอาจระเบิดจนถึงแก่ความตายได้ แม้จะรอดมาได้ ก็อาจธาตุไฟเข้าแทรก เพราะสมองได้รับความเสียหายเป็นคนบ้า ๆ บอ ๆ!"
เมื่อได้ฟังคำอธิบายของกัวหลินเฟิง ทุกคนต่างพยักหน้าครุ่นคิดตาม และรู้สึกตกตะลึง วิชายุทธ์ฝึกฝนพลังภายใน แต่ถ้าใครคิดจะนำพลังภายในเข้าสู่สมอง นั่นมันบ้าชัดๆ?!
สมแล้วกัวหลินเฟิงเป็นถึงประธานของ สมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งหนานหยาง เขารอบรู้มาก แม้แต่วัชระกาย อาณาจักรนี้ก็ยังรู้จักด้วย
"เมื่อครู่ฉีเติ่งเสียนบอกว่าจ้าวซวนหมิง เป็นยอดฝีมือระดับวัชระกาย? เช่นนั้น เขาเป็นผู้ที่บรรลุระดับนั้นจริง ๆ เหรอ?!" มีคนหนึ่งที่เพิ่งได้สติ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความตกตะลึงสุดขีด
กัวหลินเฟิงสีหน้าหนักแน่น ส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า “ฉันไม่รู้ คงต้องได้ปะทะกับเขาจริงๆ ถึงจะได้คำตอบ”
แม้จ้าวซวนหมิงจะร้ายกาจเพียงใด แต่ฉีเติ่งเสียนกลับไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขายืนหยัดด้วยท่าทีสงบเยือกเย็น
“ครั้งก่อนที่เมืองหลวง พวกคุณขัดขวางแผนการใหญ่ของเรา” จ้าวซวนหมิงเอ่ยเสียงเรียบ น้ำเสียงของเขาเย็นชาไร้ความรู้สึก ราวกับว่าทุกสิ่งล้วนเล็กจ้อยและไร้ความหมายในสายตาของเขา
“ถ้าฉันต้องพบกับคนแบบนี้ เกรงว่าคงทำได้แย่กว่าอวี้เสี่ยวหลงเสียอีก”
“หมัดของฉันแข็งแกร่งมาก แต่หมัดของคนผู้นี้ ยิ่งแข็งแกร่งกว่าฉันเสียอีก!”
จิ่วเฮิงเองก็ไม่รู้ว่าฉีเติ่งเสียนจะเอาชนะได้หรือไม่ ท้ายที่สุดแล้ว อีกฝ่ายเคยเอาชนะฉีปู้อวี่มาแล้ว แม้ว่าจะยังไม่ถึงระดับวัชระกายที่แท้จริง แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอเลยแม้แต่น้อย
ฉีเติ่งเสียนไม่ได้เป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อนในทันที แต่กลับเฝ้าสังเกตจ้าวซวนหมิงตั้งแต่หัวจรดเท้า ชายผู้นี้มีพลังจิตที่แข็งแกร่ง แผ่รัศมีอันน่าเกรงขาม ทุกการหายใจเข้าออกของเขาสอดคล้องกับหลักหยินหยางแห่งลัทธิเต๋า เมื่อเขายืนอยู่ตรงนั้น ก็ดูราวกับว่าหลุดพ้นจากสรรพสิ่งในโลกนี้ไปแล้ว
จ้าวซวนหมิงให้ความรู้สึกกับฉีเติ่งเสียนราวกับเป็นผู้ที่ก้าวข้ามสามภพ และไม่อยู่ภายใต้ธาตุทั้งห้า คล้ายดั่งเซียนที่แท้จริง!
“ดี วันนี้ฉันจะลองดูว่าระดับ วัชระกายของคุณจะแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่!” ฉีเติ่งเสียนเปล่งเสียงลมหายใจออกมาเสียงดังสนั่น ร่างเคลื่อนไหวตามเสียง
กล่าวจบ ก็เข้าใหล้ถึงจ้าวซวนหมิงแล้ว
เมื่อจ้าวซวนหมิงเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับฉีเติ่งเสียนเช่นนี้ ก็ไม่คิดจะปิดบังพลังของตนอีกต่อไป พลังเลือดลมเดือดพล่าน เปล่งพลังออกมาเต็มที่!
เมื่อฉีเติ่งเสียนเข้าใกล้ในระยะประชิด ก็ปล่อยพลังวั่ยกังอันทรงพลังออกมา ลมหายใจจากกระเพาะลมที่พองโตถูกบีบอัดผ่านปอดและหลอดลม ก่อนจะพ่นออกจากปากเป็นลมพายุที่มีแรงกดดันมหาศาล!
เพียงแค่กระบวนท่านี้ ก็สามารถพัดผู้ใหญ่ให้ปลิวกระเด็นได้!
ทว่า จ้าวซวนหมิงกลับยกมือขวาขึ้นและปล่อยหมัดออกไป พายุลมที่พุ่งเข้ามาถูกหมัดนี้ทำลายจนกระจายหายไปในพริบตา จากนั้น เขาใช้นิ้วมือขยายออก แล้วพุ่งเข้าจับที่ลำคอของฉีเติ่งเสียน โดยตรง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...