ระหว่างทางไปยังวิหาร ฉีเติ่งเสียนได้โทรหาสมเด็จพระสันตะปาปา เพื่อแจ้งสถานการณ์ในหนานหยาง พร้อมขอให้พระองค์ช่วยติดต่อทหารประเทศมี่ (อเมริกัน) ที่ประจำอยู่ใกล้ๆ ให้มาช่วยคุ้มกัน
พวกประเทศมี่เอาแต่ตระเวนอยู่ต่างประเทศอยู่แล้ว ไม่เรียกมาใช้ก็เสียดายเปล่า ถึงแม้จะน่ารำคาญไปบ้าง แต่ก็ไม่มีใครกล้าหาเรื่องพวกมันง่ายๆ หรอก
การดึงทหารอเมริกันมาเป็นบอดี้การ์ดจะช่วยตัดปัญหาไปได้เยอะ
สมเด็จพระสันตะปาปาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "สถานการณ์ทางนั้น เออร์วิน... เอ้ย! ร็อบเบนรายงานฉันแล้ว เดี๋ยวฉันจะติดต่อกับนายพลวิลเลียม เชสเตอร์ให้เขาส่งคนไปช่วยเดี๋ยวนี้"
ศาสนาศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นต้นกำเนิดสำคัญของอารยธรรมโลกตะวันตก อิทธิพลของสมเด็จพระสันตะปาปานั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าจะมีใครกล้าปฏิเสธ แค่โทรศัพท์สายเดียว ก็เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้มากมาย
"มีเบาะแสของศาสนาอาบาบ้างไหม?!" พระสันตะปาปาเปลี่ยนเสียงเป็นเย็นชา ถามขึ้นมา
เมื่อพูดถึงศาสนาอาบานี้ เขาก็แสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาทันที ท้ายที่สุดศาสนาอาบาทำให้ชื่อเสียงที่สั่งสมมาพังทลาย พักนี้เขาเองก็คอยติดตามสถานการณ์ในหนานหยาง ชะตากรรมของประเทศนี้เป็นอย่างไรไม่ได้สนใจมากนัก แต่ศาสนาอาบานั้นต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก!
ฉีเติ่งเสียนตอบอย่างหนักแน่น "ได้เบาะแสมาแล้วครับ ท่านวางใจเถอะ ภายในเจ็ดวัน จะให้คำตอบที่พอใจที่สุดแก่ท่านได้แน่นอน พระองค์ท่าน!"
สมเด็จพระสันตะปาปาตอบรับเสียงสั้นๆ แล้ววางสาย ก่อนจะรีบติดต่อนายพลวิลเลียม เชสเตอร์ ผู้เป็นนายพลอเมริกัน ให้เขาส่งทหารไปที่มหาวิหารอวตาร เพื่อคุ้มกันสถานที่และทุกคนภายในให้ปลอดภัย
เมื่อนายพลวิลเลียม เชสเตอร์ได้รับโทรศัพท์จากสมเด็จพระสันตะปาปา แน่นอนว่าไม่กล้าชักช้าเลย ความวุ่นวายในหนานหยางครั้งนี้ไม่รู้จะลุกลามไปแค่ไหน ถ้าวิหารเกิดความเสียหาย เขาในฐานะผู้บัญชาการทหารอเมริกันคงไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้
“ทางฝั่งเธอเป็นไงบ้าง?” หลังจากวางสาย ฉีเติ่งเสียนหันไปถามเฉินหยู
"ผู้คนก่อกบฏไปทั่ว สถานการณ์ไม่ดีเลย แต่พวกมันจะกร่างได้ไม่นานหรอก" เฉินหยูตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่แฝงความเย็นเยียบ
เมื่อฉีเติ่งเสียนกลับมาถึงมหาวิหารอวตาร เขาพบว่าโบสถ์ขนาดใหญ่แน่นขนัดไปด้วยผู้ลี้ภัย มีทั้งชาวจีน ชาวหนานหยาง และแม้แต่ชาวต่างชาติที่ตกใจกลัวจากเหตุจลาจล ก็พากันหนีมาหลบภัยในโบสถ์
เฉียวชิวเมิ่งเดินเข้ามารายงาน "คนอพยพเข้ามาเกือบจะหลายพันคนแล้วค่ะ และยังมีคนทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ ตอนนี้กำลังคนของเราเริ่มไม่พอแล้ว"
ฉีเติ่งเสียนพูดว่า “รับคนต่อไปเถอะ พวกเขาล้วนเป็นคนที่น่าสงสาร พวกเราเตรียมเสบียงอาหารและน้ำไว้ล่วงหน้าเพียงพอที่จะรองรับผู้คนได้อีกมาก”
ชาวจีนบางคนทรุดตัวลงคุกเข่าร้องไห้อย่างเจ็บปวด พวกเขาหนีรอดมาได้ แต่ญาติพี่น้องและเพื่อนกลับถูกสังหารจนหมด ทำให้รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง
ครั้งหนึ่งเคยมีคนเตือนพวกเขาให้รีบออกจากหนานหยาง เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ร้ายแรง แต่พวกเขาไม่ยอมฟัง เพราะคิดว่าเรื่องเลวร้ายคงไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง คิดว่าตัวเองโชคดีเป็นคนที่ถูกเลือกจากสวรรค์ แต่เมื่อภัยมาถึงจริง ๆ ก็ทำได้เพียงร้องไห้คร่ำครวญ
ฉีเติ่งเสียน พูดเสียงหนักแน่น “จับตาดูข่าวสารจากภายนอกตลอดเวลา ดูว่าคนของเราที่ส่งออกไปช่วยชีวิตสหายพี่น้องได้กี่คน ถ้าพวกเขาต้องการกำลังเสริม ก็ต้องรีบจัดการทันที!”
ชาวจีนบางส่วนที่โชคดีหน่อยสามารถขึ้นเรือประมงหนีออกไปได้ ส่วนคนที่ไปไม่ได้ก็ต้องรวมตัวกันภายใต้การนำของหัวหน้าชุมชนชาวจีนในพื้นที่ เพื่อต่อสู้กับชาวหนานหยางที่คลั่งไคล้ แต่ถึงแม้จะร่วมมือกันต้านไว้ได้บ้าง ชาวจีนในหนานหยางก็ยังคงมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก รวมถึงสูญเสียทรัพย์สินไปมหาศาล
ข่าวร้ายหลั่งไหลเข้ามาถึงมหาวิหารอวตารอย่างต่อเนื่อง แทบไม่มีข่าวดีเลย
“ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป พื้นฐานทั้งหมดของชาวจีนในหนานหยางจะถูกทำลายจนหมดสิ้น รวมถึงตระกูลเฉินด้วย พวกเราก็จะถูกกวาดล้างไปด้วย ตระกูลจ้าวช่างบ้าคลั่งเหลือเกิน วางแผนโหดเหี้ยมแบบนี้ ทำให้คนบริสุทธิ์ต้องตายไปตั้งเท่าไหร่?” เฉียวชิวเมิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...