ฉีเติ่งเสียนและเฉินหยูกำลังรับประทานอาหารที่ตระกูลเฉิน อันที่จริง แม้จะมีอาหารอุดมสมบูรณ์อยู่ตรงหน้า แต่เขากลับรู้สึกไม่ค่อยอยากทานมันสักเท่าไหร่
ท้ายที่สุด ผู้คนมากมายยังคงทนทุกข์ทรมาน แต่ที่นี่กลับจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำมื้อค่ำสุดหรูหรา
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เฉินหยูก็รีบจัดการเรื่องรัฐบาลชั่วคราวอย่างเร่งรีบ เธอต้องคัดเลือกและแต่งตั้งบุคคลที่มีความสามารถ รวมถึงหาคนที่เธอสามารถไว้วางใจได้
ฉีเติ่งเสียนเอ่ยขึ้นว่า “สุดท้าย สิ่งที่เธอทำก็ไม่ต่างอะไรจากการตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียวอยู่ดี แบบนี้ไม่ใช่เผด็จการหรือไง?”
เฉินหยูส่ายศีรษะก่อนเอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่ใช่แบบนั้น นี่เป็นเพียงรัฐบาลชั่วคราว ฉันจะร่างกฎหมายบางอย่างขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้น ทุกอย่างจะดำเนินไปตามกฎหมาย เพื่อให้หนานหยางค่อย ๆ ก้าวเข้าสู่สังคมที่เสรีและมีอารยธรรม”
“จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ฉันคิดว่าทุกคนคงมองเห็นชัดเจน ว่าหากยังคงปกครองด้วยวิธีการแบบเดิม สุดท้ายก็จะนำมาซึ่งหายนะ”
“เพราะฉะหลังจากที่สถานการณ์ในหนานหยางสงบ ตระกูลเฉินก็จะถอนตัวไปอยู่เบื้องหลัง อำนาจของรัฐบาลจะถูกกระจายออกไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนมีสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งและสามารถปกป้องสิทธิของตนเองได้”
เมื่อฉีเติ่งเสียนได้ยินเช่นนั้น จิตใจของเขาก็พลันรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว นี่สิถึงจะเรียกว่ามีอุดมการณ์เดียวกันจริง ๆ
ก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะช่วยเหลือตระกูลเฉิน แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังรู้สึกขัดแย้งอยู่บ้าง ทว่าเมื่อเฉินหยูมีเป้าหมายเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องมีความกังวลอะไรอีกต่อไป
“นี่สิถึงจะเป็นการปฏิวัติอย่างแท้จริง” ฉีเติ่งเสียนกล่าวด้วยความเห็นพ้องต้องกัน
เขาติดตามเฉินหยูไปจัดการเรื่องต่าง ๆ คอยดูว่าเธอจะรับมือกับปัญหาอย่างไร จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงตีสอง ทุกอย่างถึงได้คลี่คลายลง
ในขณะเดียวกัน เฉินหยูก็ได้รับข่าวว่าตระกูลจ้าวและสมาคมหัวเมิ่นได้ติดต่อกับบรรดาข้าราชการระดับสูงของรัฐบาลกลางที่รอดพ้นจากหายนะ และพวกเขาเองก็ได้จัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวขึ้นมาเช่นกัน
เรื่องนี้อยู่ในความคาดหมายของเธออยู่แล้ว ขณะเดียวกันเธอก็ยิ้มเยาะในใจ
ด้วยการสนับสนุนจากวิลเลียม เชสเตอร์ เธอก็ไม่มีอะไรต้องกังวล ขอเพียงแค่ประเทศมี่ไม่ให้การยอมรับรัฐบาลชั่วคราวของฝ่ายตรงข้าม พวกนั้นก็จะทำอะไรไม่ได้นอกจากมืดแปดด้าน และเหนื่อยเปล่าเท่านั้น
และฟูเฟิงหยุนก็จะพยายามผลักดันให้รัฐบาลของประเทศหัวกั๋วออกแถลงการณ์
หนานหยางได้เกิดการจลาจลและการสังหารหมู่ขนาดใหญ่ขึ้นในครั้งนี้ ประเทศไม่สามารถไม่ให้ความสนใจได้ การสนับสนุนรัฐบาลเฉพาะกาลของเฉินหยูจึงสอดคล้องกับผลประโยชน์และจุดยืนของประเทศ
หากมีใครพยายามใช้อำนาจไปสนับสนุนรัฐบาลเฉพาะกาลอีกฝ่าย ก็จะทำให้ชาวจีนทั้งโลกต้องรู้สึกเย็นชาและไม่พอใจ
“ในที่สุดก็เสร็จสักที เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” เฉินหยูบิดขี้เกียจพร้อมกับถอนหายใจยาว ๆ
ฉีเติ่งเสียนมองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ ก่อนพูดขึ้นว่า “รีบไปพักเถอะ พอเช้าขึ้นมาต้องพารัฐบาลชั่วคราวเข้ายึดศาลาว่าการ เรื่องนี้พลาดไม่ได้ ต้องรีบกอบกู้ความสงบให้เร็วที่สุด”
เฉินหยูพยักหน้า ถอดแว่นออกแล้วยิ้มพลางเอ่ยว่า “ลำบากนายเลย อุตส่าห์อยู่ช่วยฉันมานานขนาดนี้”
“เฮอะ คำพูดเป็นพิธีใครก็พูดได้ ถ้าสำนึกจริงก็เลี้ยงปลาฉันสักมื้อล่ะกัน” ฉีเติ่งเสียนแสยะยิ้มพลางทำหน้าบึ้งตึงเหมือนเด็กงอแง
“อีคิวต่ำซะจริง” เฉินหยูค้อนใส่ก่อนตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ แล้วหมุนตัวเตรียมเดินจากไป
ฉีเติ่งเสียนเอื้อมมือโอบรอบเอวบางเธอ พลางพูดติดตลกว่า “โห คุณเฉิน ดึกขนาดนี้แล้ว ข้างนอกอันตรายนะ อยู่พักที่นี่ดีกว่าไหม?”
เฉินหยูรู้สึกถึงมือปลาหมึกของเจ้าหมอนี่ที่เริ่มจะไม่อยู่ไม่สุก แต่เธอก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไรเสียทีเดียว ท้ายที่สุดเวลาตกปลาก็ต้องมีเหยื่อล่อบ้าง ไม่อย่างนั้น อีกหน่อยจะตกปลาได้อย่างไรกัน
“ได้ งั้นก็พักด้วยกัน ยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องออกไปด้วยกันอยู่แล้ว” เฉินหยูกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะยื่นมือไปจูงเขาเดินไปที่เตียงอย่างไม่ลังเล จากนั้นก็กระดกส้นเท้าเบา ๆ ให้รองเท้าหลุดออก แล้วล้มตัวลงนอนอย่างสบายใจ
พระอัครสังฆราชฉีดพลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที รีบล้มตัวลงนอนแนบชิดเธอ และแล้วเจ้าตัวกลับยังไม่รู้ตัวอีกว่ากำลังเล่นกับไฟ เพราะเฉินหยูกลับขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม แถมยังซบศีรษะลงบนอกของเขาหามุมที่สบายที่สุดอีกด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...