“คุณยิ้มอะไร!”
สวีเอ้าเสวี่ยกำลังเพลิดเพลินกับความคิดอยู่ เมื่อเธอได้ยินเสียงหัวเราะของฉีเติ่งเสียนสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นหงุดหงิดทันทีแล้วถามด้วยน้ำเสียงเรียบ
ปกติเธอเองเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ได้ดีมาก แต่ว่าเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับฉีเติ่งเสียนเธอมักจะอารมณ์เสียง่ายและอารมณ์แปรปรวนง่าย
ฉีเติ่งเสียนยิ้มและกล่าวว่า “ผมยิ้มให้กับความรัก ๆ เกลียด ๆของระหว่างเราสองคนที่มีมาเนิ่นนานขนาดนี้ แต่คุณกลับไม่ยอมปล่อยมือ ! คิดดูแล้วก็เป็นประสบการณ์ที่แปลกประหลาดมากช่วงหนึ่ง”
สวีเอ้าเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างว่า “นี่คุณกำลังหาว่าฉันไม่รู้จักประมาณตนเหรอ คิดแต่จะแก้แค้นแต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลวใช่ไหม ”
ฉีเติ่งเสียนกล่าวว่า “ ผมไม่ล้อคุณเล่นหรอก เพราะว่าคุณเป็นคนที่พยายามอยากพิสูจน์ตนเอง บุคคลเช่นนี้ควรค่าแก่การเคารพและควรค่าแก่การยกย่อง”
สวีเอ้าเสี่ยลุกขึ้นยืนด้วยความโมโห ฉีเติ่งเสียนจึงอ้าแขนเป็น “การกอดเสือกลับภูเขา”กอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน
เธอถูกฉีเติ่งเสียนสวมกอดไว้ในอ้อมอก สวีเอ้าเสวี่ยทั้งรู้สึกตกใจทั้งรู้สึกโกรธและยังรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
"พวกเราสวมควรปล่อยวางความแค้นเหล่านั้นลงหรือเปล่า พวกเรามาลองพิจารณาไปด้วยกันอีกครั้งไหมครับ" ฉีเติ่งเสียนถาม น้ำเสียงของเขาช่างนุ่มนวล อ้อมกอดของเขาก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
ซึ่งขณะนี้เองสวีเอ้าเสวี่ยค้นพบว่าตนเองรู้สึกจมดิ่ง ภายในใจเกิดความรู้สึกหวาดกลัวแบบนั้นที่ถูกเขากอดซึ่งเป็นเรื่องดี สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่น
ตนเองเป็นคนที่ต้องการแก้แค้นอย่างชัดเจน ต้องการเหยียบฉีเติ่งเสียนให้สยบแทบเท้าตน ต้องการทำให้เขาเสื่อมเสียเพื่อเป็นการะบายความแค้น ทว่าตอนนี้เธอกำลังเริ่มเสพความสุขจากอ้อมกอดของเขางั้นเหรอ !
และในขณะนี้สวีเอ้าเสวี่ยกำลังนึกถึงความขับข้องใจที่ตนเองได้รับมาทั้งหมดสองปีมานี้ อีกทั้งยังต้องต่อสู้เพื่อกิจการเลยต้องแบกรับความลำบากทั้งหมด รวมถึงความหวาดระแวงที่จะถูกคนฆ่าแกงกันเมื่อไหร่ก็ได้……สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เธอพยายามมาทั้งหมดก็สูญเปล่า เธอสับสนไปชั่วขณะ สับสนจนเธอน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย
เธอไม่ใช่คนอ่อนแอ ถ้าไม่อย่างนั้นเธอที่ถูกตระกูลทอดทิ้งตอนนั้นก็คงยอมแพ้และรอคอยความตายไปแล้ว คงไม่คิดหาวิธีแก้ปัญหา คงไม่คิดที่จะกลับขึ้นมาใหม่ได้
แต่ว่าตอนนี้ความแข็งแกร่งเหล่านั้นของเธอนั้นราวกับไม่มากพอที่จะประคองจิตวิญญาณโลกของเธอ เธอแค่รู้สึกเหนื่อยล้า เหนื่อยล้าไปทั่วทั้งร่างกายและจิตใจ
หยาดน้ำตานี้เต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ น้อยใจและความรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
“เฮ้อ จะให้ฉันปล่อยวางได้อย่างไรล่ะ คุณทำให้ฉันต้องแพ้อย่างน่าอนาถขนาดนี้ ทำให้ฉันอัปยศอดสูมากขนาดนี้ แค่พูดประโยคง่าย ๆ ก็คิดว่าหายแล้วงั้นเหรอ ” สวีเอ้าเสวี่ยปากแข็งอยู่ แต่มือทั้งสองกลับจับไปที่ใต้ซี่โครงของฉีเติ่งเสียนและเธอก็กระโดดขึ้นคร่อมบนหลังของเขา
น้ำตาของเธอทำให้ด้านหน้าของเสื้อผู้สวมกอดเธอเปียกชื้นหมดแล้ว
“ถ้าหากว่าคุณไม่แพ้ ระหว่างเราสองคนคงไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งมากมายขนาดนี้” ฉีเติ่งเสียนกลับพูดว่า “ เมื่อคิดแบบนี้แล้ว บางทีอาจจะเป็นวาสนากระมัง”
เขาโอบกอดสวีเอ้าเสวี่ย เพื่อผู้หญิงคนนี้เขาอยากพยายามนำสิ่งที่เธอสูญเสียไปกลับคืนมา มีความน่าเสียดายที่ไร้คำบรรยาย และก็อยากคลี่คลายความขัดแย้งความแค้นทั้งหมดกับเธอ อยากใช้ชีวิตร่วมกับเธอในสถานะใหม่ต่อไป
“เมื่อคิดถึงวันนั้นที่คุณแพ้ให้กับผม ทำตามเดิมพันสำเร็จ วันแบบนั้นก็ดีมากไม่ใช่เหรอ” ฉีเติ่งเสียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ดี ไม่เห็นจะดีเลยสักนิด ฉันแค่อยากฆ่าคนชั่วอย่างคุณต่างหากล่ะ! ” สวีเอ้าเสวี่ยยังคงปากแข็งและดื้อรั้น แต่มือของเธอก็ค่อย ๆ จับหลังของเขาและเกาะไว้แน่นมากขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นผมให้โอกาสคุณ ผมให้มีดคุณ คุณลองดูว่าตรงส่วนไหนเหมาะสมที่จะแทงมันเข้าไป” ฉีเติ่งเสียนถาม
สวีเอ้าเสวี่ยถึงกับกัดฟันกรอดกล่าวว่า “ แบบนี้ยิ่งไม่ดีเลย คุณกำลังทำให้ฉันอับอาย ! ฉันต้องยิ่งใหญ่ด้วยตนเอง ต้องใช้ความสามารถของตนเองมาจัดการเรื่องนี้ ”!
แน่นอนว่าคนรักเก่าอย่างไรก็คือคนรักเก่า หยิ่งยโสจนไม่สนอะไร เพียงแต่ทำไมตอนนี้ถึงได้น่ารักขนาดนี้กันล่ะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...