ฉีเติ่งเสียนแอบรู้สึกถอดถอนใจกับสถานการณ์พลิกผันอย่างกะทันหันที่เฉินหยูกล่าวเช่นนี้ หรืออาจจะกล่าวได้ว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์พลิกผันแต่อย่างใดแต่เป็นความประหลาดใจ
สวีเอ้าเสวี่ยถึงกับรู้สึกว่าตัวเธอเองเป็นผู้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ อันดับแรกถูกฉีเติ่งเสียนแย่งผลงานชิ้นใหญ่ไป และครั้งนี้ยังเจอแผนการยอดเยี่ยมของจ้าวซือชิงผู้ที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อนเล่นงานอีก
ฉีเติ่งเสียนอดไม่ได้ที่จะถามเฉินหยูว่า "เมื่อครู่ผมเห็นว่ามีเพียงแค่คุณที่ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไรเลย ไม่ได้รู้สึกแปลกใจสักนิดเลย"
เฉินหยูยิ้มและกล่าวว่า "ใช่สิคะ เพราะฉันคาดเดาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณจ้าวต้องลงมือแน่นอน"
สวีเอ้าเสวี่ยในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วถามว่า "คุณเอาอะไรมามั่นใจขนาดนี้งั้นเหรอคะ!"
เฉินหยูกล่าว "เธอคอยติดตามสถานการณ์ของหนานหยางมาโดยตลอดหรือจะกล่าวได้ว่าเธอสนใจในตัวคุณมากนั่นเองค่ะ"
ฉีเติ่งเสียนขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า "ดังนั้นคุณถึงคาดเดาแผนการของเธอได้ทั้งหมดว่าจะลงมือในช่วงเวลาสำคัญใช่ไหม"
เฉินหยูพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า "ถูกต้องค่ะ คุณน้าจ้าวเป็นบุคคลสุดยอดความชาญฉลาด ทุกสิ่งทุกอย่างที่คิดใคร่ครวญจะต้องเหนือชั้นมากกว่าพวกเราเป็นหลายเท่า ไม่แปลกอะไรหรอกที่เธอจะรู้ทุกอย่างในหนานหยาง"
ฉีเติ่งเสียนกระเดาะปากรู้สึกว่าเฉินหยูเป็นคนสุดยอดคนหนึ่งที่สามารถคาดเดาได้ว่าจ้าวซือชิง(ผู้เป็นมารดา)จะต้องมีแผนการและการจัดการที่จะลงมือในช่วงเวลาสำคัญแน่นอน
มิน่าล่ะเธอถึงมั่นใจมาก บอกว่ามีสานการณ์พลิกผันอะไรกัน แต่กลับเก็บไว้เป็นความลับ เธอไม่รู้เลยว่าสถานการณ์พลิกผันครั้งนี้คืออะไร แต่เธอรู้ดีว่าถ้าการที่จ้าวซือชิงลงมือนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
สวีเอ้าเสวี่ยไม่เพียงแต่รู้สึกล้มเหลวเพิ่มมากขึ้น ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอถูกจ้าวซือชิงทำให้พ่ายแพ้ ทว่าเฉินหยูกลับมองออกในจุดนี้ก่อนแล้ว แต่เธอกลับไม่รู้สึกถึงลางสังหรณ์เลยสักนิด
เฉินหยูดูเหมือนจะรับรู้ถึงความล้มเหลวและความหดหู่ของสวีเอ้าเสวี่ยจึงกล่าวว่า "คุณเองก็ไม่ต้องรู้สึกล้มเหลวไป ถึงอย่างไรคุณก็ไม่เคยเจอจ้าวซือชิง คุณไม่รู้หรอกว่าเธอเป็นคนอย่างไร"
สวีเอ้าเสวี่ยกล่าว "ถ้างั้นเธอเป็นคนอย่างไรกันล่ะ"
เฉินหยูกล่าว "เธอเป็นคนอบอุ่นอีกทั้งเป็นคนที่ทำอาหารอร่อย หากคุณมีเวลาคุณต้องลองชิมตุ๋นลำไส้ใหญ่ที่เธอทำ รสเลิศเป็นที่หนึ่งเลยทีเดียว"
ฉีเติ่งเสียนเมื่อได้ยินประโยคนี้จึงหลุดยิ้มและคิดว่าเฉินหยูผู้นี้นิสัยไม่ดีจริง ๆ กล้าที่จะโกหกสวีเอ้าเสวี่ยแบบนี้ได้
หากว่าสวีเอ้าเสวี่ยได้ทานตุ๋นลำไส้ใหญ่ที่จ้าวซือชิงทำโดยใช้น้ำที่ใช้ล้างลำไส้ใหญ่จริง ๆ ล่ะก็ ถุย…… ตุ๋นลำไส้ใหญ่ เกรงว่าเธอจะเหมือนกับฉีเฟิงหยุนที่ไม่กล้าแตะต้องเครื่องในสัตว์อีกเลย
"ทำอาหารอร่อยเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย "สวีเอ้าเสวี่ยรู้สึกว่าเฉินหยูกำลังหยอกล้อเธอเล่น เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
"การปกครองชาติใหญ่เหมือนทอดปลาตัวน้อย ๆ ทักษะการทำอาหารของเธอนั้นยอดเยี่ยมมากจนคุณสามารถเห็นเธอในบางส่วนได้" เฉินหยูกล่าวอย่างใจเย็นพร้อมทั้งชื่นชมทักษะการทำอาหารชั้นยอดเยี่ยมของจ้าวซือชิงด้วย
ริมฝีปากของฉีเติ่งเสียนกระตุก คงเป็นเพราะได้ยินทักษะการทำอาหารของจ้าวซือชิงกระมัง เขาและฉีปู้อวี่เพียงแค่คิด ต่างก็รู้สึกหวาดกลัวแล้ว คงมีแค่เฉินหยูที่ฝืนทนกินได้โดยสีหน้าไม่เปลี่ยนสีเลย อีกทั้งยังตั้งใจชื่นชมว่าอร่อยจากใจจริง
สวีเอ้าเสวี่ยกลับรู้สึกว่าสิ่งที่เฉินหยูพูดนั้นมีเหตุผลอยู่บ้าง ถึงอย่างไรคำพูดนี้ก็เป็นคำพูดที่เหลาจื่อหลี่ตันได้กล่าวไว้
สวีเอ้าเสวี่ยกล่าว "มิน่าล่ะ เทียนลั่วเหอถึงมีคำพูดมากมายขนาดนี้ หึหึหึ…… จ้าวซือชิงคุณนี่เก่งกาจจริง ๆ !"
เฉินหยูถาม "บางทีคุณอาจจะไม่ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ก็ได้ คุณไม่สู้ไปถามเธอที่เมืองหลวงเลยล่ะว่าเธอจัดการอย่างไร และถือโอกาสลองชิมอาหารที่เธอทำด้วย"
ฉีเติ่งเสียนไร้คำพูด เขารู้สึกว่าคนรอบตัวเขาเหล่านี้แต่ละคนนิสัยแย่บ้าบอทั้งนั้น พวกเขาอยากเจาะร่มคนอื่นให้เป็นรูรั่ว เพียงเพราะว่าตนเองเปียกฝนงั้นเหรอ
"แพ้ก็คือแพ้ ไม่มีเหตุผลใดที่ไม่ยอมจำนน" สวีเอ้าเสวี่ยส่ายหน้าถอนหายใจ
และสวีเอ้าเสวี่ยก็เป็นคนไม่รู้จักยอมคน ต่อให้ต้องตายเกรงว่าคงไม่ยอมก้มหัวให้เฉินหยูแน่นอน
เฉินหยูกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างว่า "นี่คนแซ่ฉี คุณจะมากเรื่องไปแล้วนะ! ตอนนี้ฉันมีตัวเลือกให้คุณคุณต้องเลือกหนึ่งข้อ คือจะคืนดีกับฉันหรือว่าจะปกป้องคนที่ต้องการชีวิตฉันต่อไป!"
ฉีเติ่งเสียนกล่าว "เธออยากได้ชีวิตคุณ ผมไม่เห็นด้วย เช่นเดียวกันคุณต้องการฆ่าเธอ ผมก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน"
" คุณนี่ดีมากจริง ๆ! " เฉินหยูกล่าวเสียงแข็งและหันหลังเดินจากไป
ฉีเติ่งเสียนอ้าปากค้างและไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร นี่ไม่ใช่ลานซิวหลัวธรรมดา ๆ ไม่มีทางแก้ไขได้เลย!
สวีเอ้าเสวี่ยรู้สึกตะลึงงันและตกอยู่ในความเงียบ
เฉินหยูเมื่อเดินไปถึงหน้าประตูหันหลังกลับมาและยิ้มเล็กน้อยพร้อมขยิบตาให้กับฉีเติ่งเสียน
การแสดงรอยยิ้มเล็กน้อยแบบนี้ทำให้ฉีเติ่งเสียนรู้สึกสับสน ราวกับว่าเฉินหยูไม่โกรธแล้วเหรอ เธอลงทุนทำขนาดนี้เพื่ออะไรกัน
แล้วเขาก็แปลกใจเป็นไปได้ไหมที่เฉินหยูกำลังช่วยเขาคลี่คลายความสัมพันธ์กับสวีเอ้าเสวี่ย จงใจเล่นเป็นผู้ร้ายนั้นเหรอ?
"สมแล้วที่เป็นเพื่อนรู้ใจหนึ่งเดียวของผม เธอดีกับผมมาก" ฉีเติ่งเสียนคิดในใจ
แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนเดินไปตรงที่ข้าง ๆ สวีเอ้าเสวี่ย เขามองดูผู้หญิงคนนี้ที่มีเรื่องราวสับสนมากมายกับตนนับไม่ถ้วนจนเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...