มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 238

สรุปบท บทที่238 มีเหตุผล: มังกรผู้ทรงพลัง

สรุปตอน บทที่238 มีเหตุผล – จากเรื่อง มังกรผู้ทรงพลัง โดย จาง หลงหู

ตอน บทที่238 มีเหตุผล ของนิยายนิยายโรแมนติกในเมืองเรื่องดัง มังกรผู้ทรงพลัง โดยนักเขียน จาง หลงหู เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

"ฉันคิดว่าพวกคุณดูตลกนะ คุณบอกแล้วว่าพวกเราไม่มีไรเกี่ยวข้องกัน แล้วยังจะมาพูดเรื่อยเปื่อยอยู่ที่นี่อีกทําไม?"

"ฉันจะชอบผู้หญิงแบบไหน มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้หญิงแบบไหน เกี่ยวอะไรกับพวกคุณเหรอ?"

ฉีเติ่งเสียนทำสีหน้าจนใจและมองอวี้เสี่ยวหลง แบมือยักไหล่

อวี้เสี่ยวหลงส่ายหัวเบาๆและพูดว่า "ฉันแค่แสดงความคิดเห็นของฉันที่มีต่อนาย นายจะไม่ฟังก็ได้ แต่ฉันอยากจะพูด"

สวี่เอ้าเสวี่ยยิ้มเบาๆ หันหน้าไปทางหยางกวนกวนแล้วพูดว่า "สาวน้อย ดูเขาให้ดี อย่าถูกหลอกล่ะ"

"เธอเป็นเพื่อนสนิทของเฉียวชิวเมิ่ง เขายังทำลงคอเลย เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนที่ดีอะไรเลย"

"เธอนี่ก็โง่พอตัวเลยนะ คาดไม่ถึงว่าจะมีความสัมพันธ์กับคนแบบนี้จริงๆ?"

"ไม่เข้าใจจริงๆ ทําไมผู้หญิงอย่างพวกเธอถึงไม่รู้จักหวงแหนตัวเองบ้าง"

หยางกวนกัดฟันอย่างน่าอับอาย พูดด้วยความโกรธว่า "ประธานสวี คุณไม่เข้าใจเรื่องราวอะไรเลย อย่าประเมินคนอื่นตามอําเภอใจ!"

ในเวลานี้สายตาของฉีเติ่งเสียนเย็นชาลง และรู้สึกโกรธกับคําพูดของสวี่เอ้าเสวี่ย

เขาอ่ะหน้าด้าน ด่าได้ตามใจชอบ แต่หยางกวนกวนไม่เหมือนเขา

หยางกวนกวนเป็นคนขี้ขลาดที่ดูเข้มแข็ง จริงๆแล้วในใจเปราะบางมาก แถมยังเป็นคนที่ไร้เดียงสา ถ้าปล่อยให้คนอื่นใส่ร้ายเธอแบบนี้ ต้องรู้สึกแย่แค่ไหน?

ตามหลักความถูกต้อง ฉีเติ่งเสียนควรออกมาปกป้องเธอในเวลานี้

"สวีอ้าวเสวี่ย ผมพูดไว้ตรงนี้เลยนะ"

"ถ้าอยากรักษาสวีกรุ๊ปของพวกคุณไว้ให้ดีล่ะก็ คุณก็ถอดเสื้อออกให้หมดแล้วส่ายหางบนเตียงเพื่อขอความเมตตาจากผมซะ!"

"ไม่อย่างงั้นละก็ แม้แต่ขนสักเส้นพวกคุณก็ไม่เหลือ!"

"ผมละอยากดูว่า ถึงตอนนั้นคุณยังจะทำท่าทีหยิ่งยโสแบบนี้มาใส่ร้ายสาวผู้บริสุทธิ์อีกหรือเปล่า"

ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชาจนจบ สีหน้ามืดครึ้มและเย็นชา

หลังจากคนรอบข้างได้ยินประโยคนี้ ก็ต่างตกตะลึง แล้วมองหน้ากัน จู่ๆก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา!

"คนนี้เป็นใครกัน?โม้เก่งเหลือกิน ฟังดูเหมือนจะให้สวีกรุ๊ปล้มละลายเลยนะ!"

"ฮ่าฮ่าฮ่า สวีกรุ๊ปเป็นเครือธุรกิจภายใต้ตระกูลสวีแห่งเมืองหลวงเลยนะ ตระกูลสวีเป็นตระกูลที่ใหญ่ขนาดไหน เขาไม่รู้เหรอ?"

"สมองของคนนี้มีปัญหามั้ง ชักว่าวจนเพลินหรือเปล่า? คำพูดที่ดูพิการแบบนี้ก็พูดออกมาได้!"

อวี้เสี่ยวหลงและสวี่เอ้าเสวี่ยได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เป็นรอยยิ้มที่ดูถูกและเหยียดหยาม

สวีเอ้าเสวี่ยมองฉีเติ่งเสียนอย่างดูถูกและหยิ่งผยอง พูดเบาๆว่า "อยากได้ฉันเหรอ? เหอะเหอะ ได้ดิ แต่ฉันกลัวว่านายจะไม่มีโอกาสนี้น่ะสิ"

อวี้เสี่ยวหลงรู้สึกว่าคําพูดของสวีเอ้าเสวี่ยนั้นหยาบคายเกินไป อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และส่ายหัวเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร

"โชว์ให้ฉันดูสิ นายมีความสามารถอะไรที่จะโค่นล้มสวีกรุ๊ปของฉัน มีสิทธิ์อะไรที่จะทําให้ฉันส่ายหางขอความเมตตาจากนายบนเตียง!" สวีเอ้าเสวี่ยยิ้มอย่างเย็นชา กอดอก ท่าทีนั้นดูเหยียดหยามอย่างรุนแรง

การดูถูกแบบนี้ก็เหมือนเทพที่อยู่บนภูเขาโอลิมปัส กําลังดูถูกคนธรรมดาที่ตะโกนว่าต้องการโค่นล้มเขา

"พันธมิตรที่ก่อตั้งโดยสวีกรุ๊ป ตอนนี้ได้ระดมทุนหลายหมื่นล้านแล้ว เขาพูดแบบนี้ออกมา เห็นได้ชัดเลยว่าไม่มีสมอง"

"โค่นล้มสวีกรุ๊ปเหรอ? นายไปหาคนที่รวยที่สุดในตอนนี้ของเมืองหัวกั๋วมา เขาไม่กล้าพูดแบบนี้ออกมาหรอกใช่ไหม?"

"ถ้าเขาสามารถโค่นล้มสวีกรุ๊ปได้ อย่าว่าแต่ส่ายหางอ้อนวอนเลย ให้กูเป็นสุนัขเฝ้าบ้านให้เขา ก็ไม่มีปัญหา!"

ทุกคนต่างหัวเราะเยาะและคิดว่าคําพูดของฉีเติ่งเสียนเป็นเรื่องเพ้อฝัน และเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นจริง แม้แต่ความฝันก็ไม่ถือว่าเป็น พูดได้แค่ว่าเป็นความหลงผิดที่ไม่สมจริงเท่านั้น

หยางกวนกวนฟังคําพูดนี้ของฉีเติ่งเสียน ในใจกลับรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ที่รู้สึกมากกว่านั้นคือความซาบซึ้งใจ

ฉีเติ่งเสียนกดไหล่ของหยางกวนกวนไว้ ไม่ให้เธอโมโหไปมากกว่านี้

และหยางกวนกวนก็กลัวเล็กจริงๆ เพราะยังไงคนที่เผชิญหน้าอยู่คือสวีเอ้าเสวี่ย เธอไม่มีความมั่นใจขนาดนั้น

"ไม่เลว พัฒนาขึ้นเยอะ อย่างน้อยก็ไม่ขี้ขลาดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว" ฉีเติ่งเสียนยิ้ม

หลังจากพูดจบแล้ว ฉีเติ่งเสียนก็กอดไหล่ของหยางกวนกวนแล้วหันหลังออกไปจากโรงแรม เดินพลางพูดพลางอย่างไม่หันว่า "สวีเอ้าเสวี่ย คุณจะได้รู้ว่าคุณผิดแค่ไหน"

เดินไปพลาง ฉีเติ่งเสียนพูดกับหยางกวนกวนไปพลาง "จัดการกับคนแบบนี้ คุณไม่ต้องเปลืองน้ำลายขนาดนั้นหรอก"

"เพราะคนประเภทนี้มักจะรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น มีความรู้สึกเหนือกว่าอย่างอธิบายไม่ได้ คุณพูดอะไรก็ไม่ได้ผล"

"ถ้าอยากให้คนประเภทนี้พูดดีๆกับคุณ งั้นคุณก็ต้องตบหน้าพวกเขา ตบจนพวกเขาตื่นจากภวังค์"

"พูดตามจริงแล้ว หยางเฟยเฟยกับสองคนนี้ต่างก็เป็นคนประเภทเดียวกัน ดังนั้น ครั้งต่อไปคุณต้องรวบรวมความกล้าตบเข้าหน้าของหยางเฟยเฟยนะ"

หยางกวนกวนฟังจนอึ้งไปพักหนึ่ง มองฉีเติ่งเสียนและพูดอย่างงงงวยว่า "ตบหน้าเหรอ? พลโทอย่างอวี้เสี่ยวหลง ก็จัดการด้วยการตบหน้าเหรอ?"

"แน่นอนสิ! เธอเป็นนายพลนะ คุณต้องใช้ปืน เธอมีปืนมากกว่าคุณ ดังนั้นเลยต้องใช้มือตบ" ฉีเติ่งเสียนพูดพล่ามไปเรื่อย

หยางกวนกวนตกใจแล้วพูดว่า "งั้นคนของเธอก็มากกว่าพวกเรา นายมีแค่สองมือ เธอเพียงแค่สั่งก็สามารถมีนับพันกว่าฝ่ามือตบมาเลยนะ"

ฉีเติ่งเสียนพูดอีกว่า "โง่ คุณวิ่งไม่เป็นเหรอ? คุณหนีกระสุนไม่ได้ แต่คุณสามารถหนีคนได้นะ!"

หยางกวนกวนรู้สึกว่าคําพูดของฉีเติ่งเสียนก็ฟังดูมีเหตุผล

สวีเอ้าเสวี่ยหน้าตึงแล้วพูดว่า "เธอไม่สอนเขาหน่อยเหรอว่าควรพูดอะไรออกมา?"

อวี้เสี่ยวหลงพูดอย่างนิ่งๆว่า "โลกของความเป็นจริงจะสอนเขาเอง ไม่ใช่ให้ฉันสอนแทน"

สวีเอ้าเสวี่ยอดหัวเราะไม่ได้ พยักหน้าและพูดว่า "คําพูดของเธอดูมีเหตุผล โลกของความเป็นจริงจะสอนเขาเอง เราไปสนใจคนประเภทนี้มากเกินไปกลับดูเหมือนลดฐานะของตัวเอง"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง