"ฉันคิดว่าพวกคุณดูตลกนะ คุณบอกแล้วว่าพวกเราไม่มีไรเกี่ยวข้องกัน แล้วยังจะมาพูดเรื่อยเปื่อยอยู่ที่นี่อีกทําไม?"
"ฉันจะชอบผู้หญิงแบบไหน มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้หญิงแบบไหน เกี่ยวอะไรกับพวกคุณเหรอ?"
ฉีเติ่งเสียนทำสีหน้าจนใจและมองอวี้เสี่ยวหลง แบมือยักไหล่
อวี้เสี่ยวหลงส่ายหัวเบาๆและพูดว่า "ฉันแค่แสดงความคิดเห็นของฉันที่มีต่อนาย นายจะไม่ฟังก็ได้ แต่ฉันอยากจะพูด"
สวี่เอ้าเสวี่ยยิ้มเบาๆ หันหน้าไปทางหยางกวนกวนแล้วพูดว่า "สาวน้อย ดูเขาให้ดี อย่าถูกหลอกล่ะ"
"เธอเป็นเพื่อนสนิทของเฉียวชิวเมิ่ง เขายังทำลงคอเลย เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนที่ดีอะไรเลย"
"เธอนี่ก็โง่พอตัวเลยนะ คาดไม่ถึงว่าจะมีความสัมพันธ์กับคนแบบนี้จริงๆ?"
"ไม่เข้าใจจริงๆ ทําไมผู้หญิงอย่างพวกเธอถึงไม่รู้จักหวงแหนตัวเองบ้าง"
หยางกวนกัดฟันอย่างน่าอับอาย พูดด้วยความโกรธว่า "ประธานสวี คุณไม่เข้าใจเรื่องราวอะไรเลย อย่าประเมินคนอื่นตามอําเภอใจ!"
ในเวลานี้สายตาของฉีเติ่งเสียนเย็นชาลง และรู้สึกโกรธกับคําพูดของสวี่เอ้าเสวี่ย
เขาอ่ะหน้าด้าน ด่าได้ตามใจชอบ แต่หยางกวนกวนไม่เหมือนเขา
หยางกวนกวนเป็นคนขี้ขลาดที่ดูเข้มแข็ง จริงๆแล้วในใจเปราะบางมาก แถมยังเป็นคนที่ไร้เดียงสา ถ้าปล่อยให้คนอื่นใส่ร้ายเธอแบบนี้ ต้องรู้สึกแย่แค่ไหน?
ตามหลักความถูกต้อง ฉีเติ่งเสียนควรออกมาปกป้องเธอในเวลานี้
"สวีอ้าวเสวี่ย ผมพูดไว้ตรงนี้เลยนะ"
"ถ้าอยากรักษาสวีกรุ๊ปของพวกคุณไว้ให้ดีล่ะก็ คุณก็ถอดเสื้อออกให้หมดแล้วส่ายหางบนเตียงเพื่อขอความเมตตาจากผมซะ!"
"ไม่อย่างงั้นละก็ แม้แต่ขนสักเส้นพวกคุณก็ไม่เหลือ!"
"ผมละอยากดูว่า ถึงตอนนั้นคุณยังจะทำท่าทีหยิ่งยโสแบบนี้มาใส่ร้ายสาวผู้บริสุทธิ์อีกหรือเปล่า"
ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชาจนจบ สีหน้ามืดครึ้มและเย็นชา
หลังจากคนรอบข้างได้ยินประโยคนี้ ก็ต่างตกตะลึง แล้วมองหน้ากัน จู่ๆก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา!
"คนนี้เป็นใครกัน?โม้เก่งเหลือกิน ฟังดูเหมือนจะให้สวีกรุ๊ปล้มละลายเลยนะ!"
"ฮ่าฮ่าฮ่า สวีกรุ๊ปเป็นเครือธุรกิจภายใต้ตระกูลสวีแห่งเมืองหลวงเลยนะ ตระกูลสวีเป็นตระกูลที่ใหญ่ขนาดไหน เขาไม่รู้เหรอ?"
"สมองของคนนี้มีปัญหามั้ง ชักว่าวจนเพลินหรือเปล่า? คำพูดที่ดูพิการแบบนี้ก็พูดออกมาได้!"
อวี้เสี่ยวหลงและสวี่เอ้าเสวี่ยได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เป็นรอยยิ้มที่ดูถูกและเหยียดหยาม
สวีเอ้าเสวี่ยมองฉีเติ่งเสียนอย่างดูถูกและหยิ่งผยอง พูดเบาๆว่า "อยากได้ฉันเหรอ? เหอะเหอะ ได้ดิ แต่ฉันกลัวว่านายจะไม่มีโอกาสนี้น่ะสิ"
อวี้เสี่ยวหลงรู้สึกว่าคําพูดของสวีเอ้าเสวี่ยนั้นหยาบคายเกินไป อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และส่ายหัวเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร
"โชว์ให้ฉันดูสิ นายมีความสามารถอะไรที่จะโค่นล้มสวีกรุ๊ปของฉัน มีสิทธิ์อะไรที่จะทําให้ฉันส่ายหางขอความเมตตาจากนายบนเตียง!" สวีเอ้าเสวี่ยยิ้มอย่างเย็นชา กอดอก ท่าทีนั้นดูเหยียดหยามอย่างรุนแรง
การดูถูกแบบนี้ก็เหมือนเทพที่อยู่บนภูเขาโอลิมปัส กําลังดูถูกคนธรรมดาที่ตะโกนว่าต้องการโค่นล้มเขา
"พันธมิตรที่ก่อตั้งโดยสวีกรุ๊ป ตอนนี้ได้ระดมทุนหลายหมื่นล้านแล้ว เขาพูดแบบนี้ออกมา เห็นได้ชัดเลยว่าไม่มีสมอง"
"โค่นล้มสวีกรุ๊ปเหรอ? นายไปหาคนที่รวยที่สุดในตอนนี้ของเมืองหัวกั๋วมา เขาไม่กล้าพูดแบบนี้ออกมาหรอกใช่ไหม?"
"ถ้าเขาสามารถโค่นล้มสวีกรุ๊ปได้ อย่าว่าแต่ส่ายหางอ้อนวอนเลย ให้กูเป็นสุนัขเฝ้าบ้านให้เขา ก็ไม่มีปัญหา!"
ทุกคนต่างหัวเราะเยาะและคิดว่าคําพูดของฉีเติ่งเสียนเป็นเรื่องเพ้อฝัน และเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นจริง แม้แต่ความฝันก็ไม่ถือว่าเป็น พูดได้แค่ว่าเป็นความหลงผิดที่ไม่สมจริงเท่านั้น
หยางกวนกวนฟังคําพูดนี้ของฉีเติ่งเสียน ในใจกลับรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ที่รู้สึกมากกว่านั้นคือความซาบซึ้งใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...