มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 55

“ทำไม ไม่กล้าพูดอะไรเลยเหรอ?”

“หรือเห็นว่าฉันเดิมพันด้วยทองคำมูลค่ามากขนาดนี้ เลยตกใจกลัวไปเลย?”

“ฮ่าฮ่า นายไม่ตกกดดันตัวเองหรอก เพราะนายไม่สามารถชนะเอาทองคํา 5 ล้านนี้ไปได้ ไม่มีทางจะรักษาคุณหนูหวงภายใน 1 ชั่วโมงได้!”

แจ็คซุนมองฉีเติ่งเสียนอย่างดูถูก และหัวเราะเยาะ: “นายมันแค่ไอ้สิบแปดมงกุฏ เก่งแต่หลอกคนอื่นไปทั่ว!”

ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างใจเย็นว่า: “ไม่ใช่ ผมแค่คิดว่าจู่ๆก็มีคนแปลกหน้าต้องการจะเอาทองคำ 5 ล้านมาให้ผม เลยรู้สึกแปลกนิดหน่อย”

เมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้น ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง

แม้ว่าน้ําเสียงจะนิ่งสงบ แต่คําพูดนั้นกลับเป็นคำพูดยั่วยุคนมากแค่ไหน? มันทำให้คนเลือดออกในสมองได้!

แจ็คซุนพูดอย่างจริงจัง : “ได้สิ ถ้านายมีความสามารถจริงก็เอาเงินของฉันไป! ภายใน 1 ชั่วโมงนายต้องรักษาคุณหนูหวงให้หายดี!”

เขาอยู่ในวงการจิตวิทยามาหลายปีแล้ว และได้รักษาผู้ป่วยโรคทางจิตต่างๆ มาจํานวนนับไม่ถ้วน ซึ่งอาการของหวงฉิงเกอนั่นพบเจอได้น้อย ยิ่งไปกว่านั้นโรคนี้ต้องใช้เวลานานและต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการรักษา แต่ฉีเติ่งเสียนขอเวลา 1 ชั่วโมง นับประสาอะไรที่เอาทองคํา 5 ล้านออกมาเป็นเดิมพัน ต่อให้ฆ่าเขา เขาก็ยังไม่เชื่อเลย

“ปรมาจารย์ฉี คุณดู……” หวงเหวินหลั่งกระแอม ก่อนจะพูดออกมา

“โอเค ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่คุณว่ามา!” ฉีเติ่งเสียนยักไหล่ แล้วพูดด้วยสีหน้าสบายๆ

“ถ้าผมชนะ ทองคำ 5 ล้านนั้นผมจะรับไว้ แต่ถ้าผมแพ้ ผมจะยอมคุกเข่าและยอมรับว่าผมเป็นสิบแปดมงกุฎ”

แจ็คซุนหัวเราะเยาะ : “แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้น ถ้านายแพ้ นอกจากที่นายจะต้องคุกเข่าและยอมรับว่าตัวเองเป็นสิบแปดมงกุฎแล้ว ยังต้องไปประกาศกับสื่อว่าตัวเองนั้นเป็นสิบแปดมงกุฎให้ทั่วโลกได้รับรู้!”

ฉีเติ่งเสียนหักนิ้ว แล้วพูดว่า : “เอาอย่างที่คุณพูดมา ผมจะรีบไปทำการรักษาคุณหนูหวง นายกหวงเป็นพยานในการเดิมพันครั้งนี้ด้วย ระยะเวลาการรักษาหนึ่งชั่วโมง”

“โอเค!” นายกหวงไม่พูดอะไรนอกจากตอบตกลง

สวีเอ้าเสวี่ยมองฉีเติ่งเสียนอย่างเพิกเฉย แจ็คซุนยังรักษาไม่ได้ เธอไม่เชื่อว่าฉีเติ่งเสียนจะมีความสามารถรักษาได้

เห็นได้ชัดว่า ฉีเติ่งเสียนทำตัวสบายๆทั้งที่เขาถูกแจ็คซุนบีบบังคับ แต่ก็ต้องทำแข็งแกร่งไว้

“ผมจะไปทำการรักษาคุณหนูหวง ภายใน 1 ชั่วโมงนี้พวกคุณอย่ามารบกวนผม หลังจากคบ 1 ชั่วโมงแล้วผมจะออกมาเอง” ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างเรียบเฉย

“ไม่มีปัญหา!” หวงเหวินหลั่งพูดตอบรับอย่างตรงไปตรงมา

หวงฉีปินรู้สึกลังเลเล็กน้อย เพราะฉีเติ่งเสียนต้องเข้าไปอยู่ในห้องกับน้องสาวของเขาสองต่อสอง มันดูไม่ค่อยเหมาะสม……

เพียงแต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร เพราะกลัวฉีเติ่งเสียนจะไปโดยไม่ได้ทำอะไรเลย

“หึ เล่นกลหลอกคนดู!” แจ็คซุนเยาะเย้ย หลังจากผ่านไปเพียงชั่วโมงเดียว ฉีเติ่งเสียนก็จะไม่สามารถซ่อนธาตุแท้ของเขาได้อีกต่อไป

เมื่อฉีเติ่งเสียนเดินเข้าไปในห้องก็เปิดผ้าม่านออก มองหวงฉิงเกอที่อยู่ในสภาพหวาดกลัว เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า : “ช่วงนี้ฝันร้ายบ่อยใช่ไหม? ฝันถึงคุณแม่ที่เสียไปแล้ว แล้วในฝันแม่ของเธอก็โทษเธอ ทำให้เธอมีความคิดจะฆ่าตัวตายใช่ไหม?”

หวงฉิงเกออดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นและมองไปฉีเติ่งเสียน ภายใต้เส้นผมที่ยุ่งเหยิงและมีใบหน้าที่ซีดเซียว

“คุณ……รู้……ได้อย่าไง?” หวงฉิงเกอที่ไม่ได้พูดมานาน เริ่มเอ่ยปากพูดขึ้นมา

“มีคนแอบทําร้ายเธอด้วยมนต์ดำ เธอลองคิดดู มีแม่คนไหนที่ไม่อยากให้ลูกมีชีวิตที่ดีบ้าง?” ฉีเติ่งเสียนพูดมาถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

หวงฉิงเกอเงียบไม่พูดไม่จา เอาแต่นอนขดตัวกอดเข่าตัวเองเอาไว้

“มองมาในตาฉัน” ฉีเติ่งเสียนเปิดปากพูดกะทันหัน

หวงฉิงเกอเงยหน้าขึ้นมาด้วยจิตใต้สำนึก เมื่อได้สบสายตากับเขาเธอก็รู้สึกสับสนขึ้นมาทันที

ในบรรดาพระพุทธศาสนามีพระภิกษุอาวุโสที่ถ่ายทอดวิชาให้แก่ลูกศิษย์ของพวกเขา ไม่ใช่การถ่ายทอดพลังภายในเหมือนนวนิยายศิลปะการต่อสู้ แต่เป็นการสะกดจิตและการสะกดจิตทางจิตวิญญาณ

ผ่านการสะกดจิตนี้ ส่งต่อความคิดและส่งต่ออภินิหารของพระพุทธองค์…...

ตอนนี้ฉีเติ่งเสียนเทียบเท่ากับการถ่ายทอดวิชาให้กับหวงฉิงเกอ และความแข็งแกร่งหัวใจของเขานั้นน่าตกใจ เพียงแค่มองหน้ากันเขาก็สามารถสะกดจิตของหวงฉิงเกอสำเร็จ

“นอนเถอะ เธอจะฝันเห็นแม่ของเธอ และแม่ของเธอจะพูดทุกอย่างที่แท้จริงกับเธอเอง” ฉีเติ่งเสียนวางมือไปตรงกึ่งกลางระหว่างคิ้ว

ทำให้หวงฉิงเกอล้มตัวลงนอนเสียงดังปังไปบนเตียง ก่อนจะเข้าสู่การหลับลึก

ฉีเติ่งเสียนก็ไม่ได้ทำอะไร นอกจากนั่งอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ

หวงฉิงเกอหลับไปและเริ่มหายใจอย่างสม่ําเสมอ ยิ่งกว่านั้นยิ่งเธอนอนหลับนานเท่าไหร่ สีหน้าของเธอก็ดีขึ้นเท่านั้น รอยสีดําที่พันรอบคิ้วของเธอเสมอค่อยๆ หายไป

ฉีเติ่งเสียนเมื่อเห็นฉากนี้ ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ แน่นอนว่ายิ่งศิลปะการต่อสู้สูงเท่าไร ฉีเติ่งเสียนก็จะยิ่งมีพลังมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งพลังลมปราณกับพลังหยางมีมากขึ้นเท่านั้น มันง่ายที่จะยับยั้งพลังหยินที่ชั่วร้ายได้เท่านั้น

“ทำไมข้างในเงียบขนาดนี้ คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาใช่ไหม?” หวงฉีปินที่ยืนฟังอยู่หน้าประตู เมื่อไม่ได้เสียงจากด้านใน ก็รู้สึกร้อนรนขึ้นมาทันที

“ปรมาจารย์ฉีคงมีวิธีการของเขา เธออย่าเพิ่งกังวลไป” หวงเหวินหลั่งก็กังวลเช่นกัน แต่ก็พยายามปลอบใจลูกชาย

เมื่อเขาพูด เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพตอนที่เขาได้พบกับฉีเติ่งเสียนครั้งแรก ในเวลานั้นเขาก็ไม่เชื่อในตัวฉีเติ่งเสียนแต่ในท้ายที่สุดฉีเติ่งเสียนก็ช่วยชีวิตเขาไว้ได้

สวีเอ้าเสวี่ยที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าครบ 1 ชั่วโมงแล้ว ถ้าฉีเติ่งเสียนไม่สามารถรักษาหวงฉิงเกอได้ เขาจะออกมาสารภาพกับหวงเหวินหลั่งและหวงฉีปินอย่างไง?

ส่วนแจ็คซุนนั้น เขามั่นใจอยู่แล้วว่าฉีเติ่งเสียนนั้นแกล้งหลอกลวงคนอื่น ไม่เช่นนั้นจะไม่มีการส่งเสียงได้อย่างไร?

“ผู้คุมเรือนจําคนนั้น ฉันเดาว่าเขาคงได้แต่จ้องตาคุณหนูหวง เขาจะไปรู้เรื่องจิตวิทยาอะไร?” แจ็คซุนเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยามและเยาะเย้ยบนใบหน้าของเขา

“ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก——“

เวลาเดินจากวินาที ไปเป็นนาที จนไปเป็นชั่วโมง

หวงฉิงเกอนอนขดตัวอยู่บนเตียง แต่เธอนอนหลับอย่างไม่สงบนิ่ง เธอเริ่มน้ำตาไหล คล้ายกับกำลังฝันเห็นอะไรบางอย่าง……

“แม่ หนูขอโทษ ตอนนั้นหนูไม่น่าเอาแต่ใจ……” หวงฉิงเกอพูดไปด้วย ร้องไห้ไปด้วย

ฉีเติ่งเสียนหันไปมองเวลา บังเอิญเป็นเวลา 1 ชั่วโมงพอดี เขายืนขึ้นและเดินไปที่หน้าต่าง จากนั้นก็เปิดผ้าม่านออก!

เสียงแดดข้างนอกส่องเข้ามาภายในห้อง ทำให้หวงฉิงเกอค่อยๆ ได้สติขึ้นมา

เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับรอยคราบน้ำตา และแสดงสีหน้าว่างเปล่า

“ตอนนี้ คุณรู้สึกดีขึ้นมากแล้วใช่ไหม?” ฉีเติ่งเสียนหันกลับมาถาม

“ขอบคุณนะ” หวงฉิงเกอหันไปมองฉีเติ่งเสียน ราวกับเธอได้กำจัดปีศาจร้ายทิ้งไป แล้วทำให้มีความรู้สึกและอารมณ์ใหม่ๆเข้ามา

“ไม่เป็นไร” ฉีเติ่งเสียนยิ้มก่อนจะพูดตอบเบาๆ

เมื่อครบเวลาหนึ่งชั่วโมง หวงเหวินหลั่งก็เปิดประตูเข้ามา

แจ็คซุนรีบวิ่งเข้ามาคนแรก แล้วหัวเราะเยาะเย้ย : “ครบ 1ชั่วโมงแล้ว นั่งลงคุกเข่าขอโทษฉันซะ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง