สวีเอ้าเสวี่ยรู้สึกว่าเธอเกือบจะดีขึ้นมากแล้ว เธอจึงต้องการใช้โอกาสนี้ในการกลับไปยังเมืองหลวง
เดิมทีเธอวางแผนที่จะทำอย่างเงียบๆ ในตอนเช้าของวันนั้น แต่เธอไม่รู้ว่าเหมยหลัวคลินิกปฏิบัติต่อฉีเติ่งเสียนเหมือนบอสใหญ่
เหมยหลัวคลินิกจะส่งคนมาตามเฝ้าผู้ป่วยอย่างระมัดระวังตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
ทันทีที่สวีเอ้าเสวี่ยเริ่มเคลื่อนไหว ก็ถูกจับผิดได้ทันที จึงรายงานไปยังวลาดิเมียร์หลังจากนั้นวลาดิเมียร์ก็รายงานต่อฉีเติ่งเสียนทันที
เมื่อฉีเติ่งเสียนมาถึงโรงพยาบาล สวีเอ้าเสวี่ยยังคงเก็บเสื้อผ้าของเธออย่างเงียบ ๆ แม้แต่ชุดคนป่วยที่เธอสวมอยู่ก็ยังไม่ถูกเปลี่ยนออกไปด้วยซ้ำ
“ทำไมนายมาที่นี่เร็วขนาดนี้?!” สวีเอ้าเสวี่ยตกใจเมื่อเห็นฉีเติ่งเสียน เป็นวันที่ไม่ดีจริงๆ
ในขณะที่พูดสวีเอ้าเสวี่ยก็เก็บรวบสิ่งของทั้งหมดของเธอไว้ข้างหลัง เพื่อซ่อนไว้เพื่อไม่ให้เขามองเห็น
ฉีเติ่งเสียนยิ้มและพูดว่า: “สวีเอ้าเสวี่ย เธออยากแพ้เหรอ? ทำไมเธอถึงอยากจะหนีไปอีก?”
สวีเอ้าเสวี่ยพูดอย่างเย็นชา: “ใครบอกว่าฉันจะหนี ฉันเห็นว่าห้องรกมาก ฉันเลยอยากจะทำความสะอาด นายคิดมากไปหรือเปล่า?!”
ฉีเติ่งเสียนเดินก้าวเท้าไปข้างทีละก้าวและพูดว่า “จริงเหรอ? งั้นขอฉันดูว่าหน่อยว่าเธอได้ซื้อตั๋วเครื่องบินไว้ล่วงหน้าหรือเปล่า?!”
สวีเอ้าเสวี่ยยัดโทรศัพท์มือถือของเธอไว้ใต้หมอนด้วยความตื่นตระหนก เมื่อถูกฉีเติ่งเสียนกดดัน เมื่อถูกกดดันเธอมักจะสูยเสียความมั่นใจที่มีไป
“นี่คือของส่วนตัว นายจะมาดูไม่ได้!” สวีเอ้าเสวี่ยกล่าวอย่างเย็นชา
“ฉันเห็นเธอจนทะลุปรุโปร่งแล้ว มาบอกว่าของส่วนตัวเหรอ? ล้อเล่นอะไรหรือเปล่า?” ฉีเติ่งเสียนยิ้มแย่งโทรศัพท์ออกไป และบังคับให้เธอปลดล็อคหน้าจอ
สวีเอ้าเสวี่ยต่อต้านอย่างสิ้นหวัง แต่เธอไม่แข็งแกร่งเท่าฉีเติ่งเสียน เธอจึงถูกบังคับให้ใช้นิ้วเพื่อปลดล็อคล็อค
ฉีเติ่งเสียนเปิดแอปพิเคชั่น เห็นตั๋วเครื่องบินของวันนี้ เขาหัวเราะทันทีก่อนจะพูดว่า “ดูสิ เธอวบอกว่าเธอไม่อยากหนี?”
เมื่อเห็นว่าเธอถูกจับได้แล้วสวีเอ้าเสวี่ยจึงพูดด้วยความโกรธ: “แล้วถ้าฉันแค่อยากจะออกจากจงไห่ล่ะ? เมืองหลวงคือบ้านของฉัน ฉันแค่อยากกลับบ้านแล้วมันผิดตรงไหน?”
“แน่นอนว่าไม่มีอะไรผิดถ้าเธอแค่อยากจะกลับบ้าน แต่เธอก็ต้องเต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้ก่อนจึงจะจากไป!” ฉีเติ่งเสียนกล่าว
“ทำไมต้องยอมรับความพ่ายแพ้?” สวีเอ้าเสวี่ยกล่าวด้วยความตื่นตระหนก
“เธอต้องรู้สิ ครั้งที่แล้วทำไมเธอยอมรับความพ่ายแพ้ยังไง ครั้งนี้เธอก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้อย่างนั้น” ฉีเติ่งเสียนจับมือของเธอ ก่อนจะเดินหน้าต่อไปทีละขั้น
หลังจากที่สวีเอ้าเสวี่ยพยายามดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง เขาก็ผลักเธอลงไปบนเตียงโรงพยาบาล กระดุมชุดในโรงพยาบาลของเธอถูกฉีกออกจากกันทันที ด่านปราการป้องกันสุดท้ายก็พังทลายลงด้วยความเร็วแสง
สวีเอ้าเสวี่ยพูดด้วยความโกรธ: “นายเป็นไอ้ไร้ค่า นายยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า? นายจะอวดดีมากเกินไปแล้วนะ!”
ฉีเติ่งเสียนกล่าวว่า: “ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร ยังไงก็หนีไม่รอดแน่"
คำพูดจากปากของสวีเอ้าเสวี่ยต่อมากลายเป็นเสียงครางเศร้าพร้อมความเจ็บปวดเล็กน้อย ขณะที่เตียงในโรงพยาบาลสั่นไหว
สวีเอ้าเสวี่ยที่พยายามอย่างเต็มที่ที่จะต่อต้านไม่สามารถหนีจากเงื้อมมือของปีศาจได้จนกว่าจะถึงจุดจบ เธอกลับเหนื่อยล้ามีเหงื่อออกจนแทบออกจะตาย
เมื่อมองไปที่สวีเอ้าเสวี่ยซึ่งสวมเครื่องแบบโรงพยาบาลที่ดูยับยู่ยี้ จู่ๆฉีเติ่งเสียนนึกถึงเกมเล็กๆ ของเจียเผิงกั๋วชื่อ “แผนกผู้ป่วยกลางคืน” ขึ้นมาดูเหมือนว่ามันจะมีความหมายเช่นนั้นจริงๆ!
“ฮืออออออ...สักวันหนึ่งฉันจะฆ่านายด้วยมือของฉันเอง!” ในที่สุดสวีเอ้าเสวี่ยก็ทรุดตัวลงปิดหน้าร้องไห้
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องสู้หน่อย!” ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างไม่ใส่ใจ
สวีเอ้าเสวี่ยเช็ดน้ำตาของเธอ ตั้งสติ สวมเสื้อผ้า ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา: “นายจะต้องเสียใจกับสิ่งที่นายทำกับฉัน ฉันสัญญา!”
ฉีเติ่งเสียนพูด: “สู้ๆนะ!”
สวีเอ้าเสวี่ยกำหมัดแน่นโดยรู้ว่าการโต้เถียงกับผู้ชายแบบนี้มันไม่มีประโยชน์ เธอคุยกับเขามากไม่ได้ ปากเสียๆนั่น อาจทำให้คนโมโหตายได้!
“ตอนเราเจอกันครั้งหน้า ฉันจะยังคงให้กำลังใจเธอ ทำให้เธอสู้ต่อไป” ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยรอยยิ้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...