มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 66

แม้ว่าฉีเติ่งเสียนจะผ่านด่านของเซี่ยงตงฉิงอย่าง “ยุติธรรม” แล้ว แต่เห็นได้ชัดว่ามีปัญหาใหญ่กว่านี้รอเขาอยู่

หลินว่านชิวเคยพูดไว้ว่าเธอจะไม่ยอมปล่อยเขาไปแน่นอน เธอจะให้สมาคมการค้ามังกรดำมาจัดการเขา

เซี่ยงตงฉิงไม่กลัวจ้าวเฮยหลง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้เขาขุ่นเคือง เพราะทั้งสองนั้นอยู่ในระดับเดียว ไม่คุ้มค่าที่จะเกิดความขัดแย้งกัน

หวังว่านจิน, จ้าวเฮยหลง, เซี่ยงตงฉิงทั้งสามคนนี้ อยู่บนพีระมิดสูงสุดในหมู่ผู้ประกอบการจํานวนมากของเมืองจงไห่ ส่วนที่เหลือนั้นเป็นวิสาหกิจของตระกูลอื่นๆที่กระจัดกระจาย

“ไอ้หน้าปลาไหลจ้าวนั้น ไม่ต้องห่วง……” ฉีเติ่งเสียนพูดออกมาเบาๆ คำพูดนั้นพูดออกอย่างไม่ตั้งใจ

เมื่อเซี่ยงตงฉิงได้ยินคำพูดนั้นก็อดหันไปมองเขาไม่ได้

จากสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว เขารู้ว่าฉีเติ่งเสียนมีความสามารถ แต่มันน่าตลกที่เขาคิดว่าความสามารถเล็กๆน้อยๆในมือจะสร้างเขาให้เป็นฮีโร่ได้!

จ้าวเฮยหลงเป็นคนที่โหดเหี้ยมอำมหิต ต่อให้ฉีเติ่งเสียนมีความสามารถแค่ไหน เขาก็คงไม่สามารถเอาชนะคนของจ้าวเฮยหลงได้?

“คนคนนี้มีความสามารถ แต่นิสัยใช่ไม่ได้ชอบพูดจาอะไรไม่ค่อยคิด คอยสร้างแต่ความลำบาก!” เซี่ยงตงฉินกำลังตัดสินฉีสเติ่งเสียนอยู่ภายในใจ

ในเวลานั้นเอง คู่รักต่างชาติที่มีผมสีบลอนด์และตาสีฟ้า อายุประมาณ 50 ปีปรากฏตัวขึ้น

พวกเขาคือ “คู่รักสมิธ” ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินของอเมริกา ผู้หญิงชื่อคิมมี่ และผู้ชายชื่อเคนต์

“ขอแสดงความยินดีต้อนรับทั้งคู่!” เซี่ยงตงฉิงปรบมือและยิ้มต้อนรับ เป็นยิ้มที่สดใสและสัมผัสได้ ซึ่งสามารถทําให้หัวใจของผู้ชายนับไม่ถ้วนแกว่งไปมาได้

ทุกคนก็ต่างปรบมือต้อนรับให้กับคู่สามีภรรยาที่ปรากฏตัวขึ้น

หวังหู่ก็ปรบมืออย่างเฉยเมย เซี่ยงตงฉิงจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำนี้ขึ้นมา คาดว่าจะเป็นการข่มหู่เหมินกรุ๊ป เหมือนเป็น “กองกำลังติดอาวุธ” โดยผ่านบุคคลทั้งสองนี้

“คู่รักสมิธ” มีชื่อเสียงมากในด้านการเงิน พวกเขาแสดงผลงานที่น่าทึ่งใน “วิกฤตฟองสบู่” ที่กวาดล้างทั้งโลกเมื่อปีก่อน!

พวกเขาใช้ในวิกฤตการเงินนี้ทําให้ผู้คนนับไม่ถ้วนสูญเสีย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคาดการณ์อนาคตได้ ใช้เงินหลายร้อยดอลลาร์กวาดทองคํามาได้ทั้งหมด 3 พันล้าน!

“ฮ่าฮ่าฮ่า คุณคือรองหัวหน้าใหญ่แน่ๆ!” เคนต์เดินผ่านหน้าเซี่ยงตงฉิง แล้วเดินไปหาฉีเติ่งเสียน ก่อนจะยิ้มแล้วยื่นมือออกไปทักทาย

เซี่ยวตงฉิงที่ยื่นมือออกไปกลางอากาศ ต้องดึงมือกลับมาล้วงกระเป๋าอย่างเงียบๆ ด้วยรอยยิ้มที่เจื่อนๆ

เธอหันหน้าไปมองที่ฉีเติ่งเสียนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

เป็นไปได้ไหมที่ คิมมี่และเคนต์จะเป็นคนที่ฉีเติ่งเสียนเชิญมา?!

ฉีเติ่งเสียนตกตะลึงและพูดว่า: “โอ้? คุณรู้จักผมด้วยเหรอ? ทําไมผมจําไม่ได้ว่าผมเคยขังคนอันดับหนึ่งอย่างคุณ”

“แค่กแค่ก…... คนของคุณกูซินสกี้ให้พวกเราดูรูปถ่ายของคุณ และขอให้พวกเรามาที่ประเทศจีนเป็นการพิเศษเพื่อช่วยเหลือเซี่ยงกรุ๊ป” เคนต์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเก้อเขิน

“อ่อ…... โอเค โอเค ผมเข้าใจแล้ว ฝากคุณกลับไปบอกเขาด้วยว่า ผมจะให้รางวัลเขา” ฉีเติ่งเสียนหัวเราะ

เขาไม่ได้ทําธุรกิจและไม่จําเป็นต้องคบค้าสมาคมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเหล่านี้ เขาจึงโบกมือและเดินตรงออกไปด้านข้าง

เคนต์ถูกฉีเติ่งเสียนทิ้งตรงนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอเรื่องแบบนี้!

“พระเจ้า…...คู่รักสมิธ มาประเทศจีนเพราะความสัมพันธ์ของนายจริงเหรอเนี่ย?!” แววตาของหลี่อวิ๋นหว่านมองที่ไปยังฉีเติ่งเสียนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เธอนับถือเขามาก

“ผมก็แค่โทรหานักโทษคนหนึ่งให้เขาจัดการให้ ผมไม่รู้จัก” ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“แค่กแค่กแค่ก……” หลี่อวิ๋นหว่านแทบจะสําลักกับคำพูดของฉีเติ่งเสียน “นายช่วยแนะนำฉันให้ทั้งสองท่านรู้จักได้ไหม? มู่กรุ๊ปของฉันก็ต้องการจะพัฒนาเหมือนกัน!”

ฉีเติ่งเสียนพูดว่า: “ผมไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น!”

“โธ่เอ้ย!” หลี่อวิ๋นหว่านอดไม่ได้ที่จะระเบิดคำพูดออกมา และชูนิ้วกลางให้ฉีเติ่งเสียนขณะที่เขาหันหลัง

หลังจากที่เซี่ยงตงฉิงได้พูดคุยกับ “คู่รักสมิธ” เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการเงินอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็เดินไปหาฉีเติ่งเสียนและพูดว่า: “พวกเขามีความสัมพันธ์อะไรกับนาย?”

“ไม่ใช่ผม ผมแค่ขอให้ใครสักคนหาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินมาช่วยคุณ ทําไม พวกเขามีชื่อเสียงมากเลยเหรอ?” ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างสบาย ๆ

เซี่ยงตงฉิงพูดไม่ออกเกี่ยวกับการแสดงสีหน้าด้วยความไม่รู้ของเขา เธอกลอกตามองบน ก่อนจะพูดว่า: “นี่คือผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก แค่ค่าปรึกษาชั่วโมงเดียวก็ปาไปมากกว่าหกหลักแล้ว!”

ฉีเติ่งเสียนคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า: “งั้นผมจะให้ส่วนลด 50% แก่คุณ คุณจ่ายค่าปรึกษาของพวกเขาให้ผมก็ได้ ถือว่าเป็นค่าแนะนำมา”

“……” เซี่ยงตงฉิงและหลี่อวิ๋นหว่านหมดคำที่จะพูด แต่กลับมีแรงกระตุ้นที่จะฆ่าคนคนนี้

เซี่ยงตงฉิงไม่ได้สนใจฉีเติ่งเสียน เธอหันมาพูดกับหลี่อวิ๋นหว่านว่า : “พรุ่งนี้เชิญคุณหลินมาที่ห้องทำงานฉันด้วยนะคะ ฉันมีโครงการใหม่ที่อยากจะร่วมมือกับมู่กรุ๊ปของคุณ”

หลี่อวิ๋นหว่านรู้สึกประหลาดใจและพูดว่า: “จริงเหรอคะ? ขอบคุณมากค่ะคุณเซี่ยง!”

เซี่ยงตงฉิงถือว่านี่เป็นน้ำใจในการตอบแทนฉีเติ่งเสียน ให้มู่กรุ๊ปเข้ามามีส่วนร่วมในการทำกำไรของโครงการที่มีอยู่

หวังหู่เดินมาพร้อมแก้วในมือ เผยรอยยิ้มให้กับเซี่ยงตงฉิงและพูดว่า: “ขอแสดงความยินดีด้วยนะ ตงฉิง ที่คุณได้เชิญสองปรมาจารย์ชั้นนําในโลกการเงินมาเป็นที่ปรึกษา เซี่ยงกรุ๊ปคงจะมีอนาคตสดใส!”

เซี่ยงตงฉิงหยิบแก้วแชมเปญ แล้วยกแก้วขึ้นพร้อมกับพูดว่า: “คุณหวังตลกแล้ว อนาคตของเซี่ยงกรุ๊ปนั้นสดใสและสมบูรณ์แบบโดยไม่ต้องคาดหวังอยู่แล้ว”

แม้ว่าทั้งคู่จะพูดกันด้วยรอยยิ้ม แต่ก็มีความรู้สึกของการประชดประชันอยู่น้ําเสียงของกันและกัน

หลี่อวิ๋นหว่านค่อยๆขยับตัวไปด้านข้างของฉีเติ่งเสียนอย่างเงียบ ๆ เธอไม่ต้องการกลายเป็นมนุษย์ที่ทุกข์ทรมานจากการต่อสู้ของนางฟ้าแบบนี้

“ฮ่าฮ่า ตงฉิง คุณคงไม่คิดว่าจะชนะด้วยการที่เชิญปรมาจารย์ทั้งสองมาได้หรอกนะ?” หวังหู่กล่าว

“แต่ทั้งคู่เป็นคนที่สามารถทําเงินได้ในวิกฤตฟองสบู่ได้” เซี่ยงตงฉิงกล่าว

“จริงเหรอ? มีคำโบราณกล่าวไว้ว่าผู้หญิงฉลาดแค่ไหนก็ไม่สามารถปรุงอาหารได้ถ้าไม่มีข้าว” หวังหู่พูดจบก็วางแก้วลง “ก็เหมือนกับแก้วนี้ที่ไม่มีไวน์ แล้วการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการชิมไวน์ที่เก่งกาจมา จะทำอะไรได้?”

เซี่ยงตงฉิงกำมือเบาๆ เพราะช่วงนี้เซี่ยงกรุ๊ปกำลังประสบปัญหาด้านเงินทุนอยู่เล็กน้อย

เพราะมีแรงกดดันจากทุกที่ เงินทุนติดอยู่ในขั้นตอนต่างๆเลย ทําให้สภาพคล่องของเงินทุนกลับคืนสู่มือเธอได้ยากขึ้น

หวังหู่ยิ้มและพูดว่า: “ใช่แล้ว ผมอยากแนะนำเพื่อนของผมให้คุณรู้จัก!”

“คุณสวี มาทักทายกันหน่อยไหม?!”

ผู้หญิงในชุดสีขาวเดินออกมาจากท่ามกลางฝูงชน

ทันทีที่เธอเดินออกมา เธอก็ดึงดูดผู้ชายรอบตัวเธอให้หยุดดูทันที

ผู้หญิงที่สวมกระโปรงยาวสีขาว และผ่าข้างเกือบจะเปิดถึงโคนต้นขาของเธอ ปรากฏเรียวขาที่สวยงามอยู่ใต้กระโปรงและผิวที่ขาวผ่องชวนเชิญให้น่าหลงใหล

เรียวขานั้นเรียวยาวมาก

“สวีเอ้าเสวี่ยเป็นทำไมนักธุรกิจ น่าจะไปเป็นโมเดลขามากกว่า” ฉีเติ่งเสียนหันไปพูดกับหลี่อวิ๋นหว่านที่อยู่ด้านข้าง

“หยุดพูดสักคำสองคำเถอะ พี่ชาย……” ใบหน้าของหลี่อวิ๋นหว่านเต็มไปด้วยคําอ้อนวอนเพราะกลัวว่าฉีเติ่งเสียนจะลุกเป็นไฟอีกครั้ง

คนรอบข้างก็พูดไม่ออกเช่นกัน พวกเขารู้สึกว่าฉีเติ่งเสียนพูดอย่างไม่คิดแบบนี้ ไม่ช้าก็เร็วอาจจะตายเพราะปากของเขาเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง