มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 661

สรุปบท บทที่ 661 ลานประลองสุนัข: มังกรผู้ทรงพลัง

บทที่ 661 ลานประลองสุนัข – ตอนที่ต้องอ่านของ มังกรผู้ทรงพลัง

ตอนนี้ของ มังกรผู้ทรงพลัง โดย จาง หลงหู ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายโรแมนติกในเมืองทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 661 ลานประลองสุนัข จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ฉินถางหู่บอกว่าลานประลองสุนัขของตระกูลเจิ้งทำเงินได้ทุกวัน ซึ่งเธอไม่ได้พูดเกินจริงเลย

คุณนายสามคนนี้อยู่ในอันดับต้นๆ ของตระกูลเจิ้งทั้งในด้านการวางแผนและวิธีการ เจิ้งชานหมิง ผู้นำตระกูลเจิ้งรักเธอมาก ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ยกลานประลองสุนัขที่ทำกำไรได้มากที่สุดให้เธอดูแล

คุณนายสามผู้นี้เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติดีจึงทำทุกอย่างได้ดี เธอรู้จักคนดังมากมายและสถานะของเธอก็ขึ้นสูงตามไปด้วย

ตอนนั้นคุณนายสามยืมเงินหกร้อยล้านจากเหวินหย่งฟู แต่เมื่อเหวินหย่งฟูเสียชีวิต เธอก็ไม่ยอมรับเรื่องหนี้

ตระกูลเหวินที่ไม่มีเหวินหย่งฟูก็เป็นแค่เสือกระดาษที่ไร้เขี้ยวเล็บ ยิ่งไปกว่านั้น ฉินถางหู่และเหวินซือซุ่นก็ยังปล่อยให้ฉีเติ่งเสียนหลุดมือไป

หลังจากขับรถด้วยความเร็วประมาณสี่สิบนาทีและข้ามเขตมา ในที่สุดก็ถึงลานประลองสุนัข

พวกคนระดับสูงพวกนี้มีชีวิตที่สะดวกสบายมานานเกินไปและอยากหาความตื่นเต้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะชอบรายการที่นองเลือดและโหดร้ายอย่างการประลองสุนัข

ฉีเติ่งเสียนคิดว่ามวยใต้ดินยังพอได้ แต่เขาไม่ชอบการประลองสุนัขอะไรพรรค์นี้เอาเสียเลย

มนุษย์ชอบยกตัวเองให้สูงส่ง ก็เห็นๆ กันอยู่ว่ามนุษย์ไม่ใช่เทพเจ้า แต่ก็ยังชอบบงการชะตากรรมของสิ่งมีชีวิตอื่นราวกับเป็นเทพเจ้า

“ที่นี่คือลานประลองสุนัขของตระกูลเจิ้ง ถึงภายนอกจะดูเหมือนโรงงานโทรมๆ แต่การตกแต่งภายในกลับหรูหรากว่าไนต์คลับชั้นนำในโมตูเสียอีก!” ฉินถางหู่ชี้ไปที่โรงงานเก่าขนาดใหญ่ตรงหน้าและกระซิบ

“ตระกูลเจิ้งยังกลัวเรื่องนี้อีกเหรอ” ฉีเติ่งเสียนถาม

“ยังไงมันก็เป็นธุรกิจสีเทา ต้องเอาเรื่องอื่นมาบังหน้า ทำให้คนเบื้องบนเห็น!” ฉินถางหู่พูดและยิ้มอย่างจนปัญญา

“เหมือนโรงมวยที่อาจารย์ฉันเปิดนั่นแหละ บอกว่าสอนมวย แต่จริงๆ มีแข่งมวยใต้ดินทุกวัน”

“เพียงแต่ว่าตอนนี้จะจัดแข่งแต่ละครั้งก็ช่างยากเย็น มักจะมีคนมาขัดขวางอยู่เสมอจึงทำเงินไม่ได้เลย...”

ฉีเติ่งเสียนพูดนิ่งๆ “งั้นสิ่งแรกที่ผมต้องทำคือโค่นธุรกิจสีเทาพวกนี้ ในสังคมปัจจุบัน แม้ว่าธุรกิจสุจริตจะทำเงินได้ช้า แต่มันก็ไม่ทำให้อดตาย!”

ตอนที่เขายังเด็ก ฉีปู้อวี่เคยเตือนว่าคนที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงนักเลงต้องตายด้วยคมมีดไม่ช้าก็เร็ว

แล้วเขายังได้ยินเสียงความขมขื่นมากมายในเรือนจำโยวตู ดังนั้นเขาจึงระมัดระวังและอยู่ห่างจากสิ่งเหล่านี้

นี่เองก็เป็นสิ่งที่เขาชื่นชมเซี่ยงตงฉิง เธอไม่เคยเล่นสกปรกเหมือนหู่เหมินกรุ๊ป แต่ก็สามารถพาบริษัทในเครือให้ก้าวหน้าได้

“ความจริง ถึงเราไม่ทำก็มีคนอื่นทำอยู่ดี” ฉินถางหู่กล่าว

“ผมเกลียดเรื่องไร้สาระแบบนี้ที่สุด” ฉีเติ่งเสียนพูด “บนโลกนี้มีคนเป็นขโมยเป็นโจรมากมาย ทำไมคุณไม่ไปปล้นบ้างล่ะ”

ฉินถางหู่ทำให้เขาพูดไม่ออก ในความเป็นจริงแล้วสาขาย่อยของหลงเหมินส่วนใหญ่มีธุรกิจสีเทาเพราะมีรายได้มากเกินไป

ที่ทางเข้าลานประลองสุนัขมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเฝ้าอยู่ เมื่อเขาเห็นฉินถางหู่ เขาก็ส่ายหัว

“คุณฉิน คุณมาอีกแล้ว...ช่วงนี้คุณนายสามของเราไม่ว่าง ไม่รับแขกครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เห็นได้ชัดว่ารู้จักฉินถางหู่กล่าวอย่างจนปัญญา

“ไม่เป็นไร วันนี้พวกเรามาเล่นพนัน มาเสียเงิน” ฉีเติ่งเสียนกล่าว

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองมองหน้ากันและปล่อยให้ทั้งสองเข้าไปด้านใน

หลังจากเดินผ่านทางเดินที่ทรุดโทรมและเข้าประตูไป ทัศนียภาพภายในก็ดูใหม่เอี่ยม!

โต๊ะหรูรุ่นใหม่ล่าสุด โคมไฟระย้าที่งดงาม พนักงานในชุดยูนิฟอร์มแบบเดียวกัน...

“จิ๊ๆ ไอ้ฉีคนนี้ดูบ้านนอกไปเลย!” ฉีเติ่งเสียนตะลึงเมื่อเห็นภาพนี้

การตกแต่งของที่นี่เกือบจะโอเวอร์กว่าวิลล่าของเซี่ยงตงฉิง มันหรูหรามาก โดยเฉพาะตู้เก็บไวน์ขนาดใหญ่ที่มีไวน์ชั้นดีทุกชนิด ไวน์ที่ถูกที่สุดก็ราคาหลายพันและราคาแพงที่สุดอาจจะหลายแสน

ไหนจะโซฟาหนังลูกวัวที่วางอยู่ทุกที่ งานฝีมือแบบนั้น มองแวบเดียวก็รู้ว่าแพง...

แม้แต่เครื่องแบบที่บริกรสวมใส่ก็ยังพอดีตัวอย่างสุภาพซึ่งน่าจะตัดตามบุคคล

ฉินถางหู่พูดขึ้นว่า “ยูนิฟอร์มพวกนี้ตัดเย็บโดยช่างตัดเสื้อแฮนด์เมดในอิตาลี แต่ละชุดราคาหลายหมื่นหยวน”

ฉีเติ่งเสียนถามว่า “ทำปืนใหญ่อิตาลีได้ไหม”

หลังจากพูดจบ เขาก็ยกแก้วและเตรียมจิบ แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคำเตือนของเหล่าซุนว่าห้ามดื่มแอลกอฮอลล์หลังจากกินยาลับของตระกูลซุน

เขาจึงวางแก้วเหล้าที่เพิ่งหยิบขึ้นมาลงไปตามเดิม

ฉินถางหู่กล่าวว่า “ที่นี่คือลานประลองสุนัข ไม่ใช่เวทีมวยใต้ดิน คุณจะรับประกันได้ยังไงว่าคุณจะชนะ”

ฉีเติ่งเสียนพูด “ไปสิ พาผมไปดูหน่อย!”

ฉินถางหู่ยืนขึ้นและเดินนำฉีเติ่งเสียนไปที่บ่อน พวกเขาเดินผ่านทางเดินเส้นหนึ่ง เลี้ยวหนึ่งครั้งก็ถึงที่หมาย

ที่นี่มีคนมากมาย ภายในกรงเล็กขนาดใหญ่ในลานประลองมีบูลด็อกสองตัวกำลังสู้กันอย่างดุเดือด กัดกันจนเลือดออกหัว ดูโหดร้ายอย่างยิ่ง

“เฮ้ ไม่สิ พนักงานเสิร์ฟที่นี่ต้องรับแขกด้วยเหรอ” ฉีเติ่งเสียนเห็นผู้ชายหลายคนนั่งอยู่บนโซฟาและมีสาวสวยในเครื่องแบบอยู่ข้างๆ พวกเขา

“ตราบใดที่มีเงิน จะทำอะไรที่นี่ก็ได้” ฉินถางหู่กล่าว

ฉีเติ่งเสียนถามว่า “วางเดิมพันยังไง”

“ตรงนั้น ตรงที่มีคอมพิวเตอร์ มีคนจัดการให้ คุณแค่รูดการ์ด” ฉินถางหู่ตอบ

การต่อสู้ใกล้จะจบลงแล้ว สุนัขตัวหนึ่งล้มลง ส่วนอีกตัวก็มีแผลเต็มตัวเช่นกัน

ผู้ชนะพนันชูมือโห่ร้อง ส่วนผู้เสียพนันก็ก่นด่าและทิ้งธนบัตรในมือ

“การประลองต่อจากนี้จะยิ่งน่าตื่นเต้น เป็นราชาสุนัขพันธุ์มาสทิฟสองตัวที่คัดเลือกมาอย่างดี แต่ละตัวมีมูลค่าถึงสามล้าน!”

“เอาล่ะ ราชามาสทิฟทั้งสองเข้ามาแล้ว!”

“เรียนแขกผู้มีเกียรติ รีบวางเดิมพัน!”

หลังจากเจ้าหน้าที่เคลียร์เวทีเสร็จ พิธีกรก็วิ่งออกมาพร้อมไมโครโฟนและตะโกนเสียงดังทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง