ฉีเติ่งเสียนเรียกคนฆ่าสัตว์ ปีศาจราตรีและผีพยาบาทไปที่เอ้อร์อวี๋จุ่ยเพื่อเจอกับอวี้เสี่ยวหลง
หลังจากทำตามคำแนะนำของอวี้เสี่ยวหลงและมาถึงพื้นที่ห่างไกลในเอ้อร์อวี๋จุ่ยแล้ว ฉีเติ่งเสียนก็เห็นอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“ว่ายังไง” ฉีเติ่งเสียนก้าวไปข้างหน้าและเอ่ยปากถาม
เมื่ออวี้เสี่ยวหลงเห็นคนทั้งสามที่อยู่ข้างกายเขา เธอก็ชะงักไปก่อนจะพูดว่า “นายพาคนพวกนี้มาทำไม”
ฉีเติ่งเสียนยิ้มแยกเขี้ยวยิงฟันและพูดว่า “ผมต้องการล้างบางโอเมนหน่วยหนึ่ง ทำให้ตระกูลจ้าวต้องทุกข์ทรมาน!”
อวี้เสี่ยวหลงส่ายหน้า “ไม่ได้ ประเทศชาติทุ่มแรงกายแรงใจฝึกโอเมนหน่วยหนึ่งอย่างมาก หากเราทำแบบนั้น มันจะเป็นความเสียหายครั้งใหญ่”
ฉีเติ่งเสียนพูดว่า “ในเมื่อพวกเขาอาจจะเป็นประโยชน์กับตระกูลจ้าว งั้นก็ต้องตัดพวกเขาออก ผมไม่สนว่าใครเป็นคนฝึกพวกเขามา ถ้ามาขวางทางผม ผมก็จะฆ่า!”
คนฆ่าสัตว์ที่อยู่ข้างๆ พูดว่า “นายพลอวี้ คุณเป็นสตรีที่ไม่เป็นรองบุรุษก็จริง แต่ยังไงคุณก็ยังเป็นผู้หญิง มีจิตใจเมตตาเกินไป ถ้าคุณไม่ลงมือ พวกเราก็จะฆ่าเอง ผมแบกชีวิตนับหมื่นไว้บนหลัง ผมไม่สนถ้าต้องเพิ่มอีกไม่กี่ชีวิต”
คำพูดของคนฆ่าสัตว์ไม่ได้เกินจริงเลย เพราะอย่างไรแล้วเขาก็เคยเป็นวายร้ายที่สังหารที่นักโทษนับหมื่นคนมาก่อน
“ฉีเติ่งเสียน นายจะทำอะไรตามอำเภอใจไม่ได้!” อวี้เสี่ยวหลงเมินคนฆ่าสัตว์และพูดกับฉีเติ่งเสียนอย่างจริงจัง
ฉีเติ่งเสียนคิดอยู่แล้วว่าถ้าอวี้เสี่ยวหลงรู้ความคิดนี้ของเขา เธอจะต้องไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บอกอวี้เสี่ยวหลงล่วงหน้าและดึงตัวคนมาอย่างเงียบๆ
ผีพยาบาทพูดกับอวี้เสี่ยวหลงว่า “สวัสดีครับนายพลอวี้ การที่เราทำลายร่างกายของคนพวกนั้นเป็นเรื่องที่ดี มันจะช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากโลกมลทินห้าและไปสู่ดินแดนสุขาวดีได้เร็วขึ้น นี่เป็นการโปรดสัตว์!”
อวี้เสี่ยวหลงกระตุกมุมปาก มองผีพยาบาทแล้วพูดว่า “แล้วนี่ใครอีก!”
“เขามีฉายาว่าผีพยาบาท เคยเป็นพระที่วัดเฉ่าที่ คุณก็น่าจะพอรู้” ฉีเติ่งเสียนพูดนิ่งๆ
สีหน้าของอวี้เสี่ยวหลงมืดมนลงเล็กน้อย
ฉีเติ่งเสียนพูดว่า “โอเมนหน่วยหนึ่งต้องถูกกำจัด เพราะมันไม่ง่ายที่จะฝึกพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงต้องตาย! หากพวกเขาตายที่นี่ ตระกูลจ้าวจะเจ็บปวดและท่านฟู่เหล่าก็จะสามารถใช้โอกาสนี้สู้กลับได้”
อวี้เสี่ยวหลงสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่และพูดว่า “ฉันรู้ แต่ฉันคิดมากกว่านั้น...เวลาเราทำเรื่องพวกนี้ เราทำอย่างลับๆ มาตลอด ถ้าเราฆ่าคนแบบโจ่งแจ้งแล้วเรื่องนี้ถูกเปิดเผยขึ้นมา เราจะไม่มีโอกาสแม้แต่จะถอยกลับ นายรู้รึเปล่า”
ฉีเติ่งเสียนยิ้มและพูดว่า “แน่นอนว่าผมก็คิดเรื่องนั้น มันมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกตราหน้าว่าเป็นคนขายชาติ แต่ยังไงผมก็ต้องทำเรื่องที่ควรทำ!”
ในตอนนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“นายพลอวี้ อะไรที่ควรฆ่าก็ฆ่าเถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาเมตตา” ฉีเติ่งเสียนเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาจากหลังกำแพงด้วยสภาพดูไม่จืด
ชายคนนี้หล่อเหลาเอาการและใบหน้าของเขาก็คล้ายคลึงเฉินหยูอยู่ไม่น้อย
เขาก็คือเฉินเลี่ยนั่นเอง
ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยความประหลาดใจ “คุณช่วยเขาออกมาแล้วเหรอ”
อวี้เสี่ยวหลงพูดอย่างเย็นชา “ใช่ แต่เราจะส่งเขาไปอย่างปลอดภัยได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราจะทำต่อจากนี้!”
เฉินเลี่ยไอสองครั้งและมีเลือดไหลออกจากจมูก เห็นได้ชัดว่าก่อนที่อวี้เสี่ยวหลงจะช่วยออกมา เขาพบเจอกับการดูแลที่ไม่ดีเท่าไรนัก
“เหตุผลที่เรายืนหยัดร่วมกันได้ก็เพราะว่าเรามีศัตรูคนเดียวกัน ในเมื่อศัตรูยื่นโอกาสให้ทำร้ายพวกเขามาตรงหน้า แล้วทำไมเราจะไม่คว้าไว้ล่ะ” เฉินเลี่ยพูดกับอวี้เสี่ยวหลง
อวี้เสี่ยวหลงไม่ได้พูดอะไรต่อ แสดงให้เห็นว่ายอมรับความคิดของฉีเติ่งเสียนแล้ว
เธอเดินนำอยู่ด้านหน้า หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าวเธอก็พูดว่า “นายกระหายเกินไป อย่าคิดว่าเรื่องนี้จะง่ายขนาดนั้น คนพวกนั้นเป็นที่สุดของที่สุด!”
หลังจากพูดจบ เธอเดินไปตรงหน้าตู้คอนเทนเนอร์ที่คลุมด้วยผ้าใบกันน้ำ จากนั้นก็หยิบกุญแจออกมาเปิดตู้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...