อ่านสรุป บทที่ 683 เล่นลับหลังอีกครั้ง จาก มังกรผู้ทรงพลัง โดย จาง หลงหู
บทที่ บทที่ 683 เล่นลับหลังอีกครั้ง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายโรแมนติกในเมือง มังกรผู้ทรงพลัง ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย จาง หลงหู อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
หลังออกมาจากซุนอิ่งชู ฉีเติ่งเสียนก็รู้สึกเหนื่อยล้าเช่นกัน
อารมณ์แบบเมื่อกี้นั้นดีมาก ตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย จริงอย่างที่ในหนังสือได้กล่าวไว้ความอ่อนโยนขอผู้หญิง
คือสุสานของฮีโร่?
“ดูเหมือนว่าเธอคงไม่ได้จะต้องการเปิดเผยที่อยู่ให้กับกลุ่มเทควันโดไท่อี้ เรื่องราวทั้งหมดเธอน่าจะไม่ได้เป็นคนทำ” ฉีเติ่งเสียนคิดในใจ ไม่นานเขาก็มาถึงโรงพยาบาล
เขาไม่ได้ขับรถมาที่นี่ ท้ายที่สุดเขามีความคิดที่อันตรายบางอย่างในตอนแรก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทิ้งเบาะแสใด ๆ ได้
เนื่องจากเป็นเส้นทางเดียวกัน เขาจึงจงใจใช้เส้นทางที่ผ่านสำนักกรมยุทธทางการเมือง
และบังเอิญเห็นรถต่อคิวยาวกันอยู่ตรงประตู มีคนในชุดดํายืนรออยู่อย่างเคร่งขรึม
ไม่นานนัก จ้าวมั่นเอ๋อร์ก็ออกมาจากสำนักกรมยุทธทางการเมือง
ชายชุดดำคนหนึ่งรีบเดินไปข้างหน้าเพื่อเปิดประตูรถ และเชิญจ้าวมั่นเอ๋อร์ให้ขึ้นรถด้วยความเคารพ
“ถูกปล่อยออกมาเร็วขนาดนี้เลยเหรอ และยังมีรถมารับอย่างหรูหราอีกต่างหาก ดูเหมือนว่าจะทำอะไรเธอไม่ได้เลย!”เมื่อฉีเติ่งเสียนเห็นสิ่งนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง
จ้าวมั่นเอ๋อร์ถูกสอบสวนและสั่งปิดลานประลองสุนัข โดยอวี้เสี่ยวหลง แต่ยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงจ้าวมั่นเอ๋อร์ก็ถูกปล่อยตัวออกจากสำนักกรมยุทธทางการเมืองอย่างปลอดภัย
สามารถสันนิษฐานได้ว่าจ้าวมั่นเอ๋อร์ได้การสนับสนุนของตระกูลจ้าวอย่างแข็งแกร่ง มิฉะนั้น เธอคงไม่ได้ออกจากสำนักกรมยุทธทางการเมืองได้ง่ายๆแบบนี้หรอก
อย่างไรก็ตาม ลานประลองสุนัขก็ถูกส่งปิดและยึดทรัพย์ไปแล้ว
แต่จ้าวมั่นเอ๋อร์ก็ยังสบายดี แสดงว่ามีคนคอยสนับสนุนอยู่ ถึงแม้จะเป็น 60 ล้านหยวนสําหรับ "สินบน" ฉีเติ่งเสียน
“ไอ้ฉีมันเล่นตุกติกกับฉัน! มันเอา 60 ล้านไปแล้วไปรายงานว่าฉันติดสินบน?!” ทันทีที่จ้าวมั่นเอ๋อร์ขึ้นรถ เธอต่อยที่นั่งอย่างดุเดือด ด้วยใบหน้าที่ดุร้าย
ขนาดคนขับยังไม่กล้าขับออกไปข้างนอก เขาทําได้เพียงแสร้งทําเป็นไม่ได้ยินอะไรเลย
บอดี้การ์ดของจ้าวมั่นเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ข้างคนขับถามขึ้นด้วยเสียงต่ำ: “คุณผู้หญิง จะไปไหนครับ?”
จ้าวมั่นเอ๋อร์พูดอย่างเย็นชา: “หลังจากที่ฉันเกิดเรื่องขึ้น ตระกูลเจิ้งมีการเคลื่อนไหวอะไรบ้างไหม?”
“ไม่มีการเคลื่อนไหวใดเลยครับ เงียบมากเหมือนเช่นเคย” บอดี้การ์ดตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ดีมาก ตระกูลเจิ้งก็ยังเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ตัวหนึ่ง ไม่อย่างนั้นตระกูลพวกเขาต้องถูกทําลายลงในไม่กี่นาที!”จ้าวมั่นเอ๋อร์พูดด้วยความเยาะเย้ย
ในใจฉีเติ่งเสียนคงจะขยะแขยงกับความตั้งใจ ในเวลานี้รถของจ้าวมั่นเอ๋อร์ค่อยๆ ผ่านหน้าเขาไป
เมื่อจ้าวมั่นเอ๋อร์ได้เห็นเขา ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีเขียว เธอเปิดหน้าต่างลงและพูดอย่างเย็นชาว่า: “นายฉี กลอุบายของนายมันแน่จริงๆ! ทำเอาฉันถึง!"
“อา? นี่ไม่ใช่คุณนายสามหรอกเหรอ? ออกมาดึกดื้นแบบนี้……เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ฉีเติ่งเสียนมองไปที่จ้าวมั่นเอ๋อร์ด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจและถามอย่างรู้เท่าทัน
“ยังจะมาแกล้งโง่อีก!” จ้าวมั่นเอ๋อร์ยิ้มอย่างเคร่งขรึม
ฉีเติ่งเสียนยิ้มและพูดว่า: “คุณจ้าว ระวังคำพูดด้วยนะ มิฉะนั้นเธอจะมีปัญหา!”
จ้าวมั่นเอ๋อร์กล่าวว่า: “แกเล่นลับหลังฉันได้ ถือว่าแกเก่ง แต่แกระวังตัวไว้ให้ดีไม่ช้าก็เร็วฉันจะสับนายให้เป็นอาหารหมา!”
ใบหน้าของฉีเติ่งเสียนเปลี่ยนไปและเขาพูดอย่างเย็นชาว่า : “เธอพูดว่าอะไรนะ?!”
จ้าวมั่นเอ๋อร์กล่าวว่า : “ฉันสับแกให้ไปเป็นอาหารหมา ฟังไม่เข้าใจเหรอ?”
จู่ๆ ฉีเติ่งเสียนก็ยิ้มขึ้นมา จากนั้นก็หยิบใบรับรองออกมาจากอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า : “เธอถูกต้องสงสัยว่ามีการข่มขู่นายพลอาวุโสของสำนักกรมยุทธทางการเมือง เชิญมากับฉันและยอมรับการสอบสวนด้วยแล้วกัน”
“……”
จ้าวมั่นเอ๋อร์เบิกตากว้างและมองไปที่ใบรับรองในมือของเขา เธอไม่สามารถพูดอะไรได้สักคำ
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็กัดฟันและพูดว่า: “แกมีหลักฐานอะไร?”
“มีสิ!” ฉีเติ่งเสียนยิ้ม พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาแล้วกดฟัง
“แกเล่นลับหลังฉันได้ ถือว่าแกเก่ง แต่แกก็ระวังตัวไว้ให้ดี……”
“ฉันสับแกให้ไปเป็นอาหารหมา ฟังไม่เข้าใจเหรอ?”
คําพูดที่โหดร้ายสองประโยคของจ้าวมั่นเอ๋อร์ถูกบันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถืออย่างสมบูรณ์
“พี่สาว!” จ้าวมั่นเอ๋อร์ตะโกนด้วยเสียงต่ำ
“โอ้!” ผู้หญิงคนตอบรับด้วยเสียง แต่ไม่ได้หันไม่มอง
“พี่หงซิ่ว!” ใบหน้าของจ้าวมั่นเอ๋อร์มืดมนและเธอก็เปล่งเสียงเพิ่มขึ้น
จ้าวหงซิ่วผู้ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์กับฉีเติ่งเสียน ค่อยๆ หันศีรษะและพูดอย่างไม่มีความสุขว่า: “เธอมีธุระอะไร?”
จ้าวมั่นเอ๋อร์กล่าวว่า: “ฉันถูกรังแก ลานประลองสุนัขได้ถูกปิดลงแล้ว แถมยังต้องไปอยู่สำนักกรมยุทธทางการเมืองทั้งคืนเพิ่งจะได้ออกมา! พี่ไม่สนใจเลยเหรอ?”
จ้าวหงซิ่วกล่าวว่า : “ไม่สนใจ”
จ้าวมั่นเอ๋อร์พูดด้วยใบหน้าแข็งทื่อว่า: “อย่างน้อยพวกเราก็เป็นพี่น้องพ่อเดียวกันนะ!”
จ้าวหงซิ่วโยนพู่กันในมือของเธอทิ้งไปโดยไม่มีการแสดงออกบนใบหน้าใดๆ
“โอเค ไม่พูดเรื่องนี้ก็ได้…..ที่ตระกูลเราให้พี่มาที่โมตูก็ไม่ใช่เพื่อให้พี่มาปกป้องธุรกิจของฉันไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้มีคนกําลังขู่ฉัน พี่ก็ต้องสนใจสิ!” จ้าวมั่นเอ๋อร์พูดเสียงดัง
จ้าวหงซิ่วอดไม่ได้ที่จะมองเธออย่างหงุดหงิดใจ และพูดย่างเรียบเฉยว่า : “เธออยากตายใช่ไหม?”
จ้าวมั่นเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้า เธอรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
“พี่ควรจะช่วยฉัน.…..” จ้าวมั่นเอ๋อร์ขยับมุมปากของเธอและพูดอย่างยอมจำนน
“พี่ปฏิเสธที่จะดําเนินการเกี่ยวกับการประเมินและกิจการของเฉินเลี่ย เรื่องนี้มันทำให้ที่บ้านไม่พอใจมาก”
“ตอนนี้มีคนต้องการทําลายธุรกิจของฉัน ถ้าพี่ปฏิเสธอีกครั้ง…...แล้วในอนาคตพี่ยังคิดจะวางหมากรุกอยู่อีกไหม?!”
จ้าวหงซิ่วรู้สึกปวดหัว เธอลูบหัวตัวเองเบาๆ และถามว่า: “ใครล่ะ?”
จ้าวมั่นเอ๋อร์กล่าวด้วยความประหลาดใจว่า : “ผู้ชายคนนี้ชื่อฉีเติ่งเสียน เขาเป็นคนเลวและน่ากลัวมาก พี่ต้องระวังเขาให้ดี…...ฉันไปสือเกี่ยวกับภูมิหลังของเขาจากที่บ้านมา เขาเป็นลูกชายของจ้าวซือชิง”
จ้าวหงซิ่วกล่าวว่า : “ฉันเข้าใจแล้ว!”
หลังจากที่จ้าวมั่นเอ๋อร์ไปแล้ว จ้าวหงซิ่วก็พูดอย่างครุ่นคิด : “ช่างเป็นชื่อที่แปลกจริงๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...