หลี่อวิ๋นหว่านกินอิ่มจนแน่นท้องไปหมด มื้อนี้ ไม่รู้ว่ากลับไปจะต้องลุกนั่งซะกี่ครั้งถึงจะเผาผลาญสิ่งที่กินไปจนหมด
หันกลับมา ฉีเติ่งเสียนกำลังอยู่ในภวังค์ “นายกำลังคิดถึงกิ๊กคนไหนอยู่หรอ?” เธอถามออกมาตรงๆ
ฉีเติ่งเสียนดึงสติกลับมา “ผมกำลังคิดถึงสามคนที่เจอไปเมื่อสักครู่เท่านั้นเอง กิ๊กเกิ๊กอะไรกัน อย่าพูดมั่ว ผมไม่มีกิ๊ก......”
“สวีเอ้าเสวี่ยนั้นคือคนรักเก่า!” เขาเพิ่มเติมอยู่ในใจ
หลังจากที่กินเสร็จ ภายในใจของฉีเติ่งเสียนอดที่จะคิดหาวิธีเพิ่มอย่างไม่ได้
ไป๋หลิวก็เปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองแล้ว แล้วจานซิง เย่เฉิง เยี่ยเฟยหลิวสามคนนี้ล่ะ ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรกันบ้างแล้ว
“ไปเดินเล่นซะหน่อย รู้สึกว่าจะกินอิ่มจนเกินไป รสชาติอาหารของร้านนี้ก็อร่อยเกินไป จนอยากจะลักตัวเชฟไปซะจริง” หลี่อวิ๋นหว่านตบๆไปที่ท้องของตนเอง พร้อมทั้งเรอออกมาอย่างไม่อาย
หลี่อวิ๋นหว่านคิดว่าการที่มาเดินเล่นกับฉีเติ่งเสียนก็ดีเหมือนกัน ช่วงนี้ทั้งสองยุ่งมาก เลยไม่มีเวลาที่จะเดินเล่นเรื่อยเปื่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
แต่จะว่าไป หลี่อวิ๋นหว่านก็ค่อนข้างที่จะเป็นคนขี้เกียจ เดินไปได้รอบเดียว ก็ร้องจะขี่หลังละ
ทำอะไรไม่ได้ ฉีเติ่งเสียนจึงได้แต่ให้เจ้าหมาขี้เกียจตัวนี้ขี่หลัง แบบนี้......แล้วยังจะอยากย่อยอาหาร?
“นายไม่รู้อะไร ความขี้เกียจของฉันก็เป็นการขี้เกียจที่มีขอบเขต ถ้าจะดูแลหุ่นจริงๆล่ะก็ ฉันเนี่ยแหละที่ขยันมากกว่าใคร” หลี่อวิ๋นหว่านหัวเราะคิกคัก
“ก็แน่นอนอยู่ การแข่งขันสูง......”ฉีเติ่งเสียนคิดในใจ
ช่วงนี้ หลี่อวิ๋นหว่านกำลังประชันกับหยางกวนกวนอยู่ลับๆ จึงดูแลรูปร่างของตัวเองอยู่ไม่น้อย เห็นได้ชัดว่ากล้ามเนื้อก้นกบมีกล้ามเนื้อมากกว่าแต่ก่อน รับรองว่าต้องลุกนั่งมาไม่มากก็น้อย
ฉีเติ่งเสียนที่ต้องแบกหลี่อวิ๋นหว่านอยู่ข้างหลังได้เดินไปตามถนนริมทะเล ตากลมทะเลที่เย็นสดชื่น ทันใดนั้นก็มีโรสลอยด์คันหนึ่งขับมาจอดข้างๆ
“คุณฉี” ประตูรถถูกเปิดออก ตามลงมาด้วยชายหนุ่ม
“คุณคือ?”เมื่อฉีเติ่งเสียนเห็นหน้าเขา ชะงักไปนิดนึง ไม่คุ้นหน้า รับรองว่าไม่รู้จัก
หลี่อวิ๋นหว่านลงมาจากหลังฉีเติ่งเสียนอย่างรู้ความ พร้อมมองไปที่ทะเบียนรถแวบนึง
ชายหนุ่มปรบมือสองสามที ก็มีลูกน้องสองคนลงมาจากรถ พร้อมกระเป๋าสัมภาระคนละใบ
กระเป๋าสัมภาระถูกมือคู่นั้นปล่อยให้ล้มอยู่บนพื้น พร้อมกับฟังที่ชายคนนี้พูด “ผมเป็นคนของตระกูลซ่างกวนสมาคมหงแห่งประเทศมี่ ผมชื่อซ่างกวนจิงเทา ตั้งใจมาถึงโมตูเพื่อต้องการที่คุยธุระกับคุณฉี”
ช่างนี้หลี่อวิ๋นหว่านไปมาระหว่างประเทศหมี่เพื่อผลิตฟูก จึงกระซิบบอกกับฉีเติ่งเสียนทันที “ตระกูลซ่างกวนเป็นกำลังหลักของสมาคมหงแห่งประเทศมี่ อีกทั้งช่วงนี้ ผู้หญิงตระกูลซ่างกวนของพวกเขาราวกับกำลังมีความสัมพันธ์กับคนของตระกูลรอธไชล์ด อยู่ในช่วงมือกำลังขึ้น”
หลังจากที่ฉีเติ่งเสียนได้ฟังกลับไม่เห็นด้วย ตระกูลรอธไชล์ดเป็นถึงนักธุรกิจชั้นนําแห่งทวีปยุโรป ถึงแม่ว่าจะส่งผลกระทบต่อประเทศมี่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้เจ๋งขนาดนั้น
นอกจากนั้น ถึงแม้ว่าตระกูลรอธไชล์ดจะพลาดการเติบโตของประเทศมี่ไป หากดูจากการสะสมบุพกาล จะเห็นได้ว่าล้าหลังนักธุรกิจชั้นนำไปมากอยู่เหมือนกัน
“เธอหมายความว่ายังไง?” ฉีเติ่งเสียนถามเสียงเรียบ
ซ่างกวนจิงเทาปรบมือสองสามที ลูกน้องทั้งสองรีบเปิดกระเป๋าสัมภาระออก ภายในกระเป๋าสัมภาระขนาดสี่สิบนิ้วทั้งสองใบนี้ เผยให้เห็นเงินดอลลาร์ใบเขียวๆเรียงเต็มกระเป๋า สองใบรวมกัน น่าจะมีถึงสิบล้านได้
สิบล้านดอลลาร์ ก็ประมาณเจ็ดสิบล้านสกุลเงินหัวกั๋ว วางใจได้ว่าเป็นเงินจำนวนมหาศาลเลยทีเดียว
“นี่ถือเป็นของขวัญสำหรับการพบหน้า!” ซ่างกวนจิงเทากล่าว
ครั้นฉีเติ่งเสียนได้เห็นเงินจำนวนมากขนาดนี้ รอยยิ้มนี่กว้างไปยันใบหูกันเลยทีเดียว “คนอย่างผมไม่ค่อยชอบเงินสักเท่าไหร่” เขาพูด
หลี่อวิ๋นหว่านอดไม่ได้ที่จะมองด้วยสายตาดูถูก ไม่ค่อยชอบเงินสักเท่าไหร่ แต่ยิ้มได้ถึงขนาดนี้?
ขนาดเธอที่เห็นเงินมาก็มาก แต่เห็นเงินดอลลาร์สองใบกองรวมกัน ยังอดที่จะตะลึงไม่ได้
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม คนที่ติดสินบนถึงชอบใช้เงินสด แต่กลับไม่ชอบที่จะใช้สกุลเงินดิจิทัล เพราะว่า เงินสดเมื่อกองรวมกัน แล้วมองด้วยสายตาจะยิ่งทำให้เกิดแรงกระตุ้นได้มากกว่า!
แค่สามสี่แสนก็ทำให้เกิดแรงกระตุ้นได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลักสิบล้าน!
“มีเรื่องอะไรก็รีบๆพูด” ฉีเติ่งเสียนพูดกับซ่างกวนจิงเทาด้วยรอยยิ้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...