สรุปเนื้อหา บทที่ 806 ไอ้เซ่อนั่น – มังกรผู้ทรงพลัง โดย จาง หลงหู
บท บทที่ 806 ไอ้เซ่อนั่น ของ มังกรผู้ทรงพลัง ในหมวดนิยายนิยายโรแมนติกในเมือง เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย จาง หลงหู อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ณ ร้านอาหารของไป๋หลิ่ว ที่นั่งริมหน้าต่างมีคนสามคนนั่งกินข้าวอยู่
สองในสามคนนั้นเป็นคนที่ฉีเติ่งเสียนรู้จัก นั่นคือเหยียนมู่หลงและเซี่ยขวางหลง
หลังจากที่เห็นเซี่ยขวางหลงเจอฉีเติ่งเสียน ใบหน้าเขาก็แข็งทื่อ ในใจก่นด่าไม่หยุด จังหวะช่างเหมาะอะไรแบบนี้ ออกมากินข้าวยังต้องเจอมารผจญอีก!
ฉีเติ่งเสียนเดินตรงมาหาพร้อมกับหลี่อวิ๋นหว่าน ใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม มองไปที่เซี่ยขวางหลง “ไม่รู้มารยาทหรือไง?”
เซี่ยขวางหลงวางตะเกียบ กัดฟันพูด “คารวะพี่ใหญ่!”
เหยียนมู่หลงกับจ้าวถูกลงได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง ก่อนจะหันไปมองเซี่ยขวางหลงอย่างประหลาดใจ
เมื่อเห็นสายตาของทั้งสองคน เซี่ยขวางหลงแทบอยากจะเอาหัวฟาดโต๊ะตายไปซะ
คนเย่อหยิ่งอย่างเขา กลับถูกฉีเติ่งเสียนบังคับให้เรียกว่าพี่ใหญ่ แถมยังต้องเรียกต่อหน้าขู่แข่งของตัวเองอีก เสียหน้าจนไม่รู้จะเสียยังไงแล้ว
“ไม่รู้มารยาทหรือไง?” ฉีเติ่งเสียนปรายตามอง พูดอย่างไม่สบอารมณ์
“คารวะพี่ใหญ่” เซี่ยขวางหลงจำต้องลุกขึ้นยืน พูดอย่างขมขื่น
ฉีเติ่งเสียนถึงได้ยอมพยักหน้ารับ ก่อนจะผายมือไปทางหลี่อวิ๋นหว่าน “ไม่รู้มารยาทหรือไง?”
เซี่ยขวางหลงทักทายบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรของฉีเติ่งเสียนในใจ ก่อนจะพูดกับหลี่อวิ๋นหว่าน “คารวะซ้อใหญ่!”
“อะไรกัน นายไปมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมฉันถึงไม่รู้!” หลี่อวิ๋นหว่านถามอย่างสงสัย
“โธ่ เขาเป็นพวกไร้ประโชยน์น่ะ ผมก็เลยไม่อยากพูดถึงให้คุณฟัง ไหนๆก็บังเอิญเจอกันแล้ว ก็ให้เขาจำหน้าคุณไว้หน่อยแล้วกัน!“
เซี่ยขวางหลงโกรธจนแทบกระอักเลือด อยากเอาตะเกียบเสียบหัวใจฉีเติ่งเสียนให้รู้แล้วรู้รอด
พวกไร้ประโยชน์งั้นเหรอ?
”นายคือฉีเติ่งเสียน?“ จ้าวถูหลงถาม ดวงตาเป็นประกาย ราวกับพบเจอสัตว์ประหลาดหายาก
“ทำไมถึงมีแต่คนถามอะไรโง่ๆแบบนี้นะ?” ฉีเติ่งเสียนตอบกลับ
ฉีดติ่งเสียนรู้สึกได้ว่าคนตรงหน้าไม่ได้อยากเป็นมิตรกับเขา แถมยังมีจิตสังหารด้วยซ้ำ
ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดจาญาติดีอะไรด้วย
“ต่างคนต่างกินก็พอแล้ว ไร้สาระอะไรกันอยู่ได้”เหยียนมู่หลงพูดเสียงเรียบ
ฉีเติ่งเสียนตบบ่าเซี่ยขวางหลง “น้องชาย เอาเป็นว่ามื้อนี้พี่ใหญ่เลี้ยงเองแล้วกันนะ ไม่ต้องเกรงใจไป อยู่ต่อหน้าเพื่อน ต้องรักษาหน้ากันหน่อย!“
เซี่ยขวางหลงโกรธจนอยากจะฆ่าเขาให้ตายคามือ สีหน้าไม่สบอารมณ์ถึงที่สุด ไม่พูดอะไรอีก
“เพราะฉันจะฆ่าแกยังไงล่ะ!” จ้าวถูหลงพูดเสียงจริงจังพร้อมยิ้มกว้าง
“มีคนอีกเยอะเลยที่อยากฆ่าฉัน นายต้องต่อแถวหน่อยนะ” ฉีเติ่งเสียนพยักหน้ารับ
จ้าวถูหลงมองประเมินฉีเติ่งเสียนไม่วางตา จนเขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นี่ แม่เรียกแล้วมั้ง? กลับบ้านไปกินนมแม่ก่อนดีมั้ย”
จ้าวถูหลงเลิกคิ้ว เตรียมจะลุกขึ้นยืน
แต่เหยียนมู่หลงกดไหล่เขาไว้ก่อน ก่อนจะตบเบาๆ “วันนี้ฉันมากินข้าว ไม่ได้อยากมีเรื่อง”
จ้าวถูหลงทำได้เพียงสะกดกลั้นเอาไว้ ยังไงก็อยู่ในโมตู ฟังเหยียนมู่หลงจะดีที่สุด
การที่ต้องเรียกคนอย่างฉีเติ่งเสียนว่าพี่ใหญ่ เป็นความคับข้องใจและน่าอับอายอย่างถึงที่สุด
ผ่านไปไม่นาน เหยียนมู่หลงและจ้าวถูหลงก็จากไปเช่นกัน
ก่อนจะเดินออกไป ทั้งคู่ก็หันไปมองที่ฉีเติ่งเสียน
“ไม่ใช่ว่าผู้มีฝีมือสูงส่งควรจะเห็นอกเห็นใจกันหรอกเหรอ ทำไมพวกนายถึงทำเหมือนจะฆ่าแกงกันขนาดนี้?“ หลี่อวิ๋นหว่านเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถาม
”คุณคิดว่านี่คือโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ที่ใสสะอาดเหรอ? เห็นอกเห็นใจอะไรกัน” ฉีเติ่งเสียนส่ายหน้า ยิ้มอย่างจนใจ
หลี่อวิ๋นหว่านคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เดี๋ยวนี้คนก็มีการศึกษาดีๆกันแล้ว เนื้อแท้ก็เป็นคนดีกันเยอะ มีชื่อเสียงก็ตั้งมากมาย ยังไงก็ควรจะมีจรรยาบรรณกันหน่อยไหม?”
“ใครบอกว่าผู้มีฝีมือสูงส่งต้องมีจรรยาบรรณ? ใครบอกว่าผู้มีฝีมือสูงส่งต้องมีเนื้อแท้เป็นคนดี?” ฉีเติ่งเสียนส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา
ถึงแม้เขาจะไม่เคยมีเรื่องกับเหยียนมู่หลงแบบซึ่งๆหน้า แต่มันก็ชัดเจนแล้วว่าผู้หญิงคนนี้มีเจตนาชั่วร้าย ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขา เพราะฉะนั้นเขาเลยพยายามพูดจายั่วยุ กระตุ้นให้เหยียนมู่หลงแสดงตัวเป็นศัตรูเต็มตัวไปเลย
“ฉันคิดว่าท่าทีของนายเมื่อกี้มันบ้าระห่ำไปหน่อย สามคนนั้นเป็นผู้มีฝีมือสูงส่งทั้งหมด ยังไงก็ควรระวังไว้บ้าง ถ้าพวกเขาร่วมมือกันขึ้นมา นายจะทำยังไง?” หลี่อวิ๋นหว่านถาม
“ก็วิ่งหนีน่ะสิ! เซี่ยขวางหลงถือเป็นระดับปรมาจารย์ เหยียนมู่หลงก็ฝีมือไม่เลว ส่วนไอ้หน้าอ่อนนั่นท่าทางเซ่อซ่า แต่ฝีมือคงไม่ด้อยมากเท่าไหร่” ฉีเติ่งเสียนพูด “ต่อให้ผมสู้ได้ แต่ถ้ามาสามคนพร้อมกัน คงได้แต่วิ่งหนีล่ะนะ”
“ไม่ใช่ว่าคุณโม้มาตลอดหรอกเหรอว่ามีฝือเข้าขั้นเซียนแล้วน่ะ?” หลี่อวิ๋นหว่านพูด
“แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นอมตะซะหน่อยนี่ นี่ถ้าผมฝึกพลังคลื่นเต่าได้นะ ก็เก็บหมดได้ภายในเวลาไม่กี่นาทีเลย!“ ฉีเติ่งเสียนพูด
แล้วอาหารก็มาเสิร์ฟพอดี หลี่อวิ๋นหว่านลองชิมดู อร่อยจนแสงออกปาก!
แล้วก็ไม่สนใจฉีเติ่งเสียนที่นั่งโม้อีกต่อไป กินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ไม่สนใจแม้แต่ภาพลักษณ์หญิงสาวของตัวเอง
“เซี่ยขวางหลงเป็นผู้สืบทอดแก๊งมาเฟีย เหยียนมู่หลงเป็นสมาชิกของตระกูลจ้าว สองคนนี้ร่วมมือกัน แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องดี……ส่วนไอ้เซ่อนั่น เป็นใครกันแน่?“ ฉีเติ่งเสียนนั่งคิดในใจ อาหารบนโต๊ะดูเหมือนจะน่าเบื่อขึ้นมาเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...