มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 890

สรุปบท บทที่ 890 ชาผู่เอ๋อร์: มังกรผู้ทรงพลัง

ตอน บทที่ 890 ชาผู่เอ๋อร์ จาก มังกรผู้ทรงพลัง – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 890 ชาผู่เอ๋อร์ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายโรแมนติกในเมือง มังกรผู้ทรงพลัง ที่เขียนโดย จาง หลงหู เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เมื่อเดินออกมาจากสนามบิน ก็เห็นว่าเหลียงเซียวไม่ตามมาแล้ว สาวสวยอย่างสวี่อี้หรูก็โล่งใจ

แต่ฉีเติ่งเสียนยังคงเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานรักษาความปลอดภัยท้องถิ่นติดตามพวกเขาอยู่ ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะมุ่งความสนใจไปที่ผู้โดยสารที่มีมาจากหนานหยางและต้องการสอบสวนทีละคน

สวี่อี้หรูพูดกับฉีเติ่งเสียนว่า : “ฉันต้องขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ด้วยนะ แต่ฉันก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ”

ฉีเติ่งเสียนขมวดคิ้วและพูดว่า : “คุณ แค่ขอโทษก็จบแล้วเหรอ? คนที่ชื่อเหลียงเซียวนั่นน่าจะเป็นคนมีอำนาจไม่ใช่น้อยใช่ไหม?

ร่องรอยของคําขอโทษปรากฏบนใบหน้าของสวี่อี้หรู เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น : “มันเป็นความผิดของฉันเอง ที่ตอนนั้นฉันดึงนายเข้ามาเกี่ยวด้วยความรีบร้อน ฉันขอโทษ!”

ฉีเติ่งเสียนส่ายหัว

สวี่อี้หรูกล่าวว่า: “คนอย่างเหลียงเซียวคนนี้ไม่ใช่คนที่จะยั่วยุ่ได้ง่ายๆ เขาเป็นเจ้าชายของสมาคมเหอเหลียนเซิ่งของเมืองเซียงซาน และอํานาจของเขาก็ไม่ใช่น้อยๆ”​​ ​

ฉีเติ่งเสียนพูดว่า : “เขาเป็นคนในสมาคมอะไรนั่น เธอยังกล้าใช้ฉันเป็นโล่กำบังอีก?”

“ไม่...เนื่องจากฉันเห็นนายช่วยผู้คนบนเครื่องบิน ก็เลยคิดว่านายต้องเป็นคนใจดีและเต็มใจที่จะช่วยฉันแน่นอน ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดถึงผลลัพธ์และไม่รู้ว่าสิ่งนี้จะนําปัญหามาสู่นายทีหลัง”สวี่อี้หรูเสียใจมาก

“คนดีจะโชคร้ายงั้นเหรอ?” ฉีเติ่งเสียนมองเธอ และพูดอย่างไม่มีพอใจ

สวี่อี้หรูยื่นมือออกไปโบกรถแท็กซี่ พร้อมกับดึงฉีเติ่งเสียนขึ้นรถและพูดว่า: “ฉันขอโทษ นายกลับบ้านกับฉันก่อน…...ตอนนี้ฉันทําให้นายถูกเหลียงเซียวหมายหัวไว้แล้ว ถ้านายเดินออกไปข้างนอกแบบนี้ นายอาจจะตายอยู่ข้างถนนแน่นอน”

ฉีเติ่งเสียนสังเกตว่าเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรักษาความปลอดภัยท้องถิ่นยังคงเฝ้าดูอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธและเดินตามสวี่อี้หรูเข้าไปในรถ

ท้ายที่สุดในตอนนี้ทั้งสองคนแกล้งทําเป็นคู่รัก หากแยกจากกันอาจจะเพิ่มความสงสัยยิ่งมากขึ้นไปอีก

อย่างน้อยที่สุด เราต้องรอจนกว่าคนของหน่วยงานรักษาความปลอดภัยท้องถิ่นจะหมดความสงสัยในตัวเขา!

“ฉันขอโทษจริงๆที่ทำให้นายลำบาก เสร็จเรื่องนี้ฉันจะให้เงินชดเชยนายหนึ่งล้าน” สวี่อี้หรูพูดขอโทษ

“เรื่องนี้แค่หนึ่งล้านเหรอ? เขาเป็นถึงหัวหน้าของสมาคมอะไรนั้น ฉันอาจถูกหมายหัวและตายอย่างน่าสลดใจอยู่ข้างถนนได้ตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้นฉันยังเป็นเด็กหนุ่ม เธอให้ฉันแกล้งเป็นแฟนของเธอซึ่งมันเป็นการทําลายชื่อเสียงของฉัน!”ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างอารมณ์ไม่ดี

สวี่อี้หรูพูดด้วยใบหน้าเขินอาย : “งั้นนายก็บอกมาว่าจะเอาอย่างไง?”

ฉีเติ่งเสียนเม้มปาก แล้วพูดว่า : “จ่ายเงินเพิ่ม!”

สวี่อี้หรูเวียนหัวและพูดแบบหัวเราะทั้งน้ําตาว่า : “โอเค โอเค เรื่องเพิ่มเงินไม่มีปัญหา! อย่างไรก็ตาม นายก็ต้องทำตัวคุ้มค่ากับราคาที่ฉันไป กลับบ้านกับฉันและแสดงละครต่อให้จบ ถ้าจบเรื่องนี้เมื่อไรฉันจะจ่ายเงินให้นายเพิ่ม”

ฉีเติ่งเสียนยักไหล่และพูดว่า : “อย่างนั้นก็ได้”

ฉีเติ่งเสียนพบว่ารถแท็กซี่ขับมุ่งตรงไปยังพื้นที่ที่ร่ำรวย ดูเหมือนว่าครอบครัวของซูอี้ฉีมีภูมิหลังที่ดีไม่ใช่น้อย

ไม่นานนัก แท็กซี่ก็จอดอยู่นอกพื้นที่วิลล่าแห่งหนึ่ง

ที่ดินของเซียงซานบริเวณนี้มีมูลค่ามาก คนที่สามารถอาศัยอยู่ในวิลล่าแถวนี้ได้นั้นต้องเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยและสูงส่ง อย่างน้อยก้ต้องมูลค่าทรัพย์สินไม่ต่ำกว่าพันล้านหยวน

“พ่อฉันชื่อสวี่ฉางเกอ ส่วนแม่ฉันชื่อจ้าวซินหลาน ฉันจะบอกว่านายเป็นแฟนฉัน ได้โปรดให้ความร่วมมือด้วย ช่วงนี้นายก็อยู่ที่บ้านของฉันไปก่อน ถ้าเหลียงเซียวหายโกรธแล้วนายค่อยออกไปได้”สวี่อี้หรูพูดกับฉีเติ่งเสียน

ฉีเติ่งเสียนตอบรับปากอย่างไม่เป็นทางการ เพราะเขาเองก็เพิ่งใช้สวี่อี้หรูเพื่อกําจัดความสนใจของหน่วยงานรักษาความปลอดภัยท้องถิ่น

หลังจากที่ทั้งสองลงจากรถ พวกเขาก็ตรงไปที่วิลล่าของตระกูลสวี่

เมื่อสายลับเห็นสิ่งนี้ พวกเขาหูฟังบูลทูธและพูดว่า: “ทั้งสองกำลังเข้าไปที่วิลล่าตระกูลสวี่ ผู้หญิงคนนั้นคือสวี่อี้หรูลูกสาวของตระกูลสวี่ ตรงนี้ไม่มีความผิดปกติอะไร”

หลังจากที่จ้าวซินหลานมองไปยังฉีเติ่งเสียน ร่องรอยของความรังเกียจก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอและพูดว่า : “เสี่ยวลี่มาที่บ้านเป็นครั้งแรก พวกเรายินดีต้อนรับนายมาก แต่ไม่ทราบว่านายเอาของขวัญดีๆ มาให้เราหรือเปล่า?”

ฉีเติ่งเสียนเปิดกระเป๋าเดินทางและพูดว่า: “โอ้ มีครับ…... นี่คือชาผู่เอ๋อร์ที่ผมติดมาเล็กๆน้อย”

เฉินหยูหยิบชาผู่เอ๋อร์มาให้เขาที่ได้มาจากตอนที่ไปค้นบ้านและยึดทรัพย์ของเอนท์กรุ๊ป ว่ากันว่าเป็นของสะสมของโจวกวางหรงซึ่งเป็นชาผู่เอ๋อร์เก่าแก่ที่มีค่ามาก

หลังจากที่จ้าวซินหลานเห็นชาผู่เอ๋อร์สีดํา รอยยิ้มปลอมๆบนใบหน้าของเธอก็แข็งทื่อ แต่เธอยังคงระงับความโกรธและพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ฮ่าฮ่า...โอเค เสี่ยวจาง เอาไปทำไข่ต้มใบชา!”

ป้าจางไม่กล้าพูดอะไรมาก หลังจากรีบหยิบชาผู่เอ๋อร์ในมือของจ้าวซินหลานแล้วเธอก็เข้าไปในครัว

ฉีเติ่งเสียนตกตะลึงแต่ในใจนั้นโกรธมาก นี่มันคือการดูถูกกันไม่ใช่เหรอ? เอาชาผู่เอ๋อร์ที่มูลค่ามากกว่าสองสามล้านไปทําไข่ต้มใบชา? ถ้าบ้านร่ำรวยผลิตเงินเองก็คงจะไม่เป็นไรหรอก!

สวี่อี้หรูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอาย เธอไม่คิดว่าแม่ของเธอจะเกินไปแบบนี้

“ฮ่า.…..เข้าไปนั่งพักในห้องก่อนสิ!” สวี่อี้หรูรีบดึงแขนต้องฉีเติ่งเสียนเข้าไปข้างใน เพื่อไม่ให้เขาเสียหน้าไปมากกว่านี้

สวี่ฉางเกอดูนิ่งสงบ เห็นว่าฉีเติ่งเสียนดูเหมือนจะไม่มีความไม่พอใจปรากฏบนใบหน้า เขาจึงอดคิดไม่ได้ว่าชายหนุ่มคนนนี้น่าจะมีความอดทนสูง จึงค่อยๆดูไปก่อน

สวี่อี้หรูพูดกระซิบว่า: “ฉันขอโทษ ชาผู่เอ๋อร์ของนายราคาเท่าไหร่ เดี๋ยวฉันจะชดเชยให้นายเอง”

“ก็ประมาณสามล้านหยวนได้” ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยรอยยิ้ม

“สามล้านหยวน? นายล้อกันเล่นใช่ไหม! นายคงไม่ได้พูดขู่กรรมโชกทรัพย์กันใช่ไหม?” สวี่อี้หรูจ้องมองตาถลึงแล้วพูด

เธอคิดในใจ ฉีเติ่งเสียนนั่งเครื่องบินชั้นธรรมดาจะมีชาผู่เอ๋อร์มูลค่ามากกว่าสามล้านหยวนได้อย่างไร?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง