มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 889

"คุณเป็นหมอหรือเปล่า?"

พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเร่งรีบเมื่อเห็นฉีเติ่งเสียนรออยู่ที่ด้านนอกห้องโดยสารเฟิร์สคลาส

“ ก็มีความสามารถนิดหน่อย”

ฉีเติ่งเสียนยิ้มและพูดออกมา

พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินไม่ได้พูดอะไรมาก และพาเขาเข้าไปในห้องโดยสารเฟิร์สคลาสแล้วพูดว่า "ผู้โดยสารคนนี้เริ่มชักกระตุก ไม่นานตัวเขาก็เเข็งไปเลย..."

ในห้องโดยสารเฟิร์สคลาสมีผู้โดยสารแปดคน ก่อนหน้านี้ ฉีเติ่งเสียนต้องการซื้อตั๋วเฟิร์สคลาส แต่เขาช้าเกินไป เลยได้ที่นั่งบิซิเนสแทน

ทันทีที่เขาเข้าไป เขาเห็นผู้โดยสารวัยกลางคนๆหนึ่ง ร่างกายของเขากระตุกอย่างต่อเนื่องราวกับถูกไฟฟ้าช็อต ดวงตาของเขากลอกกลับจนแทบจะเหลือเพียงตาขาว กล้ามเนื้อทั่วร่างกายแข็งทื่ออย่างกับหิน

ผู้โดยสารอีกเจ็ดคนที่เหลือในห้องโดยสารเฟิร์สคลาสต่างตกใจจนหน้าซีดเซียว หนึ่งในนั้นมีสาวสวยแต่งตัวทันสมัย เธอดูโดดเด่นกว่าใคร ท่าทางเธออย่างเข้ามาช่วย แต่เธอไม่กล้า

ฉีเติ่งเสียนจับคอเสื้อของผู้โดยสารคนนี้ขึ้น พยุงตัวเขาออกจากที่นั่ง วางตัวเขาราบลงบนพื้น จากนั้นเขาก็กันไม่ให้คนอื่นเข้ามามุงดู เพื่อถ่ายเทอากาศให้ไหลเวียน

“นี่คือโรคลมบ้าหมู และมันรุนแรงมาก” ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างสบายๆ “แต่ไม่ต้องกังวล ถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้อง เขาจะไม่เป็นอันตรายใดๆ”

ฉีเติ่งเสียนเห็นว่าผู้โดยสารคนนี้กำลังจะน้ำลายฟูมปาก เขาจึงรีบพลิกตัวให้นอนคว่ำทันที แล้วหันศีรษะไปด้านข้างเพื่อให้ลำคอ หลอดลม ปากและจมูกอยู่ในเเนวเส้นตรง ด้วยวิธีนี้ ถึงแม้จะมีการอาเจียนออกมา ก็จะไม่ปิดกั้นทางเดินหายใจ

จากนั้น ฉีเติ่งเสียนก็เอื้อมมือไปบีบแก้มของผู้โดยสารคนนี้เพื่อเปิดปากป้องกันไม่ให้เขากัดลิ้นตัวเอง

หากเป็นคนธรรมดาก็คงต้องใช้เครื่องมือช่วยดันลิ้นอย่างแน่นอน แต่มือของฉีเติ่งเสียนนั้นแข็งแรงมาก

หลังจากนั้น เขาขอให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินนำถังออกซิเจนมาเพื่อให้ออกซิเจนแก่เขา จากนันเขากดนิ้วชี้ของอีกฝ่ายด้วยนิ้วชี้ของตนเอง

การรักษาของฉีเติ่งเสียนไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่อุกอาจและเกินจริง เช่น การฝังเข็มด้วยเข็มเงิน มันเป็นเพียงการกระทำที่เกินเหตุเกินผล เมื่อเห็นว่าอาการกระตุกของเขาค่อยๆทุเลาลง เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและขอให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินค้นกระเป๋าเดินทางของเขา และพบเข้ากับยารักษาลมบ้าหมู

หลังจากให้ยาแก่ผู้โดยสารคนนี้ทีละน้อย เขาก็ค่อยๆ ฟื้นคืนสติมาได้

“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ หลังจากเครื่องลงจอดแล้ว อย่าลืมพาเขาไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูอีกที” ฉีเติ่งเสียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก

"ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ!" พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินต่างโค้งตัวคำนับเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณต่อฉีเติ่งเสียน

"ไม่เป็นไร หากมีนักศึกษาแพทย์อยู่ด้วย ก็ลุกมาช่วยดูอาการเขาบ้างนะ" ฉีเติ่งเสียนโบกมือและพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ

ผู้โดยสารให้ห้องโดยสารเฟิร์สคลาสคนหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา แต่ละคนมองไปที่ฉีเติ่งเสียนด้วยความชื่นชม

ฉีเติ่งเสียนคิดในใจกับตัวเอง: "ถือว่าโชคดีที่พ่อเป็นนักโทษ ในคุกไม่มีหมอ หากเกิดอะไรขึ้นเพียงเล็กๆน้อยๆ เขาจะไม่สั่งยาและให้จัดการกันเอง เขาจึงได้เรียนรู้มาบ้าง..."

ฉีเติ่งเสียนเดินตรงกลับไปที่ห้องโดยสารบิซิเนสของเขาและตรงไปนั่งที่นั่งของตัวเอง หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกจนกระทั่งเครื่องบินลงจอดที่สนามบินเซียงซานอย่างสวัสดิภาพ

“การช่วยชีวิตคนหนึ่งคน ย่อมดีกว่าการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น เอาล่ะ...ฉันพึ่งฆ่าคนไป และการช่วยคนก็ถือว่าเป็นการชดเชยละกัน” ฉีเติ่งเสียนคิดแง่ดีอยู่ภายในใจ

หากซ่างกวนชังไห่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เขาคงจะยกนิ้วกลางให้เพื่อแสดงความดูหมิ่นเป็นแน่

ในขณะที่เขาเดินออกไปข้างนอก จู่ๆ ฉีเติ่งเสียนก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากระทบพื้นด้วยรองเท้าส้นสูงเดินตามมาอย่างรวดเร็ว ตามด้วยเสียงลากกระเป๋าเดินทาง

จากนั้นแขนของเขาก็ถูกกอดเอาไว้

“นี่ ที่รัก ฉันบอกให้คุณเดินรอฉันหน่อยไม่ใช่หรือยังไงคะ ทำไมถึงไม่รอเล่า!” ผู้หญิงที่กอดแขนของเขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าและท่าทางออดอ้อน

ฉีเติ่งเสียนถึงกับตกตะลึง เขามองสำรวจอย่างระมัดระวัง ผู้หญิงคนนี้ใช่คนที่อยู่ที่ห้องโดยสารเฟิร์สคลาสหรือเปล่านะ! ทำไมถึงมาเรียกฉันว่าที่รักกัน?

ผู้หญิงคนนี้สูงประมาณ 165 เซนติเมตร เธอสวมรองเท้าส้นสูงจึงทำให้เธอดูสูงมาก เธอแต่งกายด้วยสีขาวดำคลาสสิก ด้วยรูปลักษณ์ที่งดงามของเธอ หากบอกว่าเป็นดาราก็คงไม่เกินจริง

ฉีเติ่งเสียนอดคิดไม่ได้ว่าหรือจริงๆแล้ว ผู้หญิงตรงหน้านี้เป็นนางฟ้า ความงามของเธอกำลังล่อลวงเขา ทันใดนั้นเองก็มีชายคนหนึ่งเดินมาขวางทางเขาไว้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง