“นายท่านครับ เครื่องบินส่วนตัวได้ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว คุณสวี คุณสามารถขึ้นเครื่องบินได้ตลอดเวลา”
ในเวลานี้ผู้จัดการเหลยก็กลับมาและได้จัดเตรียมเครื่องบินส่วนตัวของตระกูลเหลยไว้เรียบร้อยแล้ว
สวีเอ้าเสวี่ยพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ขอบคุณมาก!”
เหลยเทียนซื่อกล่าวว่า : “คุณสวีไม่ต้องเกรงใจ ถ้าครั้งนี้คุณไม่เชิญปรมาจารย์อู๋มาหาเราในครั้งนี้ พวกเราก็คงไม่รู้ว่าจะเดินไปผิดทางอีกนานแค่ไหน”
สวีเอ้าเสวี่ยมองไปที่เวลาและพูดว่า : “ฉันต้องรีบกลับหนานหยางแล้ว ฉันไปก่อนนะ!”
ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “เดี๋ยวฉันไปส่งเธอขึ้นเครื่องบิน”
สวีเอ้าเสวี่ยมองเขาด้วยความโกรธและรู้สึกไม่อยากจะอยู่ใกล้กับขยะอย่างเขาแม้แต่วินาทีเดียว!
“ฉันคิดว่าตระกูลเหลยให้ความสําคัญกับนายมาก แต่ฉันก็ไม่คิดว่านายจะมีความสำคัญขนาดที่ทำให้เหลยเทียนซื่อออกมารับหน้าด้วยตัวเองแบบนี้”สวีเอ้าเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“นี่คือข้อดีของความจริงใจ ดูเธอสิ เธอเอาจริงเอาจังกับผลประโยชน์มากเลยทำให้ขาดเพื่อนอย่างตระกูลเหลยไป”ฉีเติ่งเสียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แม่นายสิ! นายเนี่ยนะจริงใจ? ถ้านายจริงใจวันนั้นนายคงไม่หลอกเอาเงินหรอก”หลังจากฟังคําพูดของฉีเติ่งเสียนแล้ว สวีเอ้าเสวี่ยก็หัวเราะเยาะเย้ย
หลังจากที่สวีเอ้าเสวี่ยพูดแบบนี้ เธอก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นเล็กน้อย คำสบถหยาบคายที่เธอพูดกับฉีเติ่งเสียนนั้นมันเหมือนกับรวบรวมเก็บเอาไว้มา 20 กว่าปี!
ฉีเติ่งเสียนรู้สึกไม่พอใจและพูดว่า: “นั่นเรียกว่าการหลอกเอาเงินเหรอ? เห็นได้ชัดว่ามันคือไอคิว!”
“นายมันไม่มีศีลธรรม ขี้โกงแล้วยังกล้าพูดให้มันดูดีอีก” แววตาของสวีเอ้าเสวี่ยเต็มไปด้วยการดูถูก
ขณะที่เธอกําลังพูด เธอก็เดินมาถึงเครื่องบินส่วนตัวที่ตระกูลเหลยได้จัดเตรียมเอาไว้ให้แล้ว
สวีเอ้าเสวี่ยพูดว่า : “ขอแสดงความยินดีด้วยนะ นายจะกลายเป็นผู้ก่อการร้ายภายในสามวัน ตอนนั้นฉันจะคอยดูว่าหนูข้างถนนอย่างนายจะหนีไปไหนได้!”
ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างใจเย็นว่า : “ถึงเวลานั้นก็อย่าลืมดูข่าว แล้วอย่าได้ละสายตาล่ะ”
สวีเอ้าเสวี่ยกล่าวว่า : “ฉันจะตั้งหน้าตั้งตารอดู!”
หลังจากพูดจบ เธอก็พร้อมที่จะขึ้นเครื่องบินและออกเดินทางโดยตรง
แต่ฉีเติ่งเสียนกลับยื่นมือออกมาและพูดว่า : “เฮ้ มันไม่ดูไร้เยื่อใยเกินไปหน่อยเหรอ? ถึงเวลาจากกัน ไม่อยากจะกอดกันสักหน่อยเหรอ?”
สวีเอ้าเสวี่ยหันกลับมาอย่างก้าวร้าว พร้อมกับยื่นมือออกมาเพื่อจะตบไปที่หน้าเขา
ฉีเติ่งเสียนยกมือซ้ายขึ้น พร้อมกับคว้าข้อมือของเธอได้ แล้วจับเธอเอาไว้ในอ้อมแขนของเขา
“หยิ่งมากนักเหรอ? ต้องให้ใช้มันด้วยวิธีนี้ใช่ไหม?”ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างเรียบเฉย
“ไม่ช้าก็เร็ว ฉันจะทุบหน้าหนาๆของนายออกมา!”สวีเอ้าเสวี่ยพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชา
เธอรู้ว่าถ้าเธอโบกมือออกไปตบอีกครั้ง เธอก็ไม่สามารถตบหน้าฉีเติ่งเสียนได้อย่างแน่นอน และเธอก็รู้ด้วยว่าฉีเติ่งเสียนจะมีวิธีรับมือกลับอย่างไร
ฉีเติ่งเสียนปล่อยสวีเอ้าเสวี่ยและพูดว่า : “แล้วเจอกัน ครั้งหน้าคงได้เจอกันที่หนานหยางนะ!”
สวีเอ้าเสวี่ยกลอกตามองบนและพูดว่า: “ถ้านายมาฉันจะได้จัดเตรียมปืนลูกซองไว้!”
ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างภาคภูมิใจว่า : “ฉันไม่กลัว เพราะฉันมีปืนใหญ่อิตาลี!”
ดวงตาของสวีเอ้าเสวี่ยสั่นสะท้าน เธอหันกลับไปขึ้นเครื่องบินแล้วจากไป
ฉีเติ่งเสียนยืนโบกมือ แม้ว่าครั้งนี้เขาจะไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับสวีเอ้าเสวี่ยในเซียงซานมากนัก แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆมากมาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...