มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 97

สวีเอ้าเสวี่ยโมโหกับคำพูดของฉีเติ่งเสียน เพราะเธอรู้สึกว่าไอ้เด็กหนุ่มคนนี้กวนตีนมาก ชนะแล้วยังมาพูดเสียดสีกันอีก!

สีหน้าของหวังหู่ก็ดูไม่ได้เช่นกัน เขาคิดว่าเขาจะสามารถใช้โอกาสนี้โจมตีเซี่ยงตงฉิงได้ แต่ฉีเติ่งเสียนกลับทำแผนล้มเหลวไปหมด

“ฉีเติ่งเสียน นายอย่าคิดว่าที่นายโชคดีเอาชนะเย่จีสงไปได้แค่ครั้งเดียวแล้วจะมาอวดดีแบบนี้ได้นะ! นายควรรู้ไว้คนที่มีอำนาจและเก่งกว่าก็คือฉันเอง” สวีเอ้าเสวี่ยพูดอย่างเย็นชา

เซี่ยงตงฉิงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า: “ฉันหวังว่าคุณสวีและคุณหวังจะยอมรับการแพ้ครั้งนี้ และทำตามที่สัญญากันไว้ด้วยนะคะ”

สวีเอ้าเสวี่ยพยักหน้าอย่างเย็นชาก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป

หวงฉีปินแอบตกใจอยู่ไม่น้อย ความสามารถของปรมาจารย์ฉีนั้นร้ายกาจมาก เขาสามารถเอาชนะเทพเจ้าแห่งการพนันอย่างเย่จีสงไปได้ท่ามกลางวงไพ่แบบนี้เลย!

“ในตอนแรก ฉันมีตาหามีแววไม่ เกือบจะไปทําให้คนมีความสามารถคนนี้ขุ่นเคืองเข้าให้แล้ว” หวงฉีปินอดไม่ได้ที่จะคิด

ฉีเติ่งเสียนค่อยๆยืนขึ้นอย่างเกียจคร้าน และเดินออกจากคาสิโนไปเพื่อหาของกินมาใส่ท้องสักหน่อย

“เมิ่งเมิ่ง เป็นอย่างไงบ้าง อย่างที่ฉันเคยบอกเธอแล้วไงว่าคุณฉีมีบางอย่างที่ไม่เหมือนกับคนทั่วไป” หลี่อวิ๋นหว่านพูดอย่างภาคภูมิใจกับเฉียวชิวเมิ่ง

“ก็แค่ดวงดีก็เท่านั้น” เฉียวชิวเมิ่งพูด

หลี่อวิ๋นหว่านไม่ใส่ใจเธอส่ายหัวและยิ้มหัวเราะ แล้วเดินตามฉีเติ่งเสียนออกไป

“คุณฉี นี่มือโปรขั้นเทพเลยนะเนี่ย! สอนฉันเล่นไพ่หน่อยได้ไหม ฉันจะได้ไปเล่นที่เมืองจิงเต่าจะได้ไม่ต้องทำงานแล้ว” หลี่อวิ๋นหว่านพูดอย่างขำขัน

“สอนแล้วคุณก็ไม่เข้าใจ ช่างมันเถอะ” ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยเสียงหัวเราะ ก่อนจะหยิบของกินเข้าปาก

“กินกินกิน กินให้ตายไปเลย” หลี่อวิ๋นหว่านเหลือบตามองบน พร้อมกับหยิบเค้กช็อกโกแลตขึ้นมายัดใส่ปากของเขา

เค้กทั้งชิ้นถูกยัดเข้าปากของฉีเติ่งเสียนโดยตรง หลี่อวิ๋นหว่านก็ยังเอาครีมที่เลอะอยู่ที่นิ้วละเลงไปที่ริมฝีปากของเขาอีกด้วย

เมื่อเฉียวชิวเมิ่งได้เห็นฉากนั้น เธอก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก

“ฉันจะไปหึงเขาได้อย่างไง?” เฉียวชิวเมิ่งกัดฟันแน่น

ในเวลานั้นเอง หวงเหวินหลั่งก็ปรากฏตัวขึ้น เมื่อทุกคนได้เห็นเขาต่างก็เดินเข้าไปทักทายอย่างกระตือรือร้น

หวงเหวินหลั่งยิ้มหัวเราะและพูดว่า: “ขอขอบคุณทุกการสนับสนุนของทุกท่าน ในค่ำคืนนี้ผมจัดงานเพื่อลูกสาวคนเล็กของผม! และตอนนี้ขอเชิญพบกับเจ้าหญิงตัวน้อยของผมได้แล้ว!”

คนที่ดูแลสถานที่นั้นก็เก่งมาก หมุนไฟให้ไปตกที่ทางเดินตรงประตูท่าเรือ

เมื่อประตูเปิดออก ก็พบกับร่างสูงสวยสง่างามอยู่ด้านใน สวมรองเท้าส้นสูงคริสตัลและชุดราตรีผ้าชีฟองสีชมพูครึ่งตัว ซึ่งดูเซ็กซี่มาก

“นี่ใช่หวงชิงเกอเหรอ?!”

เมื่อฉีเติ่งเสียนได้เห็นก็จ้องมองอย่างตกตะลึง

ทรงผมของหวงฉิงเกอถูกตัดให้สั้นลง เมื่อก่อนตอนที่เจอเธอนั้น เส้นผมเสียแห้งแตกปลายพันกันอย่างยุ่งเหยิงเพราะขาดการบำรุง แต่ตอนนี้ได้ตัดตรงส่วนนั้นออกไปแล้ว เผยให้เห็นความรู้สึกที่กระฉับกระเฉงมาก

อารมณ์และรูปลักษณ์ของเธอดูเหมือนจะได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ เธอดูสง่างามมากขึ้นซึ่งทําให้ผู้คนรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิงจริงๆ เธอคู่ควรกับการเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งในเมือง

“คุณหนูหวง สุขสันต์วันเกิด!”

หลังจากที่หวงฉิงเกอปรากฏตัว เหล่าบรรดาแขกก็รีบเอาของขวัญที่ตัวเองเตรียมมาไปมอบให้กับเธอ

ถึงมูลค่าของของขวัญเหล่านี้อาจจะไม่แพงมาก แต่เป็นของหายากและแปลกใหม่ เพราะของขวัญที่มอบให้กับลูกสาวของนายกต้องให้ความสําคัญไม่มากก็น้อย

หลี่อวิ๋นหว่านและเฉียวชิวเมิ่งก็นำของขวัญที่ตัวเองเตรียมมาไปมอบให้เธอ

“ปรมาจารย์ฉี ของขวัญของคุณล่ะ?” หวงฉีปินเห็นฉีเติ่งเสียนที่ยืนอยู่ด้านข้างเฉียวชิวเมิ่ง จึงถามด้วยรอยยิ้มขี้เล่น

“ไม่ได้เตรียมมา” ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างตรงไปตรงมา

หวงฉีปินพูด: “ก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง ผมรู้ดีว่าปรมาจารย์ฉีเป็นเรียบง่ายสบายๆ”

อย่างไรก็ตาม การที่เขาไม่มีของขวัญมามันทําให้บางคนมองอย่างดูถูกและแอบวิพากษ์วิจารณ์

สวมเสื้อผ้าแบบนี้มาร่วมงานวันเกิดก็ว่าถือไม่เป็นไรแล้วนะ ยังไม่เตรียมของขวัญวันเกิดมาให้เจ้าของงานอีก เป็นคนแบบนั้นกัน!

“คงน่าจะจนมาก ถึงไม่มีของขวัญดีๆมาให้”

“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ ไม่รู้จริงๆว่าคุณหนูหวงเชิญคนจนแบบนี้มาร่วมงานวันเกิดได้อย่างไง?”

“ถ้าได้อยู่ร่วมกับคนแบบนี้ ฉันคงรู้สึกอับอายขายหน้าชะมัด”

เมื่อหวงฉิงเกอชำเลืองไปมองก็เห็นฉีเติ่งเสียนสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาๆอยู่ท่ามกลางฝูงชน ใบหน้าของเธอก็ปรากฏรอยยิ้มที่กว้างขึ้น และกำลังเตรียมเดินเข้าไปทักทายเขา

แต่ในเวลานั้นเองก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งถือเค้กก้อนใหญ่ที่มีขนาดสูงกว่าสามเมตรเดินตรงมาหาเธอ

“ฉิงเกอ สุขสันต์วันเกิดนะ!” ชายหนุ่มรูปร่างสง่างามสวมใส่สูทแบรนด์ดัง พูดคุยพร้อมกับยิ้มหัวเราะ

“ขอบคุณค่ะ” เมื่อหวงฉิงเกอได้เห็นเค้กก็ยิ้มตอบรับเบาๆ

แต่ทำให้เหล่าบรรดาแขกที่มาในงานต่างส่งเสียงฮือฮากันอย่างตกใจ

“ว้าว คุณชายหลี่เอาเค้กมาให้ โรแมนติกมากเลย! ถ้ามีใครมาทำให้ฉันแบบนี้ ฉันคงแต่งกับเขาแน่นอน!”

“คุณชายหลี่ใช้ความพยายามอย่างมากในการเตรียมเค้กก้อนนี้เพื่อคุณหนูหวงโดยเฉพาะ แล้วยังเอาเค้กมาให้ด้วยตัวเองอีกด้วย……”

“น่าอิจฉาคุณหนูหวงที่มีคนอย่างคุณชายหลี่ตามจีบจังเลย ถ้าฉันมีคนดีๆมาตามจีบแบบนี้ก็คงจะดี!”

เมื่อหลี่เทียนลั่วได้ยินประโยคหลังก็เผยรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้า เพียงแต่ท่าทางของหวงฉิงเกอกลับทำให้เขารู้สึกค่อยๆหมดหวัง

“ฉิงเกอ เต้นรำด้วยกันหน่อยไหม?” หลี่เทียนลั่วถามพร้อมกับยื่นมือออกไปข้างหน้า

“คุณชายหลี่ ไม่ดีกว่าค่ะ วันนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเลย” หวงฉิงเกอปฏิเสธพร้อมกับส่ายหัว

ในเวลาขณะนั้น ผู้ชายบางคนก็เริ่มชวนผู้หญิงที่มาเป็นแขกเต้นรำด้วยกัน เสียงเพลงบรรเลงคลอไปอย่างช้าๆ บรรยากาศผ่อนคลายสบายๆ

ฉีเติ่งเสียนมองไปที่เฉียวชิวเมิ่ง จากนั้นก็เดินเข้าไปหาและถามขึ้นว่า: “เต้นรำด้วยกันสักเพลงไหม? ผมพอเต้นเป็น”

เฉียวชิวเมิ่งขมวดคิ้ว ก่อนส่ายหน้าแล้วพูดว่า: “ไม่เป็นไร ฉันเต้นไม่เป็น”

แน่นอนว่าเธอเต้นเป็น แต่แค่เธอไม่อยากเต้น

ในเวลานั้นหลี่อวิ๋นหว่านก็เดินเข้ามา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “อย่างนั้นก็ส่งคุณฉีมาให้ฉัน ฉันอยากจะเต้นรำกับคุณฉี!”

แต่ในขณะเดียวกันนั้น หวงฉิงเกอก็เดินเข้ามาและมองไปที่ฉีเติ่งเสียน แล้วพูดว่า: “คุณฉี ครั้งที่แล้วทุกอย่างมันฉุกละหักไปหน่อย ยังไม่ทันได้ขอบคุณคุณอย่างเป็นทางการเลย วันนี้ขอบคุณมากนะคะที่มาร่วมงานวันเกิดของฉัน ได้โปรดเต้นรำกับฉันสักเพลงได้ไหมคะ?”

เมื่อเธอพูดออกมาแบบนั้น ฉีเติ่งเสียนก็แสดงสีที่เรียบเฉยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

หลี่อวิ๋นหว่านรู้สึกอึดอัด ยัยหวงฉิงเกอมาช้ากว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง?

“อ่า เอิ่ม……” ฉีเติ่งเสียนขมวดคิ้วกำลังคิดอยู่

“ฉันคิดว่า คุณเฉียวคงไม่ถือสาอะไรใช่ไหมคะ?” หวงฉิงเกอหันไปถามเฉียวชิวเมิ่งและยิ้ม

“ฉีเติ่งเสียน ในเมื่อคุณหนูหวงชวนนายแล้ว นายก็ไปเต้นกับเธอสักหน่อยสิ” เฉียวชิวเมิ่งพูดช้าๆ แต่ในขณะที่พูดนั้นเธอกลับรู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก

หวงฉิงเกอเลิกคิ้วให้กับฉีเติ่งเสียน แล้วพูดว่า: “คุณได้รับอนุญาตแล้ว ตอนนี้ก็สามารถเต้นรำกับฉันได้แล้วใช่ไหม?!”

เมื่อฉีเติ่งเสียนเห็นเฉียวชิวเมิ่งทำท่าทางไม่สนใจว่าตัวเองจะไปเต้นรำกับผู้หญิงคนอื่น เขาจึงยักไหล่แล้วพูดว่า: “เชิญครับ”

หวงฉิงเกอวางมือบนมือของฉีเติ่งเสียน

หลี่อวิ๋นหว่านรู้สึกไม่พอใจ แต่เธอเป็นเจ้าของงานวันเกิดจึงพูดอะไรไม่ได้

เฉียวชิวเมิ่งคือคนที่มีสิทธิ์จะพูดมากที่สุด แต่เธอกลับเงียบเฉยไม่พูดจา

“ไอ้เวรนี่มันอยากตายหรือไง!” เมื่อหลี่เทียนลั่วได้เห็นฉากนั้น เขาก็มีสีหน้าดำค่ำเครียดขึ้นมาทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง