อันที่จริงแววตาที่พวกเขามองอีกฝ่ายนั้นเป็นแววตาของความเกลียดชัง
ใครถอยก่อนคนนั้นแพ้
ตงหลิงจื่อลั่ว รับไม่ได้ที่ตนนั้นแพ้ให้กับผู้หญิง
ส่วนเฟิ่งชิงเฉินนั้นแพ้ไม่ได้ หากว่านางแพ้สิ่งที่นางจะเสียไปคือชีวิตของตน
สองคนนั้นนิ่งงันอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครยอมใคร.....
เฟิ่งชิงเฉินไม่รีบร้อน นางรู้ว่าสุดท้ายตนจะต้องชนะอย่างแน่ เพราะนางเดิมพันด้วยชีวิตของตน
เป็นไปตามคาด เขามิได้ปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินรอนาน เมื่อตงหลิงจื่อลั่วมั่นใจว่าเฟิ่งชิงเฉินจะไม่ยอมแล้ว เขาจึงกัดฟันยอมแทน
"ตกลง ข้ารับปากว่าในครึ่งปีนี้จะไม่มีใครสร้างปัญหาให้เจ้าเพราะเรื่องนี้ ส่วนปัญหาที่เจ้ามีอยู่แล้ว มันไม่เกี่ยวกับข้า" ชีวิตของเขา มีค่ายิ่งกว่าเฟิ่งชิงเฉิน
ก็แค่ครึ่งปีมิใช่หรือ? ตงหลิงจื่อลั่วอดทนได้
หลังจากครึ่งปีผ่านไป เขาจะขอมันกลับมาอย่างเต็ม
เฟิ่งชิงเฉิน เมื่อไหร่ที่ข้าตงหลิงจื่อลั่วยังอยู่ เจ้าก็อย่าได้คิดจะตั้งหลักในราชวงศ์ตงหลิงนี้
"ขอบพระคุณลั่วอ๋อง" เฟิ่งชิงเฉินกล่าวอย่างไม่จริงใจ และในขณะเดียวกันนางก้าวถอยหลังและมองตงหลิงจื่อลั่วอย่างใจเย็น
นางไม่สนใจว่าตงหลิงจื่อลั่วจะคิดอย่างไร นางขอเอาตัวรอดจากสถานการณ์ตรงหน้าเสียก่อน
ภายใต้การจ้องมองของตงหลิงจื่อลั่ว เฟิ่งชิงเฉินยื่นมือออกไปพร้อมยิ้ม และปรับปกคอเสื้อที่มีรอยยับของตงหลิงจื่อลั่วให้เรียบ
"ลั่วอ๋อง นี่เป็นครั้งแรกที่เราใกล้ชิดกันเช่นนี้ และคงเป็นครั้งสุดท้าย หากว่าพบกันใหม่อีกครั้ง ลั่วอ๋องและเฟิ่งชิงเฉินก็.........."
"ศัตรู!"
"เพี๊ยะ……"
เฟิ่งชิงเฉินพูดสองคำสุดท้ายไม่จบ นางก็ถูกตงหลิงจื่อลั่วตบหน้าจนล้มลงไป
เมื่อองครักษ์ที่อยู่ไม่ไกลเห็นสถานการณ์นี้ พวกเขาก็เร่งก้าวเข้ามาและชี้หอกไปที่เฟิ่งชิงเฉิน เพียงแค่ตงหลิงจื่อลั่วออกคำสั่ง เฟิ่งชิงเฉินก็จะตายอย่างอนาถอยู่ตรงนี้ทันที
เขาตบนางหนักมาก เฟิ่งชิงเฉินนอนอยู่กับพื้นครู่หนึ่งแล้วจึงได้สติ นางพ่นเลือดในปากลงบนพื้น และมีฟันที่หักออกมาอยู่ในกองเลือด...
เฟิ่งชิงเฉินไม่แม้แต่จะพ่นลมหายใจ นางค่อยๆ เงยศีรษะขึ้น ผมยาวของนางปิดใบหน้า และปกปิดความเฉียบแหลมและความโกรธในดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินไปด้วย
เมื่อเผชิญหน้ากับหอกยาวที่เย็นยะเยือก เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้แสดงความกลัวแม้แต่น้อย แต่กลับยิ้มอย่างคลุมเครือ "ที่แท้สุภาพบุรุษเช่นลั่วอ๋อง ก็ลงมือกับผู้หญิงเหมือนกัน"
ขณะพูด นิ้วเรียวยาวค่อยๆ เปิดผมยาวที่ปิดบังใบหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าที่เปื้อนเลือด
แก้มซ้ายของนางเปื้อนเลือด แก้มขวาบวมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนหัวหมูที่เปียกโชกไปด้วยเลือด น่าเกลียดอย่างมาก
แต่เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินเป็นเช่นนี้ กลับไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะนาง ว่านางน่าเกลียด
เพราะดวงตาคู่นั้น...
เย็นชาจนน่ากลัว...
ตงหลิงจื่อลั่วไม่เคยเห็นดวงตาคู่นี้มาก่อน แววตานั้นเหมือนดั่งสัตว์ร้ายที่ได้เห็นทุกสิ่งในโลกและวใกล้ตาย กำลังมองดูศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง และพร้อมที่จะสู้ตาย
"ถอยออกไป" ตงหลิงจื่อลั่วโบกมือสั่งให้องครักษ์ถอยออกไป
เมื่อมองไปที่เฟิ่งชิงเฉิน ความหงุดหงิดในใจของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
นี่เป็นเฟิ่งชิงเฉินคนที่ขี้ขลาดและไร้ความสามารถ เมื่อเจอเขาแล้วเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้จริงๆหรือ?
เขาเริ่มไม่แน่ใจ และมีความรู้สึกเสียดายผุดขึ้นมาในหัวของเขา
ดูเหมือนว่าการแต่งงานกับเฟิ่งชิงเฉินนั้นก็ไม่เลว
แต่เรื่องมันมาไกลถึงขนาดนี้แล้ว เขาไม่สามารถเสียดายได้แล้ว
ตงหลิงจื่อลั่วสูดหายใจเข้าลึกๆ ระงับอารมณ์ที่อธิบายไม่ได้นี้ไว้
"เฟิ่งชิงเฉิน ออกไป อย่าให้ข้าได้เห็นหน้าเจ้าอีก" หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังเดินไปยังห้องบรรทมของฮองเฮา
การจัดการที่เสด็จพ่อมีต่อเฟิ่งชิงเฉิน เขาได้ให้ขันทีคนสนิทไปแจ้งเสด็จแม่แล้ว คิดว่าเสด็จแม่คงไม่เข้ามายุ่งแล้ว
หลังจากที่ตงหลิงจื่อลั่วเดินจากไป เฟิ่งชิงเฉินก็ลุกขึ้นช้าๆ มองดูองครักษ์ที่กลัวนางราวกับกลัวหมาป่า นางจึงยิ้มอย่างเย็นชา
ตงหลิงจื่อลั่วไม่เป็นกระไรเลย แต่นางได้รับบาดเจ็บทั่วร่างกาย คนที่พวกเขาควรกลัวคือเขามิใช่ตนเอง........
อย่างไรก็ตาม ปล่อยเรื่องเหล่านี้ไปเถิด สามารถออกไปจากพระราชวังนี้ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น คือว่าดีอย่างมากแล้ว
ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน เฟิ่งชิงเฉินหันกลับไปอย่างเฉยเมย ผ้าสีแดงเปื้อนเลือดและติดอยู่ที่ร่างกายของนาง นางยืนอยู่บนหินอ่อนสีขาวซึ่งดูงดงามและสะดุดตายิ่งนัก แม้แต่ดอกไม้สีแดงที่เบ่งบานทั้งสองข้างทางก็มิอาจเทียบได้
นางกำนัลและขันทีองครักษ์มองดูเฟิ่งชิงเฉินในสภาพนี้ ไม่รู้เพราะกระไรแต่ไม่มีใครกล้าเยาะเย้ยนาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ