นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร นิยาย บท 20

มู่หรงจิ่นพยักหน้าพร้อมยิ้มกว้าง เมื่อเสี่ยวหลิงส่งผ้าเช็ดหน้าให้นาง มู่หรงจิ่นก็เขียนคำพูดทที่มู่หรงเหยาแนะนำก่อนหน้านี้ลงไป

“พี่หญิงใหญ่ พวกเรามาพูดคุยกับท่านนานพอแล้ว เช่นนั้นพวกเราไม่รบกวนท่านแล้ว ! ข้ากำลังจะไปหาพ่อบ้าน อย่างไรก็ตามท่านจะให้ข้าช่วยนำผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ให้เขาไปส่งที่จวนของท่านอ๋องเยี่ยนด้วยหรือไม่ ?”

มู่หรงเหยายืนขึ้นอย่างสุภาพพร้อมคลี่ยิ้มอย่างมีเลศนัย แต่ในความคิดของมู่หรงจิ่นแล้วรอยยิ้มของนางน่าเกลียดยิ่งกว่าการร้องไห้เสียอีก !

“เช่นนั้นรบกวนน้องหญิงรองแล้ว !”

มู่หรงจิ่นมอบผ้าเช็ดหน้าในมือให้มู่หรงเหยาพร้อมมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขอบคุณเล็กน้อย มู่หรงเหยาไม่สงสัยในตัวอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ดังนั้นนางจึงยื่นมือออกไปรับผ้าเช็ดหน้า

“พวกเราทุกคนล้วนเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นจึงการช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาจึงไม่ใช่เรื่องยาก แม้ในอดีตพวกเราจะมีความเข้าใจผิดกันอยู่บ้าง แต่ตอนนี้พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นจึงต้องช่วยเหลือกันและกัน !”

มู่หรงเหยาก้มมองผ้าเช็ดหน้าในมือ จากนั้นปิดปากและเผยสีหน้าเย้ยหยัน ขณะแสดงท่าทีราวกับว่าอีกฝ่ายโง่งมอย่างมาก !

“ข้าเห็นด้วยกับน้องหญิงรอง !”

มู่หรงจิ่นจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้มู่หรงเหยากำลังคิดอะไรอยู่ อีกฝ่ายคงอยากจะแล่เนื้อนางออกเป็นชิ้น ๆ แทบแย่แล้วใช่หรือไม่ ?

ครอบครัวเดียวกัน ?

สาเหตุที่นางต้องมาปรากฏตัวที่นี่ก็คือ ‘ตนเอง’ เคยถูกมู่หรงเหยาฆ่าตายไปแล้วครั้งหนึ่ง จากนั้นอีกฝ่ายก็ใส่ร้ายว่านางคบหากับชายอื่นจน ‘ตนเอง’ วิ่งเข้าไปในห้องเพื่อปกป้องความบริสุทธิ์ ทำให้ตอนนี้นางต้องกลายเป็นมู่หรงจิ่น !

เป็นเพราะหลิวเหม่ยน่าที่ส่งยาที่ไม่อาจรักษาบาดแผลมาให้มู่หรงจิ่น และคืนที่ผ่านมาพวกนางยังต้องการสังหารมู่หรงจิ่นที่งานเทศกาลโคมไฟอีกด้วย !

นี่คือวิธีที่มู่หรงเหยาปฏิบัติต่อคนในครอบครัวของนาง !”

“เช่นนั้น ข้าและน้องหญิงซินต้องขอตัวกลับก่อน !”

ขณะที่มู่หรงเหยากำลังจะเดินจากไปพร้อมผ้าเช็ดหน้าในมือ แต่แล้วนางก็ต้องหันหลังกลับไปด้วยความประหลาดใจที่เห็นโจวเฉวียนปรากฏตัวที่เรือนจิ่นยู่

เหตุใดโจวเฉวียนถึงมาที่เรือนจิ่นยู ? มู่หรงเหยาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนยืนนิ่ง

“ข้าน้อยทำความเคารพคุณหนูใหญ่ คุณหนูรอง และคุณหนูซินขอรับ !”

หลังจากที่โจวเฉวียนแสดงความเคารพ เขาก็ส่งสัญญาณให้บ่าวรับใช้นำผ้าสองผืนไปวางไว้ข้างหน้า

“ลุงโจว นี่คือ...”

มู่หรงเหยามองไปที่ชายชราด้วยสายตาไม่เชื่อ

ผ้าสองผืนนี้คือผ้าสีแดงเข้มและสีแดงอ่อนที่ฮ่องเต้ประทานแก่มู่หรงเซิ่งในปีนี้ ซึ่งของกำนัลเช่นนี้มีเพียงสิบชิ้นเท่านั้น นอกจากฮองเฮา พระสนม และเหล่าองค์หญิงที่อาศัยอยู่ในวังหลวงแล้ว ก็มีมู่หรงเซิ่งในราชสำนักที่ได้รับพระราชทาน !

มู่หรงเหยาพยายามบอกใบ้เกี่ยวกับเรื่องผ้าไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยมอบให้นางเลย ไม่คาดคิดว่าผ้าที่มู่หรงเซิ่งพูดถึงเมื่อคืนจะเป็นผ้าสองผืนนี้ !

“นี่คือผ้าที่นายท่านกล่าวเมื่อคืนนี้ว่าจะมอบมันให้คุณหนูใหญ่ไปเป็นเสื้อผ้า คุณหนูใหญ่กรุณารับมันไปเถิดขอรับ !”

โจวเฉวียนอธิบายเจตจำนงอย่างนอบน้อม

ดูเหมือนว่าการแสดงของมู่หรงจิ่นเมื่อคืนนี้จะสร้างความคิดที่แตกต่างให้กับมู่หรงเซิ่ง ในฐานะผู้ติดตามของมู่หรงเซิ่งแล้ว โจวเฉวียนรู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ได้ปฏิบัติต่อมู่หรงจิ่นอย่างไม่ใส่ใจเหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไป

“ขอบใจลุงโจวมาก ท่านช่วยไปบอกท่านพ่อแทนข้าได้หรือไม่ว่าขอบคุณยิ่งนักที่เป็นห่วงข้า !”

มู่หรงจิ่นมองด้วยหางตาและเห็นว่าตอนนี้มู่หรงเหยาขยำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว ขณะจ้องมองโจวเฉวียนด้วยสีหน้าไม่เชื่อ

“ขอรับ เช่นนั้นบ่าวขอตัวกลับก่อน !”

เมื่อเดินผ่านมู่หรงเหยา เขาก็ก้มศีรษะทำความเคารพนางก่อนเดินออกจากลานเรือนจิ่นยู่พร้อมบ่าวรับใช้

มู่หรงเหยามองโจวเฉวียนที่ปฏิบัติต่อตนด้วยความสุภาพ ทันใดนั้นนางก็จำได้ว่าเมื่อคืนนี้มู่หรงเซิ่งกล่าวกับตนเองว่า ‘คิดถึงอดีต’ เมื่อเป็นเช่นนั้น นางจึงกระทืบเท้าอย่างไม่สบอารมณ์ !

ไหนเลยนางจะรู้สึกถูกทอดทิ้งเช่นนี้มาก่อน ? ทุกอย่างเป็นเพราะนังสารเลวมู่หรงจิ่นคนเดียว !

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มู่หรงเหยาก็ไม่สนใจเรื่องผ้าเช็ดหน้าอีกต่อไป นางจ้องมองมู่หรงจิ่นอยู่ชั่วครู่ก่อนหันหลังแล้วเดินจากไป

“นี่ ! พี่หญิงเหยา รอข้าด้วยสิ...”

เมื่อมู่หรงซินเห็นว่ามู่หรงเหยาเดินออกไปด้วยความโมโห นางก็ไม่อยากถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังกับสัตว์ประหลาดอัปลักษณ์อย่างมู่หรงจิ่น ดังนั้นมู่หรงซินจึงเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

“คุณหนูใหญ่ คุณหนูรองนาง...”

แม่นมหลี่ต้องการเตือนให้มู่หรงจิ่นระวังมู่หรงเหยาและมู่หรงซิน แต่มู่หรงจิ่นหยุดนางเอาไว้ก่อน

“แม่นมหลี่ ข้ารู้ว่าท่านต้องการจะพูดอะไร ไม่ต้องห่วงหรอก... ข้าจัดการได้ !”

มู่หรงจิ่นมองเห็นความกังวลในสายตาของแม่นมหลี่ ฉับพลันกระแสความอบอุ่นพลันปกคลุมหัวใจของนาง แม้ตอนนี้จะยังไม่แข็งแกร่งพอ แต่นางจะต้องปกป้องผู้ที่ทำดีกับตนอย่างสุดความสามารถแน่นอน !

มู่หรงจิ่นมองกระดาษและพู่กันที่วางอยู่บนโต๊ะ จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี้และใช้มือซ้ายหยิบพู่กันขึ้นมา

“แม่นมหลี่รับใบสั่งยาสองใบนี้ไปแล้วไปซื้อยาให้ข้าด้วย อันแรกสำหรับเสี่ยวหลิงและอันที่สองสำหรับตัวข้าเอง ในตอนที่ท่านเดินทางกลับมา ก็แวะส่งจดหมายฉบับนี้ให้เถ้าแก่อู่แห่ง ‘ชิงเฟิงสวีไหล’ ด้วยล่ะ”

มู่หรงจิ่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แม้นางจะมั่นใจว่าตนรู้ทันและสามารถรับมืออีกฝ่ายได้ แต่นั่นไม่ใช่การแก้ปัญหาในระยะยาว ดังนั้นนางจึงจำเป็นต้องเตรียมการบางอย่างไว้เสียก่อน

“เจ้าค่ะ !”

แม่นมหลี่ยื่นมือออกไปรับใบสั่งยาและจดหมาย นางไม่นึกสงสัยในตัวเจ้านายเลย เพราะตอนนี้มู่หรงจิ่นไม่ใช่มู่หรงจิ่นผู้ขี้ขลาดและอ่อนแออีกต่อไป !

นางไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่มู่หรงจิ่นมีความคิดเป็นของตนเอง อย่างไรก็ตามอีกความคิดหนึ่ง แม่นมหลี่คิดว่ามู่หรงจิ่นผ่านเหตุการณ์มามากมาย ซึ่งตลอดสิบหกปีที่ผ่านมา นางต้องต่อสู้เพียงลำพังและผ่านความสูญเสียมานับไม่ถ้วน ! หากยังคงปล่อยให้ผู้อื่นรังแกอยู่เป็นนิจ นางก็คงอายุสั้นเป็นแน่ !

“แล้วก็อย่าลืมซื้อเสื้อผ้าบุรุษสองชุดก่อนกลับมาล่ะ !”

มู่หรงจิ่นนึกบางอย่างขึ้นได้จึงออกคำสั่งแก่แม่นมหลี่

“เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้ !”

แม่นมหลี่มองมู่หรงจิ่นที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ ด้วยความรู้สึกโล่งใจอย่างมาก นางระงับความสงสัยในใจและออกจากเรือนจิ่นยู่ทันที

สายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่าน ทำให้ใบไม้ร่วงหล่นบนพื้น

“คุณหนู ตอนนี้ลมเริ่มแรงขึ้นแล้ว พวกเรากลับห้องกันเถิดเจ้าค่ะ !”

เสี่ยหลิงไม่คิดว่ามู่หรงจิ่นจะใส่ใจอาหารบาดเจ็บของตนเช่นนี้ ดวงตาของนางพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที ขณะเดียวกันมู่หรงจิ่นก็มองดูร่างผอมบางของเด็กสาว นางเกรงว่าอาหารบาดเจ็บของอีกฝ่ายจะแย่ลงจนทำให้เป็นไข้ ดังนั้นนางจึงกล่าวว่า

“อืม ลมเริ่มแรงขึ้นแล้ว...”

กลางดึกเงียบสงัด

ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดโชยมา ทำให้ใบไม้แห้งที่อยู่ข้างนอกหน้าต่างส่งเสียงกรอบแกรบ

ในตอนนี้มีเพียงแสงไฟจากตะเกียงน้ำมันที่ส่องสว่างภายในห้อง มู่หรงจิ่นหยิบตะเกียงน้ำมันขึ้นมาแล้วเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง

ตรงหน้านางคือยาและอุปกรณ์ที่แม่นมหลี่ซื้อมาในวันนี้

มู่หรงจิ่นยกมือขึ้นถอดผ้าคลุมที่คลุมหน้านางอยู่ครึ่งหนึ่งออก จากนั้นมองไปที่กระจกทองเหลืองและเห็นรอยแผลเป็นสีดำปรากฏอยู่บนใบหน้าซีกซ้ายของตน

มู่หรงจิ่นมองรอยดำที่สะท้อนอยู่ในกระจกอย่างระมัดระวัง นางหยิบแหนบที่มีรูปร่างคล้ายกับแหนบในยุคปัจจุบันบนโต๊ะเครื่องแป้งขึ้นมาด้วยมือข้างซ้าย จากนั้นหยิบเข็มเงินด้วยมือข้างขวา

นางใช้เข็มเงินในมือข้างขวาแทงเข้าที่เส้นเลือดใกล้รอยแผลเป็นสีดำบบนใบหน้าข้างซ้าย จากนั้นใช้แหนบที่อยู่ในมือซ้ายดึงรอยดำออกมา...

หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นบนหน้าผากของนาง มู่หรงจิ่นกัดฟันแน่นพลางโรงผงยาที่เตรียมไว้บนรอยแผล

ความเจ็บปวดแล่นเข้าไปในเส้นประสาท มู่หรงจิ่นกำมือที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งขณะที่มันสั่นเทาเอย่างเห็นได้ชัด

มู่หรงจิ่นจ้องมองเงาสะท้อนของตนเองในกระจก ตอนนี้รอยแผลเป็นสีดำเปลี่ยนเป็นสีเทาแล้ว

เมื่อสังเกตรอยแผลบนใบหน้าด้านซ้ายอย่างละเอียดแล้ว พิษที่เกิดจากในครรภ์กัดกินใบหน้านางนานเกินไป ทำให้ยากต่อการกำจัดมากกว่าพิษของทารกทั่วไป !

อย่างไรก็ตามสำหรับนางแล้ว มันยังต้องใช้เวลาในการรักษาอีกสักหน่อย

มู่หรงจิ่นเก็บยาและอุปกรณ์ไว้ที่เดิม จากนั้นนางจึงเดินกลับไปนอนที่เตียง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร