หลังจากแม่นมหลี่กล่าวจบ ลู่ผิงก็เดินนำเหล่าสาวรับใช้เข้ามา ซึ่งแต่ละคนถือถาดผ้า เพชรพลอย เครื่องประดับ สิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในการศึกษา และอีกมากมายจนตาลาย
“คุณหนูใหญ่ ฮู... ท่านป้าหลิวสั่งให้บ่าวนำของกำนัลที่ท่านอ๋องเยี่ยนส่งมาเมื่อวานนี้มาให้คุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ”
ลู่ผิงก้มศีรษะลงเล็กน้อย ใบหน้าของนางซีดเซียว รอยยิ้มฝืนใจบนใบหน้านางน่าเกลียดยิ่งกว่าการร้องไห้เสียอีก นอกจากนี้นางยังมีสีหน้าเหยเกอีกด้วย
มู่หรงจิ่นเลิกคิ้วและจ้องมองลู่ผิง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เต็มใจที่จะเข้าใกล้ตน นางจึงส่งยิ้มให้ลู่ผิงและสั่งให้แม่นมหลี่นำของกำนัลทั้งหมดไปเก็บ
มู่หรงจิ่นได้ยินแม่นมหลี่เล่าว่าหลังจากที่ลู่ผิงกินอาหารที่เรือนจิ่นยู่ในวันนั้น เมื่อกลับไปแล้ว นางก็ถูกมู่หรงเหยาทุบตีและหักเงินเดือน
ความจริงแล้วลู่ผิงจะต้องเกลียดนางจนเข้ากระดูกดำ แต่เหตุใดถึงบังคับตนเองให้ยิ้มและเคารพมู่หรงจิ่นด้วยเล่า ?
หากมีบางอย่างผิดพลาด นั่นจะต้องเป็นเพราะปีศาจอย่างแน่นอน ! มู่หรงจิ่นตะโกนในใจ ถึงกระนั้นนางก็ไม่ได้เผยสีหน้าใด ๆ ออกมา นางเพียงต้องการรู้ว่าหลิวเหม่ยน่าและมู่หรงจิ่นจะเป็นปีศาจตนใดกันแน่ !
“หากคุณหนูใหญ่ไม่มีคำสั่งอื่น บ่าวก็ขอตัวไปรายงานท่านป้าหลิวเจ้าค่ะ !”
มู่หรงจิ่นเหลือบมองมู่หรงเหยาที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้หิน ขณะเดียวกันสายตาของมู่หรงเหยาก็จับจ้องไปที่ยังวัตถุแวววาวที่วางอยู่บนโต๊ะ ทันใดนั้นมู่หรงจิ่นก็รู้สึกประหลาดใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงไม่กล่าวคำใด
ลู่ผิงก้มหน้าลงพลางเผยท่าทีพึงพอใจ มู่หรงจิ่นสังเกตท่าทีของพวกนางแล้วครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนกระตุกยิ้มมุมปากแล้วโบกมือให้อีกฝ่ายออกไป
“พี่หญิงจิ่น ท่านไม่สงสัยหรือว่าอ๋องเยี่ยนส่งของกำนัลอะไรมาบ้าง ?”
มู่หรงซินเพิ่งเคยเห็นของกำนัลล้ำค่ามากมายเป็นครั้งแรก เพราะครอบครัวของนางไม่เคยได้รับของมีค่ามากมายเช่นนี้มาก่อน !
ดังนั้นเมื่อนางเห็นเหล่าสาวรับใช้เดินนำของกำนัลเข้ามา นางจึงลุกยืนขึ้นอย่างไม่รู้ตัวและเดินไปยังโต๊ะหิน ดวงตาเปล่งประกายของนางจับจ้องอยู่ที่ไพลินไม่ขยับเขยื้อนไปที่ใด
“ถ้าพวกน้องหญิงอยากดู ก็เปิดดูเลยสิ !”
เมื่อเห็นว่ามู่หรงเหยาและมู่หรงซินจ้องมองสมบัติหายากด้วยสายตาริษยาที่ปกปิดไม่มิด มู่หรงก็ส่งสัญญาณให้แม่นมหลี่ว่าอย่าเพิ่งเก็บของเหล่านั้นไป
มู่หรงจิ่นกล่าวอย่างไม่รีบร้อน ดูเหมือนว่านางจะมีความสุขกับท่าทีไร้มารยาทของมู่หรงเหยาและมู่หรงซิน
ดูเหมือนว่าตอนนี้มู่หรงเหยาจะไม่สามารถควบคุมตนเองได้อีกต่อไป นางลุกยืนขึ้นโดยไม่กล่าวคำใดแล้วเดินไปยังโต๊ะหิน จากนั้นจ้องมองของล้ำค่าทุกชนิดที่อยู่บนถาด
ของกำนัลเหล่านี้เป็นสิ่งของที่มีคุณภาพดีที่สุด ! แม้แต่จวนตระกูลมู่หรงก็ยังไม่มีสิ่งของล้ำค่าเช่นนี้ !
มู่หรงเหยาพร่ำบอกตนเองให้สงบสติอารมณ์ก่อนเดินทางมาที่เรือนจิ่นยู่ แต่เมื่อเห็นสิ่งของตรงหน้าด้วยตาตนเอง ความริษยาของนางพลันรุนแรงขึ้นทันใด !
“ท่านอ๋องเยี่ยนมีเมตตาต่อพี่หญิงจิ่นยิ่งนัก วันไหว้พระจันทร์ยังส่งของกำนัลมามากมายเพียงนี้ นับประสาอะไรกับวันตรุษจีนเล่า !”
เมื่อมู่หรงซินกล่าวคำเหล่านั้นออกไป บรรยากาศรอบตัวของนางพลันเต็มไปด้วยความอิจฉา
หลังจากกล่าวเช่นนั้น มู่หรงเหยาก็หันมองนาง ทันใดนั้นมู่หรงซินก็จำจุดประสงค์ที่พวกตนมายังเรือนจิ่นยู่ในวันนี้ได้ ก่อนกล่าวว่า
“ท่านอ๋องเยี่ยนช่างรอบคอบยิ่งนัก พี่หญิงจิ่นมีของกำนัลอะไรอยู่ในใจบ้างหรือไม่ ?”
มู่หรงซินลังเลที่จะละสายตาจากของกำนัล
“หุยหลี่ ?”
มู่หรงจิ่นแสร้งทำเป็นประหลาดใจและมองไปยังมู่หรงเหยาและมู่หรงซินอย่างไร้เดียงสา
พวกนางจะตกหลุมพรางเร็วขนาดนี้ไม่ได้ เรื่องสนุก ๆ กำลังจะเริ่มขึ้นมิใช่หรือ ? มู่หรงจิ่นลอบถอนหายใจ มู่หรงเหยายังเด็กเกินไป นอกจากนี้เมื่อคืนนี้มู่หรงเซิ่งพูดบางอย่างกับนาง แต่นางก็ไม่ยอมรับมันมิใช่หรือ ?
คำพูดของคนเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด เพราะตอนนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนถูกเล่าปากต่อปากและแพร่กระจายไปทั่วทุกตรอกซอกซอยในเมืองหลวงแล้ว
เมื่อเช้านี้มู่หรงจิ่นได้ฟังสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากแม่นมหลี่บ้างแล้ว
ข่าวลือส่วนใหญ่ต่างมุ่งไปยังหลิวเหม่ยน่าว่านางปฏิบัติต่อบุตรสาวคนโตอย่างไม่เป็นธรรม ดูช้างให้ดูหางดูนางให้ดูแม่ ดังนั้นมู่หรงเหยาก็ต้องปฏิบัติต่อพี่สาวของนางอย่างโหดร้ายเช่นกัน
เมื่อคืนที่ผ่านมาเหล่าฝูงชนต่างเห็นและได้ยินมู่หรงเหยาตะโกนอย่างก้าวร้าว พร้อมทั้งยืนกรานว่ามู่หรงจิ่นถูกโจรลักพาตัวไป
ถึงกระนั้นนางก็ยังกลับมายังจวนมู่หรงอย่างปลอดภัย ตราบใดที่ไม่ไร้สติปัญญา คนเหล่านั้นก็จะรู้ว่าหลิวเหม่ยน่าและลูกสาวร่วมมือกันทำร้ายบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกอย่างมู่หรงจิ่น !
เมื่อได้ยินข่าวลือเหล่านั้นมู่หรงเซิ่งก็โมโหอย่างยิ่ง แม้ว่าเขาจะไม่ได้กล่าวโทษหลิวเหม่ยน่าและมู่หรงเหยา แต่ก็ไม่พอใจกับพฤติกรรมอันประมาทของทั้งสองคนเมื่อคืนนี้
หากมู่หรงเหยามีไหวพริบมากกว่านี้ นางคงสงบปากสงบคำและปล่อยให้ข่าวลือหายไปก่อน
แต่มู่หรงเหยาโง่งมเกินไป ! ไม่คาดคิดว่านางไม่อาจอดทนรอได้ และเดินเข้าใปในเงื้อมมือของมู่หรงจิ่น ! ในเมื่อเหยื่อมายืนอยู่ที่หน้าเรือนแล้ว มู่หรงจิ่นก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ และเมื่อถึงเวลานั้น คนอื่น ๆ ก็อย่าตำหนิการกระทำอันโหดเหี้ยมของนางเล่า !
“พี่หญิงใหญ่คงไม่เคยได้รับของขวัญล้ำค่าเช่นนี้มาก่อน จึงไม่รู้ล่ะสิว่าการได้รับของกำนัลเป็นสิ่งตอบแทนคือเรื่องปกติทั่วไป !”
ในที่สุดมู่หรงเหยาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
มู่หรงจิ่นพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โมโหเอาไว้และจงใจเผยท่าทีละอายใจ แต่ส่วนลึกในจิตใจของนางรู้ดีว่ามู่หรงเหยากำลังหัวเราะเยาะกับความไม่รู้เรื่องราวของตน !
“ข้าควรส่งของขวัญแบบใดตอบแทนเขาดี เรือนจิ่นยู่ของข้าไม่มีของขวัญที่มีค่ามากพอเสียด้วยสิ”
ในสายตาของผู้อื่น การรับประทานอาหารให้ครบสามมื้อของมู่หรงจิ่นยังเป็นเรื่องน่ากังวล นับประสาอะไรกับการเสาะหาของล้ำค่าเพื่อส่งเป็นของกำนัล!
“ของกำนัลที่ท่านอ๋องเยี่ยนส่งมาล้วนมีเพียงหนึ่งไม่มีสอง หากพี่หญิงจิ่นต้องการส่งของกำนัลตอบแทน ท่านจะต้องเสาะหาสิ่งของที่ไม่ด้อยไปกว่านี้ มิฉะนั้นท่านจะทำให้ศักดิ์ศรีของตระกูลเราป่นปี้นะเจ้าคะ !”
มู่หรงซินรีบเยินยอมู่หรงจิ่นทันที และนำเรื่องศักดิ์ศรีของตระกูลมากล่าวอ้าง
“เหตุใดพี่หญิงใหญ่ถึงไม่ไปปรึกษาท่านพ่อเล่าว่าจะส่งของสิ่งใดตอบแทน ?”
มู่หรงจิ่นสังเกตเห็นแล้วว่ามู่หรงเหยาและมู่หรงซินเข้าใกล้ของกำนัลอย่างระมัดระวัง นางจะต้องมีบางอย่างเกี่ยวกับของกำนัลที่นางกำลังจะส่งให้อ๋องเยี่ยนอย่างแน่นอน เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกนางจะใช้เรื่องนี้ก่อปัญหา
“ในจวนอ๋องเยี่ยนจะยังขาดเหลืออะไรอีกเล่า ไม่ว่าพวกเราจะส่งของดีเพียงใดไป มันก็ดูจะไร้ประโยชน์เสียหมด ข้าว่าท่านลองหาวิธีอื่นจะดีกว่า”
นัยน์ตาหงส์ของมู่หรงเหยาเหลือบมองมู่หรงซินพร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัย
“โอ้ พี่หญิงเหยามีความคิดดี ๆ หรือ ? พี่หญิงจิ่น เหตุใดท่านถึงไม่ลองฟังความคิดของพี่หญิงเหยาดูเล่า ?”
มู่หรงซินหันมองนางพร้อมแนะนำ
“ดีเลย ! น้องหญิงรองพูดมาเถิด !”
มู่หรงเหยาเฝ้าดูพวกนางเสแสร้งอย่างไม่กระดากอาย นางไม่กระตือรือร้นที่จะเปิดโปง แต่กลับรอดูว่าพวกนางจะแสดงออกมาแบบใด
“หากเทียบกับของกำนัลราคาแพงแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความใส่ใจ ตราบใดที่พี่หญิงใหญ่ให้ของกำนัลที่สื่อถึงความจริงใจแก่เขาได้ ข้าว่ามันมีค่ามากกว่าสมบัติหายากเสียอีก !”
มู่หรงเหยาให้ความแนะนำแก่มู่หรงจิ่นด้วยความจริงใจ แต่เคราะห์ร้ายที่มู่หรงจิ่นไม่ตกหลุมพราง !”
“ดีเลย ! พี่หญิงจิ่น พวกเรามาหาของกำนัลที่สื่อถึงความจริงใจกันเถอะ !”
ยังไม่ทันที่มู่หรงจิ่นจะเอ่ยตอบ มู่หรงซินก็ตัดสินใจแทนนางเสียแล้ว
“สิ่งของที่สื่อถึงความรู้สึก ?”
นี่เป็นอีกครั้งที่มู่หรงจิ่นแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ ซึ่งมันคือวิธีหนึ่งที่ทำให้ศัตรูสับสนคือการแสดงความอ่อนแอออกมา เพื่อทำให้พวกนางคลายความระมัดระวังตัว
“อย่างเช่นถุงเครื่องหอมที่ท่านทำด้วยตนเอง หรือจดหมายที่เขียนบรรยายความรู้สึกขอบคุณ”
แน่นอนว่ามู่หรงเหยาไม่รู้ว่ามันคือกลยุทธ์ของมู่หรงจิ่น นางจึงลอบเย้ยหยันในใจ มู่หรงเหยารู้ดีว่ามู่หรงจิ่นไม่อาจทำงานเย็บปักถักร้อยได้ ดังนั้นมู่หรงจิ่นจึงทำได้เพียงเขียนจดหมาย เพียงเท่านี้ทุกอย่างก็ตกอยู่ภายใต้กำมือของนางแล้ว !”
“มันจะเหมาะสมหรือไม่ ? สตรีเช่นเราจะมอบถุงหอมหรือจดหมายให้ผู้ชายได้อย่างไร ?”
ดวงตาที่โผล่พ้นผ้าคุมของมู่หรงจิ่นแดงก่ำ ทำให้คนอื่น ๆ คิดว่านางเขินอาย
“มันไม่ใช่เรื่องน่าอายสักหน่อย ! พี่หญิงจิ่นหมั้นหมายกับท่านอ๋องเยี่ยนแล้ว มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกท่านจะติดต่อกัน ! เช่นนั้นพี่หญิงจิ่นมีความคิดที่ดีกว่านี้หรือไม่ ?”
มู่หรงซินกล่าวโน้มน้าวสองสามคำ ก่อนถือวิสาสะตัดสินใจเลือกของกำนัลแทนมู่หรงจิ่น ยิ่งไปกว่านั้นประโยคสุดท้ายยังย้ำเตือนมู่หรงจิ่นอย่างชัดเจนว่านางไม่มีทางเลือกอื่น !
“เช่นนั้นข้าจะใช้วิธีของน้องหญิงรองก็แล้วกัน ! เสี่ยวหลิง เตรียมกระดาษและพู่กันให้ข้าที !”
เมื่อเห็นทักษะการแสดงอันน่าเวทนาของพวกนางแล้ว มู่หรงจิ่นก็คิดในใจว่านางไม่จำเป็นต้องระวังตัวอีกต่อไป ! โดยเฉพาะมู่หรงซินที่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ใช้สมอง นางไม่มีทางรู้เลยว่าตนกำลังมู่หรงเหยาถูกใช้เป็นเครื่องมืออยู่ !
เสี่ยวหลิงนำกระดาษและพู่กันมาให้นางอย่างรวดเร็ว จากนั้นมู่หรงจิ่นก็จับพู่กันด้วยมือขวาและจับกระดาษซวนด้วยมือซ้าย
“ข้า... ข้าไม่รู้จะเขียนอะไรดี !”
มูหรงจิ่นเผยท่าทีงุนงงราวกับว่ากำลังประสบปัญหาในการเขียนจดหมายจริง ๆ
“พี่หญิงเหยาเป็นสตรีที่มีพรสวรรค์ที่สุดในแคว้นต้าเซียว พี่หญิงเหยาลองให้คำแนะนำแก่พี่หญิงจิ่นดีหรือไม่ ?”
มู่หรงซินมองไปยังมู่หรงเหยา และสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเผยสีหน้าภูมิใจ
“ดีเลย ! น้องหญิงรองมีคำพูดที่ฟังแล้วรื่นหูแนะนำหรือไม่ ?”
มู่หรงจิ่นคิดในใจว่าในเมื่อพวกนางต้องการหลอกล่อตนให้ติดกับดัก ดังนั้นนางจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อม
“‘ข้าไม่ไม่มีทางตอบแทนความมีเมตตาของท่านได้ หากไม่ได้พบหน้าสุภาพบุรุษเช่นท่าน ข้าคงต้องตรอมใจเป็นแน่’ พี่หญิงใหญ่คิดอย่างไรบ้าง ?”
มู่หรงเหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวด้วยท่าทีสบาย ๆ
“พี่หญิงเหยาช่างมีความสามารถจริง ๆ ! ถ้อยคำฉะฉานยิ่งนัก ! พี่หญิงจิ่น ท่านเขียนสองประโยคนี้ลงไปเถิด !”
มู่หรงซินอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมา เสียงเล็กแหลมของนางทำให้นกที่เกาะอยู่บนต้นไม้บินหนีด้วยความแตกตื่น
“ตกลง!”
เมื่อมู่หรงเหยาได้ยินสองคำนี้จากมู่หรงจิ่น เส้นขนบนแขนของนางก็ลุกชูชันอย่างไม่รู้ตัว และต้องใช้เวลาอยู่กว่าครู่หนึ่งก่อนที่มันจะลู่ลง
“พี่หญิงใหญ่ เหตุใดท่านไม่เขียนมันลงบนผ้าเช็ดหน้าเล่า ? ด้วยวิธีนี้ ท่านอ๋องเยี่ยนจะต้องสัมผัสได้ถึงความจริงใจของท่าน และนอกจากนี้ทุกครั้งที่เขามองผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ ก็จะรู้สึกเหมือนได้เห็นหน้าท่านไปด้วย !”
เมื่อมู่หรงเหยาสังเกตเห็นผ้าเช็ดหน้าในมือเซียวหลิง นางก็คิดเรื่องบางอย่างออกและกล่าวกับอีกฝ่าย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร