จวนองค์ไท่จื่อ
“นายท่าน !”
ชายชุดดำได้รับบาดเจ็บสาหัสเดินเข้าไปในห้องโถงอย่างกระเสือกกระสน จากนั้นคุกเข่าลงกับพื้นแล้วคำนับชายหนุ่มชุดสีทองที่หันหลังให้กับเขา
“อ้านอี เจ้าบาดเจ็บรึ ?”
ทหารหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างชายชุดสีทองประหลาดใจเมื่อเห็นคนผู้นั้นคุกเข่าลงกับพื้น
“นายท่าน ! ข้าน้อยไร้ความสามารถ ! ไม่อาจทำภารกิจให้เสร็จลุล่วงได้ ได้โปรดลงโทษข้าน้อยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ !”
อ้านอีคุกเข่าลงกับพื้น เลือดสีแดงฉานยังคงไหลออกมาจากหน้าท้องของเขาไม่ขาดสาย ทำให้กลิ่นคาวเลือดลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ
“อ้านอี ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าถ้าทำงานไม่สำเร็จ ข้าจะบั่นหัวเจ้า ! จำได้หรือไม่ ?”
ชายชุดสีทองหันหลังกลับมาอย่าช้า ๆ ใบหน้าหล่อเหลาเปื้อนยิ้มเล็กน้อย เสียงของเขาอบอุ่นราวกับบ่อน้ำร้อนในฤดูใบไม้ผลิ ทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวล้วนสง่างามราวกับฮ่องเต้ ชายผู้นี้คือเซียวหร่วน องค์ไท่จื่อแห่งอาณาจักรต้าเซียวผู้เรืองอำนาจในปัจจุบัน และเขาคือผู้ที่จะกลายเป็นฮ่องเต้ในอนาคต
“ข้าน้อยจำได้พ่ะย่ะค่ะ ! เป็นเพราะข้าน้อยไร้ความสามารถ ! ข้าน้อยยินดีที่จะชดใช้ด้วยความตาย !”
อ้านอีก้มหัวลงโดยปราศจากความลังเล
“อ้านอี ! นายท่าน ! ได้โปรดคิดทบทวนด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ !”
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเซียวหร่วนได้ยินบทสนทนาแล้วเกรงว่าอ้านอีจะขอให้อีกฝ่ายประหารชีวิตตน เขาก็คุกเข่าลงและขอร้องเซียวหร่วนทันที
“อ้านชี เจ้าไม่ต้องขอร้องแทนข้า ! ให้นายท่านเป็นคนตัดสินเถิด แม้คืนนี้พวกมันจะมากันเพียงสองคน แต่ฝีมือการต่อสู้ขององครักษ์ส่วนตัวของเขาเหนือกว่าข้ามาก ข้าหวังว่าในอนาคตนายท่านจะระมัดระวังตัวให้มากกว่าเดิมพ่ะย่ะค่ะ !”
สิ้นคำ อ้านอีก็ชักกระบี่ออกมาและพยายามฆ่าตัวตาย อย่างไรก็ตามในวินาทีสุดท้ายกระบี่เล่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามาขัดขวางทำให้กระบี่ของเขาพุ่งไปปักอยู่ที่เสาภายในห้อง
“เรื่องแค่นี้ เจ้าคิดว่าข้าถึงกับจะฆ่าเจ้าเลยรึ รายงานสถานการณ์คืนนี้มาเดี๋ยวนี้ !”
เซียวหร่วนเดินไปยังที่นั่งแล้วมองไปยังอ้านอี้ที่คุกเข่าลงกับพื้น
อ้านอีรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เซียวหร่วนอย่างละเอียด
“ข้าน้อยไม่คิดว่าเขาจะมีองครักษ์เก่งกาจเพียงนั้น นอกจากนี้ฝีมือของเขายังก้าวหน้าอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในอนาคตเขาจะต้องเสาะหาผู้มากฝีมือมาคุ้มกันอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ !”
เซียวหร่วนกล่าวเสียงแผ่ว “วันนี้สวรรค์เข้าข้างมันสินะ”
“อย่างไรก็ตามขณะที่พี่น้องของเรากำลังไล่เข้าไปสังหารเขาในตรอก จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นและใช้เข็มเงินเป็นอาวุธ สุดท้ายแล้วพี่น้องของเราก็ต้องตายด้วยน้ำมือของนาง ส่งผลให้ภารกิจล้มเหลวพ่ะย่ะค่ะ !”
อ้านอีสงสัยในตัวหญิงสาวที่ใช้ผ้าคลุมปิดบังใบหน้าเอาไว้ แม้นางจะเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว แต่กลับไม่มีกำลังภายในและไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้แม้แต่น้อย !
“หืม ? ผู้หญิงรึ ?”
เรือนโฝหลิ่ว
“ฮูหยิน เมื่อครู่พวกโจรจากภูเขาซง ส่งจดหมายมาบอกว่าขณะที่พวกมันตามล่านังอัปลักษณ์ พวกมันบังเอิญเจอกับกลุ่มชายชุดดำที่มีศิลปะหารต่อสู้ยอดเยี่ยม และคนกลุ่มนั้นก็สังหารพี่น้องของพวกมันสามคน ทำให้พวกมันปล่อยให้นังนั่นหนีรอดมาได้เจ้าค่ะ !”
แม่นมเฉินรีบร้อนเข้าไปในห้องและปิดประตูลงกลอน ก่อนเดินเข้าไปกระซิบหลิวเหม่ยน่า
“อะไรนะ ? พวกมันช่างเป็นขยะไร้ประโยชน์จริง !”
มู่หรงเหยาที่อยู่ในห้องหลิวเหม่ยน่าตะโกนออกมาด้วยความโกรธที่อัดแน่นอยู่ภายในใจ เมื่อได้ยินรายงานของแม่นมเฉิน นางก็เตะเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างโต๊ะกลมอย่างแรง
“ชายชุดดำที่มีศิลปะการต่อสู้อันยอดเยี่ยม ?”
หลิวเหม่ยน่าเหม่อมองไปข้างนอก มีคนแอบปกป้องมู่หรงจิ่นงั้นรึ ? แล้วคนผู้นั้นคือใคร ?
“ไอ้พวกโจรภูเขามันไร้ความสามารถ มันจึงหาข้ออ้างเพื่อหลบเลี่ยงยังไงล่ะ ! ท่านแม่ ! ข้าอยากฆ่ายังมู่หรงจิ่นให้ตายในคืนนี้ซะ ! คืนนี้ท่านพ่อถึงกับสั่งให้ข้าไปคุกเข่าสำนึกผิดที่หอบรรพชน ท่านพ่อไม่เคยพูดกับข้าเช่นนี้มาก่อน !”
มู่หรงเหยามองไปยังเปลวไฟวูบไหวพร้อมขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธแค้นราวกับวิญญาณแค้นที่ผุดออกมาจากขุมนรก
“ไม่ได้ ! ตอนนี้นายท่านเริ่มสงสัยแล้ว พวกเราจะทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ !”
หลิวเหม่ยน่าตกตะลึงอย่างมากเมื่อเห็นว่าคืนนี้มู่หรงเซิ่งมองมาที่ตนด้วยสายตาเย็นชา
“ท่านแม่ ! ท่านจะปล่อยให้นังสารเลวคนนั้นไปรึ ? ข้าไม่ยอม !”
เมื่อมู่หรงเหยาได้ยินว่าหลิวเหม่ยนาต้องการรามือ นางก็ตบโต๊ะพลางลุกยืนขึ้นด้วยความไม่พอใจ
“คุณหนูรอง พวกเราไม่อาจสร้างปัญหาไปมากกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำไม่ได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคุณหนูซินจะอาศัยอยู่ที่จวนของเราใช่หรือไม่ ?”
หลิวเหม่ยน่าจ้องมองมู่หรงเหยาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสุข
“ท่านแม่หมายความว่า...” ยืมดาบฆ่าคนงั้นรึ !
มู่หรงเหยาไม่ได้กล่าวประโยคหลัง แต่มองไปที่หลิวเหม่ยย่าด้วยความประหลาดใจ
“ถูกต้อง !”
แม้มู่หรงเหยาจะไม่ได้กล่าวประโยคหลังออกมา แต่หลิวเหม่ยน่าก็รู้ได้ว่านางต้องการพูดอะไร
วันต่อมา ณ เรือนจิ่นยู่
มู่หรงจิ่นออกไปเดินเล่นที่ลานเรือนตั้งแต่เช้าตรู่หลังจากเกิดเรื่องที่น่าอึดอัดใจเมื่อคืนนี้ นางตัดสินใจแล้วว่าวันนี้นางจะเริ่มวางแผนฝึกฝนเข็มบินให้คล่องแคล่ว
“คุณหนู ! ทำอะไรอยู่หรือเจ้าคะ ?”
เสี่ยวหลิงยืนอยู่ข้างมู่หรงจิ่นด้วยใบหน้าซีดเซียว นางเฝ้ามองมู่หรงจิ่นขว้างเข็มเงินไปปักที่ต้นไทรในสวน จากนั้นเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
อาการบาดเจ็บของเซียวหลิงยังไม่หายดีนัก แต่นางบอกว่าเรือนจิ่นยู่ไม่มีบ่าวรับใช้คนอื่นแล้ว หากตนเอาแต่นอนอยู่บนเตียง แม่นมหลี่คงไม่สามารถทำงานทั้งหมดได้อย่างแน่นอน
“เสี่ยวหลิง หากเจ้าไม่อยากกลับไปพักฟื้นที่ห้อง เช่นนั้นเจ้าช่วยข้านับว่าเข็มเหล่านั้นปักต้นไทรไปกี่เล่มและปักเข้าลึกเท่าใด แล้วก็อย่าลืมเก็บเข็มที่ตกอยู่บนพื้นมาให้ข้าด้วยล่ะ !”
มู่หรงจิ่นควรอธิบายเรื่องเข็มบินให้เสี่ยวหลิงฟังอย่างไรดี ? การใช้เข็มบินคือทักษะพิเศษของนางในฐานะ ‘เพชฌฆาตหญิง’ อีกทั้งยังเป็นอาวุธป้องกันตัวของนางอีกด้วย
เนื่องจากร่างกายปัจจุบันอ่อนแอ นางจึงไม่อาจฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ในยุคนี้ได้ ดังนั้นนางจึงฝึกทักษะการใช้เข็มบินเพื่อป้องกันตัวเมื่อเจออันตรายโดยไม่ทันตั้งตัว
แม้เสี่ยวหลิงจะไม่รู้ว่าเหตุใดมู่หรงจิ่นถึงเขวี้ยงเข็มเงินไปปักต้นไทร แต่นางก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“พี่หญิงใหญ่ ขยันขันแข็งตั้งแต่เช้าตรู่เลยนะเจ้าคะ !”
มู่หรงเหยาเดินเข้ามายังลานเรือนจิ่นยู่ เมื่อเห็นมู่หรงจิ่นจ้องมองไปที่ต้นไทรในสวน นางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“ใช่แล้ว ! ไม่ใช่เพราะเมื่อคืนนี้ท่านหวาดกลัวอย่างมากจนต้องตื่นมาขอพรที่ต้นไทรหรอกหรือ ?”
มู่หรงซินก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ตอนนี้นางเปรียบเสมือนผู้ติดตามของมู่หรงเหยาไปแล้ว
“คุณหนูรอง คุณหนูซิน ! พวกท่านมาทำอะไรที่นี่หรือเจ้าคะ ?”
เมื่อเสี่ยวหลิงเห็นมู่หรงเหยาและมู่หรงซินเดินเข้ามา นางก็รีบเก็บเข็มเงินที่หล่นอยู่บนพื้น รวมถึงเข็มที่ปักอยู่บนต้นไทรเข้าไปในแขนเสื้ออย่างรวดเร็ว
“ข้ากำลังพูดกับพี่หญิงใหญ่ เจ้ามีสิทธิพูดแทรกตั้งแต่เมื่อใด ? ดูเหมือนว่าเมื่อคืนนี้เจ้าจะถูกลงโทษเบาไปใช่หรือไม่ ?”
มู่หรงเหยาจ้องมองเสี่ยวหลิงที่ยังคงเจ็บบาดแผล ขณะเดียวกันเมื่อเสี่ยวหลิงได้ยินคำพูดของมู่หรงเหยา ใบหน้าของนางพลันซีดเผือดทันที
“จริงสิ เมื่อคืนนี้น้องซินดูหวาดกลัวไม่น้อย เจ้าคงไม่ได้ฝันร้ายกระมัง ?”
มู่หรงจิ่นเดินไปยังโต๊ะหินที่ตั้งอยู่ในลานเรือน ก่อนนั่งลงบนเก้าอี้หินอย่างไม่ลังเล
“ท่าน...”
มู่หรงซินอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ทันทีที่นางหลับตาลงก็ต้องเผชิญกับฝันร้ายทั้งคืน นางฝันว่ามีคนผู้หนึ่งใช้มีดจ้วงแทงตน ทำให้มู่หรงซินหวาดกลัวจนไม่กล้าหลับทั้งคืน
“นั่นหมายความว่าพี่หญิงใหญ่ยอมรับแล้วใช่หรือไม่ว่าเมื่อคืนนี้ท่านถูกโจรปล้น ?”
เมื่อมู่หรงเหยาได้ยินสิ่งที่มู่หรงจิ่นพูด ดวงตาเฉี่ยวราวกับนกเฟิ่งหวงก็จับจ้องไปที่มู่หรงจิ่นราวกับเกรงว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธคำพูดของตน
“มิใช่ว่าเจ้าก็เจอโจรด้วยหรือ เหตุใดถึงรู้ดีกว่าข้าเล่า ?”
มู่หรงจิ่นมองมู่หรงเหยาด้วยดวงตายิ้มแย้มที่โผล่พ้นผ้าคลุมหน้า
“พี่หญิงใหญ่อย่าพูดจาไร้สาระเลย ข้าจะรู้ดีกว่าท่านได้อย่างไร ? ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้น !”
เมื่อมู่หรงเหยาได้ยินอีกฝ่ายกล่าวเช่นนั้น นางพลันคิดในใจว่ามู่หรจิ่นจะต้องรู้เรื่องบางอย่างแน่นอน ดังนั้นนางจึงเผยท่าทีลนลาน
“ข้าหมายความว่าเจ้าก็อยู่ที่นั่นและเห็นมันเช่นเดียวกับข้า !”
มู่หรงจิ่นคลี่ยิ้ม นางกำลังจะเผยพิรุธออกมาใช่หรือไม่ ?
“แต่เหตุใดท่านถึงโกหกและบอกคนอื่น ๆ ว่าไม่เห็นโจรพวกนั้นเล่า ?”
มู่หรงซินพลันจำได้ว่าเมื่อคืนนี้มู่หรงจิ่นยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้พบเจอโจรภูเขา ทำให้นางสามารถกอบกู้ชื่อเสียงของตนคืนมากและทำลายแผนของพวกตนจนสิ้น
เดิมทีนางและมู่หรงเหยาวางแผนจะจ้างวานโจรภูเขาให้ไปสังหารมู่หรงจิ่นขณะลอยโคมไฟ จากนั้นมู่หรงเหยาก็จะแต่งงานเข้าจวนอ๋องเยี่ยนแทนมู่หรงจิ่น
มู่หรงซินเติบโตมากับมู่หรงเหยาตั้งแต่ยังเยาว์ นางต้องการช่วยมู่หรงเหยาแต่งงานกับอ๋องเยี่ยนในฐานะสนมให้ได้ การที่มู่หรงเหยาแต่งงานนับเป็นเรื่องดีกว่าปล่อยนังอัปลักษณ์มู่หรงจิ่นแต่งงานเข้าจวนอ๋องเยี่ยน !
นั่นคือสาเหตุที่นางตกปากรับคำว่าจะช่วยมู่หรงเหยากำจัดมู่หรงจิ่น ! แต่ไม่คาดคิดว่ามู่หรงจิ่นจะรอดชีวิตมาได้ !
“เพราะว่า...”
“คุณหนู ! ท่านป้าหลิวสั่งบ่าวรับใช้มาส่งของให้ท่านเจ้าค่ะ !”
ทันทีที่มู่หรงจิ่นอ้าปากพูด แม่นมหลี่ก็เข้ามาขัดจังหวะแล้วกระซิบข้างหูนาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร