เรือนจิ่นยู่
“โอ้ ! คุณหนู ท่านกลับมาแล้ว ! บ่าวเป็นห่วงท่านยิ่งนัก !” แม่นมหลี่ยืนรอมู่หรงจิ่นอยู่หน้าประตูเรือน
“ข้าไม่เป็นไร ท่านพาเสี่ยวหลิงไปพักผ่อนเถิด !”
แม้ว่ามู่หรงจิ่นจะเพิ่งกลับมาถึงจวนพร้อมความหนาวเย็นที่เกาะกุมร่างกาย ทว่าน้ำเสียงของนางเย็นเยียบจนทำร่างกายผู้ฟังสั่นสะท้านยิ่งกว่าอากาศรอบตัวเสียอีก
“เสี่ยวหลิง ? เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ?”
แม่นมหลี่เพิ่งสังเกตเห็นเสี่ยวหลิงที่เดินตามมู่หรงจิ่นมา ใบหน้าของนางซีดเผือด เหงื่อเย็นผุดพราวบนหน้าผาก ดวงตาล่องลอย ไม่รู้จริง ๆ ว่านางเดินกลับมาที่นี่ด้วยตนเองได้อย่างไร !
“นางมีไข้ นี่คือยาที่ข้าเตรียมไว้ให้ มันคือยาทาภายนอก หากทาแล้วอาจจะทำให้ปวดแผลมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นท่านต้องดูแลนางให้ดีล่ะ !”
มู่หรงจิ่นเดินเข้าไปในห้องด้านใน จากนั้นหยิบขวดยาขึ้นมาแล้วส่งให้แม่นมหลี่
“เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ ?”
แม่นมหลีไม่คาดคิดว่ามู่หรงจิ่นจะออกจากเรือนจิ่นยู่เป็นเวลาครึ่งค่อนคืน หนำซ้ำเสี่ยวหลิงยังถูกโบยเช่นนี้อีก ยิ่งไปกว่านั้นผมเผ้าของมู่หรงจิ่นยังกระเซิงเช่นนี้ นางจึงเกิดความสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?
“พรุ่งนี้ข้าจะเล่าให้ฟัง คืนนี้ต้องรบกวนแม่นมหลี่ดูแลเสี่ยวหลิงแล้ว !”
มู่หรงจิ่นรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างมากเมื่อนึกถึงคำพูดของเสี่ยวหลิงที่ต้องการปกป้องนางในตอนที่อยู่ริมแม่น้ำ เพราะนั่นเป็นครั้งแรกที่มีคนออกโรงปกป้องนาง
ดังนั้นเมื่อเห็นเสี่ยวหลิงถูกลงโทษ นางจึงตัดสินใจว่าจะจะชำระหนี้แค้นกับหลิวเหม่ยน่าและมู่หรงเหยาให้สาสม !
“บ่าวถือว่าเสี่ยวหลิงเป็นลูกสาวของบ่าวมานานแล้ว มันจึงเป็นสิ่งที่บ่าวควรทำ ! แต่ตอนนี้ดึกมากแล้วและไม่มีผู้ใดเฝ้าประตู...”
แม่นมหลี่เผยสีหน้าไม่สู้ดี
“ไม่เป็นอันตรายหรอก ! ตอนนี้ข้าเหนื่อยมากแล้ว !”
มู่หรงจิ่นโบกมือพลางเดินไปนั่งที่โต๊ะกลม จากนั้นส่งสัญญาณให้แม่นมหลี่ออกไป
แม่นมหลี่ประคองเสี่ยวหลิงให้ลุกยืนขึ้นแล้วเดินออกไป ก่อนปิดประตูห้องของมู่หรงจิ่น
มู่หรงจิ่นมองดูเปลวไฟวูบไหวในตะเกียงน้ำมันขณะนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนี้
โจรสวมหน้ากากทั้งสี่คนจะต้องถูกจ้างวานโดยหลิวเหม่ยน่าให้มาสังหารนางอย่างไม่ต้องสงสัย
หลิวเหม่ยน่าช่างกล้าหาญเสียจริง ในแคว้นต้าเซียวแห่งนี้ บทลงโทษของแม่เลี้ยงที่ต้องการสังหารบุตรสาวโดยชอบธรรมนั้นหนักหนาไม่น้อย หากถูกจับได้ นางจะต้องเดินไปตามถนนและถูกทุบตีด้วยไม้จนตาย !
แต่หลิวเหม่ยน่าไม่ใช่คนโง่ นางจงใจจัดฉากในที่ที่มีคนพลุกพล่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานเทศกาลโคมไฟที่มีผู้คนมากมาย ทั้งยังมีเสียงอึกทึกครึกโครม หากมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น ก็จะไม่ผู้ใดในตระกูลมู่หรงสงสัยนาง
ยิ่งไปกว่านั้น ‘คุณหนูอัปลักษณ์’ ผู้นี้ยังเป็นจุดด่างพร้อยของตระกูลมู่หรง หากนางตายไป ตระกูลมู่หรงก็ไม่เสียหาย
บางทีฮูหยินเฒ่าหรือมู่หรงเซิ่งอาจจะขอบคุณโจรเหล่านั้นในใจด้วยซ้ำที่พวกมันช่วยกำจัดจุดด้อยของตระกูล !
หลิวเหม่ยน่าจงใจจ้างวานโจรภูเขา ซึ่งโดยปกติแล้วคนกลุ่มนี้จะแยกย้ายกลับไปยังฐานที่มั่นของตนที่อยู่ในภูเขา หากจับตัวผู้ร้ายไม่ได้ ก็จะไม่มีใครสงสัยนาง และคนอื่น ๆ ก็จะทำได้เพียงเวทนากับชะตากรรมของนางเท่านั้น !
มู่หรงจิ่นแค่นเสียงพลางเผยสีหน้าอำมหิต ขณะจ้องมองออกไปในความมืดอันเงียบสงัด
“หลิวเหม่ยน่า มู่หรงเหยา พวกเจ้าบีบบังคับให้ข้าทำเช่นนี้ !”
มู่หรงจิ่นถูเข็มเงินในมือซ้ายอย่างไม่รู้ตัว ดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นพฤติกรรมประจำตัวของนางไปแล้ว
หากไม่ใช่เพราะแม่นมหลี่ช่วยนางซื้อเข็มเงินมากมายที่มีคุณสมบัติหลากหลายเมื่อสองสามวันก่อน นางจึงได้ลองพกพามันและทดสอบดูว่าเข็มเงินประเภทไหนใช้งานง่าย มิฉะนั้นในคืนนี้นางคงตายไปแล้ว
มู่หรงจิ่นคิดในใจ เห็นทีว่าการอาศัยอยู่ในพื้นที่อันตรายแห่งนี้ นางจะต้องฝึกฝนทักษะในการเอาตัวรอดให้เชี่ยวชาญ มิฉะนั้นนางอาจไม่โชคดีนักหากต้องเผชิญกับสถานการณ์เมื่อครู่อีก !
มู่หรงจิ่นยกมือขึ้นถอดผ้าคลุมหน้าออก ทันใดนั้นนางพลันนึกถึงชายแปลกหน้าผู้นั้น ! ชายผู้มีดวงตาเปล่งประกายแวววาวในความมืด !
ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือใคร ? เหตุใดชายชุดดำถึงเรียกเขาว่า ‘นายท่าน’ ?
เขาจะต้องเป็นบุคคลสำคัญแน่นอน แต่เหตุใดถึงถูกไล่ล่าจนต้องซ่อนตัวในตรอก ในเมื่อมีทักษะการป้องกันตัวขั้นสูงเช่นนั้น ?
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มู่หรงจิ่นก็หัวเราะออกมา นางเกือบลืมไปเลยว่าเขาถูกวางยาพิษ
มู่หรงจิ่นได้รับความสามารถพิเศษจากงานที่นางเคยทำ เมื่อใดก็ตามที่สัมผัสตัวผู้อื่น นางจะรู้สึกถึงชีพจรของคนผู้นั้นอย่างไม่รู้ตัว และขณะที่จับชีพจรของชายผู้นั้น มู่หรงจิ่นก็พบว่าชีพจรของเขาเต้นช้ากว่าคนทั่วไปกว่าสองเท่า ซึ่งเป็นสิ่งที่นางไม่เคยพบมาก่อน
หากได้พบกันอีกครั้ง นางจะต้องจับเขามาทดลองเพื่อแก้แค้นในสิ่งทีเขาเพิ่งทำกับตน !
“ฮัดชิ่ว...”
ชายหนุ่มที่ถูกมู่หรงจิ่นนินทาจามออกมาและฟื้นจากอาการบาดเจ็บสาหัส
“นายท่าน ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว !”
เมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย โม่ตงก็เดินเข้าไปหาเขาแล้วอุทานด้วยความประหลาดใจ
“อืม !”
ชายหนุ่มที่เคยสวมชุดสีน้ำเงินครามนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียว ตอนนี้เขาสวมเพียงชุดชั้นในเท่านั้น นอกจากนี้เขายังอ่อนเพลียจนเกินกว่าจะสนทนากับผู้ใดได้
“นายท่าน มันคือยาพิษจริงหรือขอรับ ?”
โม่ตงก้าวไปข้างหน้าและช่วยประคองให้ชายหนุ่มยันกายขึ้นนั่งโดยใช้หมอนหนุนหลังเขา
“อืม ตอนนี้ผ่านไปกี่วันแล้ว ?”
เสียงแหบแห้งของเขาน่าเคลิบเคลิ้มยิ่งนัก
“นายท่าน เดือนนี้คือเดือนหกเท่านั้น ! อาหารจะต้องกำเริบหนึ่งครั้งต่อปีมิใช่หรือขอรับ แต่เหตุใดตอนนี้มันถึงย่นระยะเวลาเหลือเพียงหกเดือนเล่าขอรับ ?”
โม่ตงงงงวย ในปีก่อน ๆ เจ้านายของเขาจะเตรียมการอย่างดีก่อนที่อาการจะกำเริบ เพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะผ่านมันไปได้อย่างปลอดภัย
แต่เหตุใดคราวนี้ระยะเวลาถึงสั้นลงเหลือเพียงหกเดือนเท่านั้น !
“บางทีหากข้าโตขึ้น พิษก็อาจจะรุนแรงมากขึ้น ข้าเตรียมใจไว้แล้วล่ะ !”
ชายผู้นั้นตอบขณะที่ใบหน้าของเขาซีดเซียว แม้โม่ตงจะเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบห้าปี แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“นายท่าน ! ข้าน้อยจะต้องเสาะหายาแก้พิษมาให้ได้ !”
โม่ตงไม่ยอมละทิ้งความพยายาม พวกเขาเสาะหายาแก้พิษมานานหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อเห็นว่าระยะเวลาในการกำเริบของยาพิษสั้นลง ขาก็กังวลว่ามันจะเป็นสัญญาณที่ไม่ดี
“โม่ตง บนโลกนี้จะมีสักกี่คนที่สามารถปรุงยาแก้พิษให้ข้าได้ ?“
จู่ ๆ ชายหนุ่มก็นึกถึงนัยน์ตาดอกท้อที่เขาเพิ่งพบเจอขณะเอ่ยถามโม่ตง
“นอกจากยินซานหยวนจากหุบเขายาพิษก็มีมู่หรงเซิ่งขอรับ”
โม่ตงครุ่นคิดชั่วครู่ สุดท้ายแล้วก็มีเพียงยินซานหยวนเท่านั้นที่สามารถรู้ถึงชนิดของยาพิษที่อยู่ในตัวเจ้านายของเขาหลังจากตรวจดูชีพจร
“แม้ท่านยินซานหยวนจะเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ แต่ที่อยู่ของเขาไม่แน่นอน ในขณะที่มู่หรงเซิ่งใช้เวลากว่าหนึ่งเดือนในการวินิจฉัยว่าข้าถูกวางยาพิษ”
ชายหนุ่มมองออกไปข้างนอกห้องและคิดถึงหญิงสาวที่เพิ่งประจันหน้ากับกลุ่มชายชุดดำอย่างไม่เกรงกลัว ขณะกล่าวอย่างใจเย็น
“แม่นางผู้นั้นจับชีพจรของข้าและวินิจฉัยว่าข้าถูกวางยาพิษในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ! ยิ่งไปกว่านั้นนางยังมอบยาให้ข้าอีกด้วย !”
ชายหนุ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แม่นางผู้นั้นใช้เข็มเงินเป็นอาวุธ นอกจากนี้ยังเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว แม่นยำ และอันตรายถึงชีวิต ซึ่งแสดงให้เห็นว่านางเชี่ยวชาญเรื่องจุดฝังเข็มอย่างลึกซึ้ง ยิ่งไปกว่านั้นนางจะต้องผ่านการฝึกฝนมานานหลายปีถึงได้เก่งกาจระดับนี้ได้
ดูเหมือนว่านางจะมีอายุเพียงสิบสี่หรือสิบห้าปีเท่านั้น แล้วผู้ใดฝึกฝนนางเล่า ? นางโผล่มาในตรอกด้วยความบังเอิญหรือจงใจกันแน่ ?
“นายท่านกำลังพูดถึงแม่นางที่พวกเราเจอในตรอกหรือ ? ท่านต้องการสืบหาตัวตนของนางหรือไม่ ? เนื่องจากนางสามารถวินิจฉัยอาการของท่านได้ บางทีนางอาจจะรู้วิธีชำระพิษก็เป็นได้ขอรับ”
ในตอนนั้นโม่ตงไม่มีเวลาที่จะคิดถึงเรื่องนั้นเพราะเจ้านายของเขาถูกวางยาพิษ ไม่คาดคิดว่าหญิงสาวผู้นั้นจะเก่งกาจถึงขั้นวินิจฉัยว่านายท่านถูกวางยาพิษในเวลาอันสั้น
ชายหนุ่มส่ายหน้า แม้ในใจเขาจะมีข้อสงสัยมากมาย แต่ความตื่นตระหนกที่ฉายในนัยน์ตาดอกท้อขณะเผชิญหน้ากับชายชุดดำที่กำลังจะฆ่านางไม่อาจปกปิดได้ !
ชายหนุ่มก้มมองรอยฟันที่ปรากฏเด่นชัดบนหลังมือของตน เขาพลันคลี่ยิ้มบาง ๆ อย่างไม่รู้ตัวและไม่ทันสังเกต
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ชายหนุ่มมีลางสังหรณ์ว่าเขาจะต้องพบเจอหญิงสาวคนนั้นอีกแน่นอน !
“นายท่าน ! ท่านฟื้นแล้วหรือขอรับ ?”
ชายชุดดำที่มีรูปร่างผอมบางกว่าโม่ตงเดินเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มมีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เขาก็รีบโค้งคำนับทันที
“โม่เป่ยผลการสอบสวนเป็นอย่างไรบ้าง ?”
โม่ตงถามเมื่อเห็นผู้มาเยือน
“นายท่าน พวกเรายืนยันตัวตนของมือสังหารได้แล้ว ซึ่งกองกำลังซากศพเหล่านั้นคือทหารจากจวนองค์ไท่จื่อขอรับ !”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร