นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร นิยาย บท 16

ตอนนี้เวลาผ่านไปสองชั่วยามแล้ว แต่ประตูจวนมู่หรงยังคงสว่างไสว ทั้งยังมีผู้คนมากมายยืนอยู่ข้างนอกประตู

เมื่อเห็นเช่นนั้น มู่หรงจิ่นก็ฉีกผ้าชิ้นหนึ่งจากเสื้อชั้นในแล้วนำมันมาปิดบังใบหน้า

“ข้าได้ยินมาว่า ‘คุณหนูใหญ่อัปลักษณ์’ หายตัวไปตอนอยู่ที่เทศกาลโคมไฟ !”

“จริงรึ เป็นไปได้หรือไม่ว่านางถูกใครบางคนลอบสังหารไปแล้ว ? แต่หากยังรอดชีวิตแล้วกลับมาที่นี่ ข้าว่านางจะต้องไม่บริสุทธิ์แล้วแน่นอน !”

“ใช่ ๆ! ชื่อเสียงของหญิงสาวสำคัญยิ่งนัก ‘คุณหนูใหญ่อัปลักษณ์’ มีวาสนาได้แต่งงานกับเชื้อพระวงศ์ แต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ช่างโชคร้ายเสียจริง !”

“หึ ต้องเป็นเพราะฟ้าดินไม่ยินยอมให้อ๋องเยี่ยนแต่งงานกับคนอัปลักษณ์ นางถึงได้รับกรรมเช่นนี้ !”

“เฮ้อ น่าเวทนายิ่งนัก คุณหนูใหญ่ผู้นี้จะต้องเป็นตัวอัปมงคลแน่นอน !”

“ใช่ ! แม้แต่บ่าวรับใช้คนสนิทยังต้องทนทุกข์ตามไปด้วย !”

“...”

มู่หรงจิ่นฟังเหล่าชาวบ้านสนทนาปนเย้ยหยันตนขณะคิดในใจว่าอะไรคือการลงโทษของฟ้าดิน ? นี่เป็นการสมรู้ร่วมคิดของหลิวเหม่ยน่ากับมู่หรงเหยาชัด ๆ !

มู่หรงจิ่นเดินฝ่าฝูงชนออกไปและเห็นบ่าวรับใช้สองสามคนถือไม้พายแล้วฟาดไปยังสาวรับใช้ที่นอนอยู่บนพื้น คนผู้นั้นคือเสี่ยวหลิงนี่ !

นอกจากหลิวเหม่ยน่าและมู่หรงเหยาที่เป็นผู้บงการการลอบสังหารเมื่อครู่แล้ว ยังมีมู่หรงเซิ่งผู้น่ารังเกียจยืนอยู่ในจวนด้วย

“หยุดนะ !”

ทันทีที่มู่หรงจิ่นตะโกน ความสนใจของทุกคนที่มุ่งมาที่นาง

“ผู้ใดกล้าขัดคำสั่งนายท่าน !”

แม่นมเฉินบ่าวรับใช้คนสนิทของหลิวเหม่ยน่าตวาดเสียงดังก่อนที่จะเห็นต้นเสียงด้วยซ้ำ นางช่างเป็นคนอันธพาลเสียจริง !”

“แม่นมเฉิน ไม่ได้เจอกันแค่สองชั่วยาม เจ้าถึงกับจำข้าไม่ได้เลยรึ !”

มู่หรงจิ่นก้าวเท้าขึ้นบันไดและไปหยุดอยู่ตรงหน้าแม่นมเฉิน

“คะ... คุณหนูใหญ่ ! ท่านมา... ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ !”

แม่นมเฉินตกใจราวกับเห็นผี ก่อนก้าวถอยหลังไปหลายก้าวแล้วล้มลงกับพื้น

“แม่นมเฉินพูดว่าอะไรนะ ? เจ้าไม่ต้องการให้ข้าโผล่มาที่นี่งั้นรึ ?”

แม้ว่ามู่หรงจิ่นจะกล่าวกับแม่นมเฉิน แต่สายตาของนางกลับจับจ้องไปที่หลิวเหม่ยน่า

ตามที่คาดการณ์ไว้ ใบหน้าของหลิวเหม่ยน่าซีดเผือดเพราะการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของมู่หรงจิ่น นางไม่กล้าแม้แต่จะสบตามู่หรงจิ่นด้วยซ้ำ

“เรียนท่านพ่อ ลูกบังเอิญพลัดหลงกับบ่าวรับใช้ที่งานเทศกาลโคมไฟจึงกลับบ้านช้า ท่านพ่อโปรดลงโทษลูกด้วยเจ้าค่ะ !”

มู่หรงจิ่นคุกเข่าลงและคำนับ แม้มู่หรงเซิ่งจะโมโหบุตรสาวมากเพียงใด ทว่าเขาก็ไม่อาจแสดงมันออกมาต่อหน้าสาธารณชนได้

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ !”

ต่อหน้าผู้คนมากมายในเมืองหลวง มู่หรงเซิ่งไม่อาจตัดสินเรื่องนี้ด้วยความลำเอียงได้ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องความบริสุทธิ์ของมู่หรงจิ่นเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงตระกูลมู่หรงอีกด้วย !

“คุณหนูใหญ่ แต่สาวรับใช้ของท่านเพิ่งสารภาพว่าท่านถูกโจรภูเขาปล้น พวกเราจึงเป็นห่วงท่านยิ่งนัก เช่นนั้นท่านหลบหนีด้วยวิธีใดหรือ ?”

แม้หลิวเหม่ยน่าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้มู่หรงจิ่นหลบหนีออกมาได้ แต่เนื่องจากในคืนนี้มู่หรงจิ่นยังมีชีวิตอยู่ นั่นหมายความว่าเป้าหมายของนางยังไม่บรรลุ ดังนั้นหลิวเหม่ยน่าจึงไม่ยอมแพ้ !

เมื่อเหล่าชาวบ้านที่อยู่รอบ ๆ ได้ยินหลิวเหม่ยน่าพูดเช่นนั้น ก็เกิดความโกลาหลทันที พวกเขาต่างซุบซิบว่าในเมื่อ ‘คุณหนูอัปลักษณ์’ ถูกโจรปล้น นางจะต้องไม่บริสุทธิ์แล้วแน่นอน !

“ท่านป้าหลิว ข้าบอกว่าผู้คนในงานเทศกาลโคมไฟแออัดเกินไปจึงพลัดหลงกับเสี่ยวหลิง และสาเหตุที่เสี่ยวหลิงพูดเช่นนั้นเป็นเพราะนางเป็นห่วงข้าและต้องการให้คนในจวนนี้ออกตามหาข้าก็เท่านั้นเจ้าค่ะ !”

มู่หรงจิ่นชี้ไปยังเสี่ยวหลิงที่ถูกบ่าวรับใช้เฆี่ยนตีมากกว่าสิบครั้ง ทั้งยังได้ยินเสียงชาวบ้านเหยียดหยามและหัวเราะอย่างเย็นชา

“พี่หญิงใหญ่ ! เหตุใดท่านต้องโกหกเพื่อสาวรับใช้ด้วยเล่า ? ข้าและน้องซินเห็นกับตาว่าท่านถูกชายสวมหน้ากากสี่คนลักพาตัวไป !”

เมื่อมู่หรงเหยาเห็นว่ามู่หรงจิ่นยังมีชีวิตรอด นางก็โกรธจนปากสั่นและเริ่มใส่ความอีกฝ่ายอย่างโหดเหี้ยม

เหล่าชาวบ้านอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงฮือฮาเมื่อได้ยินว่ามู่หรงจิ่นถูกโจรสวมหน้ากากสี่คนลักพาตัวไป ! นางจะต้องสูญเสียความบริสุทธิ์แล้วเป็นแน่ !

“น้องหญิงรอง เหตุใดเจ้าถึงยืนกรานว่าข้าถูกลักพาตัวไปเล่า ?”

มู่หรงจิ่นไม่สนใจเสียงนินทาของชาวบ้าน นางมองตรงยังมู่หรงเหยาและกล่าวด้วยความประหลาดใจ

“พวกเราไปลอยโคมที่ริมแม่น้ำด้วยกัน แต่จู่ ๆ ชายสวมหน้ากากสี่คนก็ปรากฏตัวขึ้น น้องซินก็เห็นเช่นเดียวกับข้า หากไม่เชื่อท่านลองถามนางก็ได้”

มู่หรงเหยากล่าวพลางชี้ไปยังมู่หรงซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นาง ดูเหมือนว่ามู่หรงซินจะยังงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่หลังจากที่นางได้ยินคำพูดของมู่หรงเหยา นางก็หลุดออกจากห้วงความคิดอีกครั้ง

“หากเป็นจริงตามที่น้องหญิงรองเล่ามา เจ้าและน้องซินก็อยู่ด้วย แต่เหตุใดพวกโจรถึงลักพาตัวข้าแล้วปล่อยตัวเจ้าไป ? และเหตุใดเจ้าถึงกลับมาอย่างปลอดภัย ส่วนตัวข้าต้องหลบหนีเล่า ?”

เมื่อมู่หรงจิ่นกล่าวเช่นนั้น ผู้คนก็สังเกตเห็นว่าทั้งสองคนดูไม่เหมือนหญิงสาวที่เพิ่งถูกโจรปล้น แต่เหมือนกับนักเรียนที่ซักถามอาจารย์อย่างขยันขันแข็ง

เหล่าชาวบ้านพลันแตกตื่นทันที จริงรึ ! ในเมื่อคุณหนูรองอยู่ที่นั่นด้วย เหตุใดพวกนางถึงไม่ถูกลักพาตัวไปด้วย ? โจรเหล่านั้นตาบอดรึ ถึงไม่ลักพาตัว ‘หญิงผู้มากความสามารถ’ แต่กลับปล้นหญิงอัปลักษณ์งั้นรึ ?

“คุณหนูใหญ่ ! แน่นอนว่าคุณหนูรองไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น ! ข้าเพิ่งได้ยินสาวรับใช้ของท่านสารภาพเช่นนั้น และตอนนี้ผมท่านก็ยุ่งเหยิงไม่เรียบร้อย แล้วท่านจะไม่ให้พวกเราตั้งคำถามเช่นนั้นได้อย่างไร !”

เมื่อหลิวเหม่ยน่าได้ยินว่าความคิดเห็นของสาธารณชนไม่ได้เข้าข้างมู่หรงเหยาอีกต่อไป นางจึงเงียบและพยายามเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น และแน่นอนว่าหลิวเหม่ยน่าประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวมู่หรงเซิ่งและคนอื่น ๆ ให้สนใจเส้นผมอันยุ่งเหยิงของมู่หรงจิ่น เกิดอะไรขึ้นกับนางกัน ?

“หืม ? ท่านป้าหลิวไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าปิ่นปักผมของข้าหายไป ! บางทีมันอาจจะบังเอิญหลุดในตอนที่ข้าเดินเล่นก็เป็นได้ มันก็แค่ปิ่นปักผมอันเดียว แต่ถ้าหากท่านป้าหลิวไม่พอใจ พรุ่งนี้ข้าจะสั่งให้บ่าวรับใช้ไปตามหาก็ได้เจ้าค่ะ !”

มู่หรงจิ่นแสร้งจับผมของตนด้วยความประหลาดใจ ขณะมองหลิวเหม่ยน่าด้วยสายตาเกรงกลัว

ผู้คนต่างให้ความสนใจกับหัวข้อใหม่ หลังจากที่มู่หรงจิ่นกล่าวเช่นนั้น เหล่าชาวบ้านก็เริ่มซุบซิบอีกครั้ง

ฮูหยินตระกูลมู่หรงตระหนี่เสียจริง นางเพียงแค่ทำปิ่นปักผมหล่นหายเท่านั้น นอกจากนี้มู่หรงจิ่นยังเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่หรง หากนางถูกทำโทษเพราะเรื่องปิ่นปักผมที่หายไป เช่นนั้นดูเหมือนว่าฮูหยินจะปฏิบัติต่อนางอย่างใจร้ายไม่น้อย !

“คุณหนูใหญ่พูดเรื่องอะไรกัน ปิ่นปักผมเป็นแค่ของนอกกาย ท่านปลอดภัยดีหรือไม่ ? หากถูกโจรปล้นจริง ๆ ก็อย่าปิดบังพวกเราเลย นายท่านจะต้องให้ความยุติธรรมต่อท่านอย่างแน่นอน !”

หลิวเหม่ยน่ายังคงไม่ยอมแพ้ ในเมื่อไม่สามารถสังหารมู่หรงจิ่นได้ เช่นนั้นก็ทำลายชื่อเสียงของนางให้ป่นปี้ไปเสีย !

“ท่านป้าหลิวพูดเช่นนั้นหมายความว่าท่านต้องการให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับข้างั้นรึ ?”

เมื่อมู่หรงจิ่นกล่าวเช่นนั้น เหล่าชาวบ้านก็เข้าใจเบื้องลึกเบื้องหลังทันทีว่าแม่เลี้ยงเกลียดชังลูกเลี้ยงจนทนไม่ไหวและต้องการสังหารนางให้พ้นทาง !

“พอแล้ว! หยุดเถียงกันแล้วเข้าไปในจวนสักที แค่นี้ยังอับอายไม่พออีกรึ ?”

มู่หรงเซิ่งจดจำสิ่งที่หลิวเหม่ยน่ากล่าวเมื่อครู่ได้ เขาพลันสงสัยทันทีว่าเรื่องนี้มีบางอย่างแปลกประหลาดไป !

ถึงกระนั้นเขายังสังเกตได้ว่ามู่หรงจิ่นนิ่งเฉยเกินไป ไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งถูกโจรป่าลักพาตัว

หากทุกคนจินตนาการว่าหญิงสาวอายุสิบหกปีที่อาศัยอยู่ในเรือนหลังจวนตลอดเวลาจะต้องตื่นตระหนกอย่างมากหากเจอเข้ากับพวกโจร นอกจากนี้มู่หรงจิ่นยังพูดจาฉะฉาน ดังนั้นมู่หรงเซิ่งอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเรื่องหัวขโมยเป็นเรื่องจริงหรือไม่

ไม่ว่าจะมีโจรจริง ๆ หรือไม่ แต่พฤติกรรมของหลิวเหม่ยน่าที่พยายามทำให้มู่หรงจิ่นอับอายต่อหน้าผู้คนช่างน่าสงสัยอย่างมาก

แม้ว่าหลิวเหม่ยน่าจะไม่ชอบมู่หรงจิ่นเพราะนางคือบุตรสาวคนโตของตระกูลมู่หรง แต่อย่างไรเสียนางก็ควรระงับอารมณ์เมื่ออยู่ต่อหน้าคนภายนอก ทั้งยังไม่คำนึงถึงชื่อเสียงของตระกูลมู่หรง ยิ่งไปกว่านั้นนางยังกล่าวคำว่า ‘ถูกโจรลักพาตัวไปอีกด้วย’

นอกจากนี้เขายังเห็นว่าเสื้อผ้าของมู่หรงจิ่นยังมีสีซีดอีกด้วย ฮึ่ม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือครอบครัวของมู่หรงผิงก็อยู่ที่นั่นด้วย ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องที่สามารถปล่อยผ่านได้ !

“ท่านพ่อ ! ข้ากำลังจะบอกความจริงแก่ท่าน !”

เมื่อมู่หรงเหยาเห็นว่ามู่หรงจิ่นยังมีชีวิตรอดและชื่อเสียงของนางก็ยังไม่ถูกทำลาย แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้รับการลงโทษใด ๆ แต่ความคับแค้นในใจของนางในวันนี้จะต้องถูกสะสาง !

เมื่อเห็นท่าทีไม่พอใจของมู่หรงเหยา เหล่าชาวบ้านก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับนาง

“หากเจ้ายังพูดจาไร้สาระ ก็ไปนั่งสำนึกผิดที่ หอบรรพชนเสีย !”

มู่หรงเซิ่งสะบัดแขนเสื้อก่อนเดินจากไปพร้อมบ่าวรับใช้

เสี่ยวหลิงกระเสือกกระสนลุกยืนขึ้น จากนั้นเดินเข้าไปหามู่หรงจิ่นแล้วกล่าว “คุณหนู !”

“กลับไปที่เรือนจิ่นยู่กันเถอะ !”

มู่หรงเหยาส่งยิ้มเย็นชาไปให้หลิวเหม่ยน่าและมู่หรงเหยา และเมื่อเดินผ่านทั้งสองนางก็หยุดฝีเท้า

“ครั้งหน้ามันคงไม่ง่ายเหมือนการนั่งสำนึกผิดที่หอบรรพบุรุษหรอกนะ !”

สิ้นคำ มู่หรงจิ่นก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

ร่างกายของหลิวเหม่ยน่าและมู่หรงเหยาสั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้ ขณะที่ทั้งสองขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร