นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร นิยาย บท 15

จู่ ๆ ชายชุดดำก็ชักกระบี่สีเงินแวววาวออกมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันเฉียบคมอย่างมาก

“บัดซบ !”

มู่หรงจิ่นอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา ด้านหน้าของนางคือกลุ่มชายชุดดำ ส่วนข้างหลังคือชายแปลกหน้า แต่เมื่อมองไปที่คมกระบี่ นางก็ต้องก้าวถอยหลังสองสามก้าว

หากอยู่ในยุคปัจจุบัน นางไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวคนเหล่านี้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้นางเหลือเข็มเงินเพียงหกเข็มเท่านั้น อีกทั้งตรอกแห่งนี้ยังแคบมาก นับประสาอะไรกับการหลบหนี ดังนั้นไม่ต้องคิดถึงเรื่องมีชีวิตรอด !

หากนางคาดเดาถูก คนเหล่านี้กำลังตามล่าชายที่อยู่ข้างหลังนางแน่นอน

“เฮ้... พวกเจ้าเข้ามาทีละคนได้หรือไม่ ?”

หลังจากประเมินสถานการณ์แล้ว มู่หรงจิ่นก็เดินถอยหลังไปหนึ่งก้าวและไปสมทบกับชายแปลกหน้าเพื่อต่อกรกับชายชุดทำ นางถึงจะได้มีชีวิตรอดออกไป

“...”

มู่หรงจิ่นไม่ได้ยินเสียงตอบคำถาม นางจึงหันมองไปข้างหลัง ไม่คาดคิดว่าจะเห็นชายผู้นั้นใช้มือกุมหน้าอกขณะเลือดไหลออกจากมุมปาก

จู่ ๆ มู่หรงจิ่นก็จำได้ว่าเมื่อครู่ตนเพิ่งจับชีพจรของเขา นางจึงอดไม่ได้ที่จะสบถว่า “ให้ตายสิ”

เมื่อกลุ่มชายชุดดำเห็นท่าทีของชายผู้นั้น พวกมันก็ฮึกเหิมขึ้นอย่างมาก จากนั้นยกกระบี่ขึ้นแล้ววิ่งกรูเข้าไปหาทั้งสองคนโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

ชายชุดดำคนหนึ่งวิ่งเข้าไปหามู่หรงจิ่น เมื่อเห็นว่ากระบี่กำลังฟาดลงมาที่ตน นางก็แทงเข็มเงินเข้าไปในหลอดเลือดแดงของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ทำให้ชายชุดดำล้มลงกับพื้นราวกับถูกเจาะลม

ขณะเดียวกันคนอื่น ๆ ก็พุ่งทะยานเข้ามาทางนาง มู่หรงจิ่นไม่มีเวลาล้วงเข็มเงินออกมา นางจึงเอื้อมมือออกไปข้างหน้า

นางใช้แขนรัดคอของอีกฝ่ายแล้วใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งหักคอของเขาจนเกิดเสียงดัง “กึก” ทันใดนั้นชายชุดดำก็หมดลมหายใจลง อย่างไรก็ตามมู่หรงจิ่นโยนร่างของเขาออกไปโดยไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำ

“ฆ่านังผู้หญิงคนนี้ก่อน !”

ชายชุดดำสามคนเปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อเห็นพี่น้องสองคนของพวกเขาถูกฆ่าตาย

เหล่าชายชุดดำคิดว่ามันคงไม่ง่ายที่จะฆ่ามู่หรงจิ่นแล้วตามด้วยชายหนุ่มคนนั้น

มู่หรงจิ่นมองชายชุดดำสามคนที่วิ่งตรงเข้ามา นางกัดฟันแล้วเหวี่ยงเข็มเงินทั้งห้าเล่มในมือออกไป นางไม่สามารถรับประกันได้ว่าเข็มจะเข้าเป้าหมายกี่เล่ม

เมื่อได้ยินเสียง “ฉึก” เข็มเงินทั้งห้าเล่มก็พุ่งไปตรงหน้าชายชุดดำ เข็มเล่มหนึ่งแทงเข้าบริเวณหลอดเลือดแดงของชายชุดดำที่กำลังเหวี่ยงกระบี่ไปที่มู่หรงจิ่น ขณะที่อีกสามเล่มแทงเข้าไปที่เข่าชายชุดดำที่วิ่งตามมาและแทงทะลุตาขวาของชายอีกคนหนึ่ง

ไม่เพียงแต่ชายชุดดำคนแรกที่เสียชีวิต แต่อีกสองคนที่ตามมาก็ล้มลงด้วยความเจ็บปวด มู่หรงจิ่นรีบหยิบกระบี่ของชายชุดดำที่ตกลงบนพื้นก่อนก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว จากนั้นแกว่งมันไปข้างหน้าอย่างสง่างาม ทันใดนั้นเลือดสีแดงฉานก็ไหลทะลักออกมาจากคอของชายชุดดำที่ถูกเข็มแทงเข้าไปที่เข่า

ชายชุดดำที่ถูกเข็มแทงเข้าตาขวาเห็นเช่นนั้นก็คลุ้มคลั่งและยกกระบี่ขึ้นแทง ทว่ามู่หรงจิ่นไม่อาจหลบหลีกได้ทันเวลา นางได้ยินเพียงเสียงกวัดแกว่งกระบี่ในอากาศ จากนั้นไม่นานทุกอย่างรอบตัวก็เงียบลง

มู่หรงจิ่นสามารถมองเห็นดวงตาของชายที่ยืนอยู่ข้างหลังชายชุดดำได้อย่างชัดเจน

ดวงตาของเขาส่องแสงระยิบระยับท่ามกลางแสงจันทร์ราวกับพลอยสีดำ แม้ดวงตาของเขาจะเป็นสีดำ แต่มันกลับส่องแสงเจิดจ้าในคืนมืดมิดจนดวงจันทร์และดวงดาวบนท้องฟ้าหม่นหมอง

ชายชุดดำถอยห่างจากมู่หรงจิ่นหนึ่งก้าว ขณะที่นางทำได้เพียงตอบสนองต่อภัยคุกคามได้เล็กน้อยเท่านั้น

“นายท่าน ! นายท่าน !”

เสียงฝีเท้าเร่งรีบของผู้ที่มาถึงหยุดอยู่ข้างหลังมู่หรงจิ่น จากนั้นนางก็ดิ้นเสียงคุกเข่าลงบนพื้น

“ข้าน้อยมาช้า ! นายท่านโปรดลงโทษข้าน้อยด้วย !”

ผู้ที่เพิ่งมาถึงคือโม่ตง ลูกน้องของชายผู้นั้น

น้ำเสียงสำนึกผิดของโม่ตงดังขึ้น ในที่สุดมู่หรงจิ่นก็สงบสติอารมณ์ลง จากนั้นอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึกสองสามครั้ง

“นายท่าน !”

เมื่อได้ยินเสียงตะโกน มู่หรงจิ่นก็เงยหน้าขึ้นและพบว่าชายหนุ่มที่ช่วยชีวิตนางในช่วงเวลาวิกฤตกระอักเลือดออกมากองใหญ่

เมื่อเห็นเช่นนั้น โม่ตงก็วิ่งไปข้างหน้าและประคองอีกฝ่ายเอาไว้

มู่หรงจิ่นลังเลอยู่ชั่วครู่ นางล้วงเข็มเงินออกมาแล้วเดินเข้าไปหาชายผู้นั้น นางนั่งลงข้าง ๆ เขาและพยายามยกแขนชายหนุ่มขึ้นแต่ลูกน้องของเขาหยุดเอาไว้ก่อน

“แม่นางผู้นี้ ! เจ้ากำลังจะทำอะไร ?”

โม่ตงมองมู่หรงจิ่นด้วยความระมัดระวังอย่างเต็มที่

แม้ชายผู้นั้นจะหายใจรวยริน แต่ดวงตาของเขายังคงเปล่งประกายและมองไปที่มู่หรงจิ่นด้วยความมุ่งมั่น

“ถ้านางอยากฆ่าข้า ข้าคงตายไปนานแล้ว !”

มู่หรงจิ่นไม่สนใจคำเตือนในสายตาของโม่ตงและยกแขนของชายผู้นั้นขึ้นมา ความเย็นเยือกแผ่ซ่านไปยังปลายนิ้วของนาง ก่อนที่มันจะเข้าสู่ร่างกายและไหลไปตามเส้นประสาททำให้ร่างกายมู่หรงจิ่นสั่นสะท้านอย่างไม่รู้ตัว

มู่หรงจิ่นตกตะลึงและชะงักไปชั่วครู่ นางเลิกแขนเสื้อเขาขึ้นและพบกับรอยสีม่วงบนแขน !

“ข้าเหลือเข็มเงินอยู่เล่มเดียว จึงทำได้เพียงปรับชีพจรของท่านให้คงที่เท่านั้น”

สิ้นคำ มู่หรงจิ่นก็แทงเข็มเงินเข้าไปในแขนของชายผู้นั้นอย่างแม่นยำ ทันใดนั้นรอยสีม่วงก็เคลื่อนจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง

ขณะที่มู่หรงจิ่นกำลังจะดึงมือกลับ ชายผู้นั้นก็คว้ามือนางเอาไว้

เมื่อเห็นเช่นนั้น สายตาของโม่ตงก็เปลี่ยนเป็นสงสัยทันใด

“เหตุใดเจ้าถึงช่วยข้า ?”

ในตอนนี้เสียงอันแผ่วเบาของชายผู้นั้นนุ่มลึกและมีเสน่ห์ขึ้น ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่มู่หรงจิ่น ภายใต้แสงจันทร์ในที่สุดเขาก็มองเห็นใบหน้าของนางได้อย่างชัดเจนแล้ว

แม้ผ้าคลุมสีขาวจะปกปิดใบหน้าของนางเกือบทั้งหมด แต่ดวงตากลมโตกลับมีเสน่ห์ราวกับดอกท้อที่เบ่งบานท่ามกลางแสงจันทร์

“ท่านชาย ข้าช่วยชีวิตท่าน ส่วนท่านก็ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ และข้าก็ไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณอื่น ขอตัวก่อนเจ้าค่ะ !”

มู่หรงจิ่นจ้องมองเข้าไปในดวงตาอันลึกล้ำราวกับแม่น้ำโดยไร้ความเกรงกลัว ถึงกระนั้นนางก็ไม่อาจอ่านความคิดของอีกฝ่ายได้ นางสะบัดมือให้พ้นจากการกอบกุมของเขาแล้วลุกยืนขึ้น

ชายผู้นั้นถูกลูกน้องพยุงให้ลุกยืนขึ้น ภายใต้แสงจันทร์ใบหน้าของเขายังคงเย็นชาและเย่อหยิ่งราวกับเทพเซียนผู้ที่กินอาหารต่างไปจากมนุษย์โลก

“ช้าก่อน !”

ชายผู้นั้นยังคงจับจ้องอยู่ที่มู่หรงจิ่น เขาเดินเข้าไปหานางหมายจะจับไหล่อีกฝ่ายเอาไว้ ทว่ามู่หรงจิ่นหลบหลีกได้ทัน เขาจึงคว้าได้เพียงผ้าคลุมหน้าของนางเท่านั้น

มู่หรงจิ่นหลบหลีกอย่างรวดเร็ว ทำให้ชายทั้งสองคนเห็นเพียงใบหน้าซีกขวาของนางเท่านั้น

ภายใต้แสงจันทร์สุกสกาว ใบหน้าที่ปราศจากผ้าคลุมของมู่หรงจิ่นงดงามราวหิมะ ขนตางอนยาวของนางหนาเป็นแพทำให้เกิดเงาเล็ก ๆ บนใบหน้า

ใบหน้าที่ไร้การแต่งแต้มสีสันถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีนวลของดวงจันทร์ ซึ่งทำให้ผู้พบเห็นต่างหลงใหล

“ท่านชายไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด !”

มู่หรงจิ่นยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ริมฝีปากบางของนางโค้งงามเข้ารูปอย่างมาก อีกทั้งน้ำเสียงยังไพเราะน่าฟังอีกด้วย

“อีกอย่างร่างกายของท่านได้รับพิษร้ายแรง ทางที่ดีควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดเจ้าค่ะ !”

หลังจากมู่หรงจิ่นพูดจบ นางก็เดินออกจากตรอกอย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับมามอง นางไม่คิดว่าผ้าคลุมหน้าของตนจะถูกอีกฝ่ายดึงออกไป เคราะห์ดีที่แสงในตรอกค่อนข้างมืดสลัว มิเช่นนั้นบนแผลบนใบหน้าจะต้องเปิดเผยตัวตนของนางอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่านางควรกำจัดรอยแผลประจำตัวให้เร็วที่สุด !

“นายท่าน ท่านต้องการห้าตามนางไปหรือไม่ขอรับ ?”

ชั่วขณะหนึ่งโม่ตงรู้สึกว่าความงามของมู่หรงจิ่นน่าทึ่งยิ่งนัก เขาไม่เคยพบเจอหญิงสาวที่สวยงามเช่นนี้มาก่อน แม้จะเห็นเพียงใบหน้าด้านข้าง แต่ความเย็นชาและความสง่างามที่แผ่ออกมาจากกระดูกทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมองนาง

“กลับจวนกันก่อนเถอะ !”

ชายผู้นั้นยังคงจับจ้องร่างที่เดินจากไปของมู่หรงจิ่น จากนั้นก้มลงมองผ้าพันแผลที่มือของเขาพลางขมวดคิ้วมุ่นขณะเผยสีหน้าซับซ้อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร