นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร นิยาย บท 14

มู่หรงจิ่นมองเสี่ยวหลิงที่ยืนอยู่ข้างหน้า เด็กสาวคนนี้มีความสูงเท่ากับนาง แขนที่ถูกกางออกสั่นเทาด้วยความกลัว ทว่าร่างกายกลับยืดตรงและมีความตั้งใจอันแน่วแน่ ทันทีที่เสี่ยวหลิงปลอบใจตนเองแล้ว นางก็เริ่มด่าอีกฝ่าย

“คนผู้นั้นจ้างพวกเจ้าให้มาฆ่าข้าในราคาเท่าไร ข้าจะจ่ายให้พวกเจ้าเป็นสองเท่า !”

เมื่อได้ยินบทสนทนาของกลุ่มโจร มู่หรงจิ่นก็รู้ได้ทันทีว่าพวกมันถูกจ้างมาเพียงเท่านั้น ไม่ต้องคิดก็สามารถคาดเดาได้ว่าผู้จ้างเป็นใคร

มู่หรงจิ่นเตรียมใจก่อนออกมาที่เทศกาลโคมไฟในคืนนี้แล้ว แต่นางไม่คิดว่ามันจะเป็นการลอบสังหาร หลิวเหม่ยน่าและลูกสาวเกลียดนางเข้าไส้จนอยากฆ่าปิดปากเลยหรือ ?

“สองเท่า ? พี่ใหญ่ เงินร้อยตำลึงเชียวนะ ! เงินหนึ่งร้อยตำลึงเพียงพอที่จะประทังชีวิตพี่น้องพวกเราเกือบครึ่งปีเลยนะ !”

ขณะนี้ดวงตาของชายรูปร่างผอมบางและอ่อนแอเป็นประกายเมื่อได้ยินมู่หรงจิ่นพูดถึงเงินหนึ่งร้อยตำลึง !

“เสี่ยวหลิง ประเดี๋ยวเจ้าวิ่งไปทางตะวันออก ส่วนข้าจะวิ่งไปทางตะวันตก เจ้าจงจำไว้ว่าต้องวิ่งหนีไปยังจวนมู่หรงสุดชีวิตและห้ามหันหลังกลับเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่ ?”

มู่หรงจิ่นเหลือบมอง ‘พี่ใหญ่’ ที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาเผยท่าทีราวกับกำลังชั่งน้ำหนักความน่าเชื่อถือของนางขณะที่เซียวหลิงกระซิบว่า

“ไม่มีทาง ! คุณหนู ข้าไม่มีวันทอดทิ้งท่าน !”

เสี่ยวหลิงปฏิเสธด้วยความไร้เดียงสา หากมู่หรงจิ่นถูกโจรกลุ่มนี้ฆ่าตาย นางก็จะไม่ให้อภัยตนเองตลอดชีวิต !

“นี่คือคำสั่ง ข้าบอกให้เจ้าวิ่ง เจ้าก็ต้องวิ่ง เข้าใจหรือไม่ ?”

มู่หรงจิ่นไม่ละสายตาจากกลุ่มโจรทั้งสี่คนแม้แต่ครู่เดียว ขณะเดียวกันบรรยากาศรอบตัวนางพลันเย็นเยียบอย่างไม่รู้ตัว

“เอาล่ะ ตราบใดที่เจ้าจ่ายเงิน ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป !”

‘พี่ใหญ่’ ผู้นำของกลุ่มไม่ได้โง่เขลา เงินหนึ่งร้อยตำลึงเพียงพอสำหรับพวกเขาที่จะกินดื่มอย่างสำราญ !

“ดี !”

มู่หรงจิ่นเอื้อมมือข้างขวาไปจับไหล่เสี่ยวหลิง ขณะใช้มือข้างซ้ายล้วงเข้าไปในแขนเสื้อ เมื่อพี่ใหญ่เห็นว่ามู่หรงจิ่นกำลังจะจ่ายเงิน เขาก็ก้าวไปข้างหน้า

เมื่อเสี่ยวหลิงได้ยินคำพูดของมู่หรงจิ่น ภายในใจของนางก็พลันเต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนออกจากจวนมู่หรงจิ่นไม่ได้นำเงินติดตัวออกมาด้วยมิใช่หรือ แล้วนางจะจ่ายเงินหนึ่งร้อยตำลึงในตอนนี้ได้อย่างไร ?

“วิ่ง !”

มู่หรงจิ่นใช้มือขวาผลักเสี่ยวหลิงให้ออกตัววิ่ง สิ้นเสียง เข็มเงินสามเล่มในมือซ้ายของนางก็พุ่งออกจากแขนเสื้ออย่างรวดเร็วและแทงเข้าที่บริเวณคอและหัวเข่าของ ‘พี่ใหญ่’

ขณะเดียวกันในสถานที่ที่ห่างจากแม่น้ำออกไปสองช่วงอาคาร ก็มีผู้ถูกลอบสังหารเช่นกัน

ชายชุดดำกลุ่มหนึ่งล้อมรอบชายหนุ่มสองคนที่อยู่บนหลังม้าเอาไว้ คนหนึ่งสวมชุดสีน้ำเงินครามและอีกคนหนึ่งสวมชุดสีดำ ชายหนุ่มทั้งสองยังคงนั่งอยู่บนหลังม้าด้วยท่าทีมั่นคงและสง่างามราวกับขุนเขา พวกเขาไม่เกรงกลัวศัตรู แต่กลับมองเหยียดหยามกลุ่มชายชุดดำที่มีประมาณยี่สิบคน

“นายท่านมีคำสั่งว่าถ้าพวกเราเด็ดหัวมันมาได้ ก็จะได้รางวัลเป็นทองคำหมื่นตำลึง !”

ผู้นำของชายชุดดำกล่าว เมื่อได้ยินคำว่า “ทองคำหนึ่งร้อยตำลึง” เหล่าลูกน้องก็เคลื่อนไหวด้วยดวงตาเป็นประกายทันที

“ทองคำหนึ่งหมื่นตำลึง ?”

ชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินครามที่นั่งอยู่บนหลังม้ายกยิ้มมุมปากด้วยความเย้ยหยัน

ทันใดนั้นแสงสีเงินก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ครั้ง ชายชุดดำหลายคนก็ถูกสังหารและล้มลงกับพื้น

“โม่ตง สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว !”

ชายชุดสีน้ำเงินครามกล่าวกับชายชุดดำที่หันหลังชนกับเขาด้วยท่าทีแข็งแกร่ง

โม่ตงเหลือบไปเห็นรอยสีม่วงปรากฏบนข้อมือของชายที่กำลังยืนหันหลังชนกับตน ทันใดนั้นหัวใจของเขาพลันสั่นไหว ชายชุดดำมากกว่าสิบสองคนห้อมล้อมอยู่ข้างหน้าเขา แต่ชายหนุ่มผู้นี้สามารถจัดการคนเหล่านั้นด้วยตัวคนเดียว

“นายท่าน ! ท่านอย่าฝืนเลยขอรับ ท่านเข้าไปพักที่นั่นก่อนเถิด !”

โม่ตงชำเลืองมองไปยังตรอกที่อยู่ข้างหลังและพร้อมที่จะคุ้มกันเจ้านายให้ออกไป

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ !”

ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินครามชำเลืองมองไปยังตรอกพร้อมขมวดคิ้ว

“ไม่ได้ ! นายท่าน ข้าจะทำผิดต่อท่านไม่ได้ !”

โม่ตงรู้ว่านายท่านกำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเขาจึงออกแรงเล็กน้อยเพื่อผลักอีกฝ่ายออกไปจากวงล้อม จากนั้นเขาก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าและต่อสู้กับเหล่าชายชุดดำ กระบี่กระทบกันเสียงดังฟังดูน่ากลัวอย่างมากในตอนดึกสงัดเช่นนี้

ริมแม่น้ำ ใกล้จุดลอยโคมไฟ

“นังสารเลว ! แกกล้าหลอกข้าได้ยังไง ! ส่งเงินมาเดี๋ยวนี้ !”

‘พี่ใหญ่’ ไม่คาดคิดว่ามู่หรงจิ่นจะวางแผนตลบหลัง ทำให้เขาดูเหมือนคนโง่ต่อหน้าคนอื่น ๆ น่ารังเกียจเสียจริง !

เมื่อทั้งสามคนได้ยินคำสั่งของ ‘พี่ใหญ่’ พวกเขาก็พุ่งทะยานไปข้างหน้า ขณะเดียวกันมู่หรงจิ่นก็ขว้างเข็มเงินออกมาอย่างรวดเร็ว แต่น่าเสียดายที่ร่างกายนี้อ่อนแอเกินไป ทำให้แรงส่งในการขว้างเข็มเงินน้อยลง ดังนั้นอัตราการโจมตีจึงต่ำเกินไป !

ตอนนั้นเอง ‘พี่ใหญ่’ วิ่งเข้าไปหามู่หรงจิ่น ขณะที่เขากำลังจะฟาดดาบลงมาที่นาง มู่หรงจิ่นก็กระโดดหลบหลีกทำให้ปิ่นดอกเหมยหลุดร่วงลงมา เส้นผมเงางามราวกับเส้นไหมค่อย ๆ แผ่สบายจน ‘พี่ใหญ่’ ตกตะลึงไปชั่วขณะ

มู่หรงจิ่นไม่สามารถจัดการคนเหล่านี้เพียงลำพังได้อีกต่อไป นางจึงรีบลุกยืนขึ้นแล้ววิ่งไปทางตะวันตก

หากมู่หรงจิ่นจำไม่ผิด จวนมู่หรงอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณห้าช่วงอาคาร หากนางใช้ทางลัดก็สามารถไปถึงจวนมู่หรงก่อนที่จะถูกคนเหล่านี้จับตัวได้

“ตามไปเร็ว !”

‘พี่ใหญ่’ ออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว ก่อนวิ่งตามหญิงสาวพร้อมกับดาบเล่มใหญ่ในมือ

หลังจากวิ่งหนีได้ไม่ไกล มู่หรงจิ่นก็ตระหนักได้ว่าตนประเมินสมรรถภาพร่างกายของร่างนี้สูงเกินไป หลังจากผ่านไปเพียงสองช่วงตึก นางก็แทบจะหายใจไม่ทัน ในขณะที่กลุ่มชายฉกรรจ์วิ่งตามมาอย่างไม่ลดละ

มู่หรงจิ่นกัดฟันวิ่งเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ ที่สามารถเดินผ่านได้เพียงคนเดียว แม้จะแคบไปสักหน่อย แต่ก็เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการซ่อนตัวทีเดียว ดังนั้นมู่หรงจิ่นจึงมองหาที่ซ่อนอย่างระมัดระวังภายใต้แสงจันทร์

ทว่าหลังจากเดินเข้าไปเพียงไม่กี่ก้าว นางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอันเร่งรีบ ดังนั้นมู่หรงจิ่นจึงเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่ง

“โอ๊ย...”

หลังจากที่มู่หรงจิ่นเข้าไปในที่ซ่อน นางก็ชนเข้ากับกำแพงมนุษย์ ด้วยสัญชาตญาณนางพยายามที่จะออกห่างจากคนผู้นั้น แต่ก็ถูกใครบางคนคว้าตัวไว้เสียก่อน

มู่หรงจิ่นรีบคว้าข้อมือของชายผู้นั้นแล้วพยายามหักมันด้วยแรงที่มี แต่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะกระชากมือกลับราวกับล่วงรู้ความคิดนาง

มู่หรงจิ่นชื่นชมเขาในใจว่าทำได้ไม่เลว แต่มันสายเกินไปแล้ว นางถูกเขารวบข้อมือด้วยมือเพียงข้างเดียว จากนั้นกระชากนางให้เข้าไปในที่ซ่อนตัวอันคับแคบทำให้ขยับเขยื้อนไม่ได้

แม้ว่ามู่หรงจิ่นจะถูกลอบสังหารและหนีรอดมาได้ แต่หากร่างกายยังคงแข็งแรงดังเดิม มีหรือที่นางจะถูกอีกฝ่ายรวบข้อมือทั้งสองด้วยมือเพียงข้างเดียว !

ไม่ว่ามู่หรงจิ่นจะพยายามเพียงใด แต่นางก็ไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการได้ เมื่อเห็นว่ามู่หรงจิ่นยังคงพยายามต่อต้าน อีกฝ่ายจึงใช้มืออีกข้างหนึ่งรวบตัวนางเอาไว้

ไม่นานมู่หรงจิ่นก็สัมผัสได้ถึงของเหลวอุ่น ๆ ไหลผ่านเสื้อฟ้าของนาง ซึ่งของเหลวนั้นไหลออกมาจากหน้าอกของคนที่กำลังกอดนางจากด้านหลัง

“อย่าขยับ !”

น้ำเสียงของอีกฝ่ายเย็นชาและน่าเคลิบเคลิ้ม เปรียบเสมือนสายลมเย็นที่พัดผ่านตรอกอันเงียบสงัดแห่งนี้

อ้อมแขนแข็งแกร่งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนก็โอบรอบร่างกายของนาง ทันใดนั้นใบหูของมู่หรงจิ่นพลันร้อนผ่าวอย่างรวดเร็ว

“ไปกันเถอะ !”

มู่หรงจิ่นถูกอีกฝ่าย ‘โอบกอดจากด้านหลัง’ ดังนั้นนางจึงเคลื่อนไหวไม่ถนัดนัก พวงแก้มของนางเริ่มร้นขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นระส่ำ หากตอนนี้นางไม่หาทางหลุดพ้นจากพันธนาการของชายคนนี้ มีหวังว่าใบหน้าของนางจะต้องแดงฉานเป็นแน่

ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้มู่หรงจิ่นก้มลงมองมือของเขา จากนั้นกัดลงไปอย่างแรงโดยปราศจากความลังเล

ชายหนุ่มส่งเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดก่อนคลายมือ

มือของมู่หรงจิ่นถูกปล่อยเป็นอิสระ นางต้องการจะหนีออกไปจากที่นี่ แต่ไม่คาดคิดว่าชายชุดดำห้าคนจะปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า

“ดูซิว่าเจ้าจะไปได้ไกลแค่ไหนเชียว !”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร