“คุณหนูอย่าพูดเช่นนั้นเลย คุณหนูคือเลือดเนื้อเชื้อไขของคุฯหนูหว่านชิง ในสายตาของข้าน้อย ท่านคือเจ้านายของตระกูลเสิ่นนะขอรับ!”
เมื่อเถ้าแก่อู๋ได้ยินมู่หรงจิ่นพูดเช่นนี้ เขาก็รีบลุกขึ้นมา ทำความเคารพต่อมู่หรงจิ่น
มู่หรงจิ่นไม่รีบร้อน ในขณะกำลังมองเถ้าแก่อู๋อย่างเฉยเมย พลังอำนาจและความน่าเกรงขามที่อยู่ภายในดวงตาก็ไหลพรั่งพรูออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
แม้แต่แม่นมหลี่ที่ยืนอยู่ข้างหลังมู่หรงจิ่นก็สามารถรู้สึกได้เช่นกัน แม้ว่านางจะมองไม่เห็นสายตาของมู่หรงจิ่น แต่ทั้งร่างกายและจิตใจต่างก็รู้สึกเกร็งขึ้นมาหมดแล้ว
ในขณะที่แม่นมหลี่กำลังมองไปที่เถ้าแก่อู๋ที่ยังไม่ลุกขึ้น และมองไปที่มู่หรงจิ่นที่ยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างโดดเด่นสักครู่หนึ่ง นางก็รู้สึกว่าบรรยากาศโดยรอบล้วนแต่เบาบางลงไปมาก
“มีคำพูดประโยคนี้ของเถ้าแก่อู๋ ข้าย่อมวางใจอยู่แล้ว! ลุกขึ้นเถิด!”
มู่หรงจิ่นยิ้มอย่างสวยงาม และยกมือขึ้นเพื่อบอกให้เถ้าแก่อู๋ลุกขึ้นมา
ในเวลานี้นอกจากหน้าผากของเถ้าแก่อู๋จะปกคลุมไปด้วยเหงื่อบางๆหนึ่งชั้นแล้ว เขาก็คิดว่า คุณหนูท่านนี้ช่างแตกต่างจากในข่าวลือมาก! นางมีท่าทางขี้ขลาดและอ่อนแอตรงไหนกัน?
เถ้าแก่อู๋ลุกขึ้นมานั่งข้างๆ แม้ว่าในช่วงสิบหกปีที่ผ่านมานี้เขาจะไม่เคยเห็นมู่หรงจิ่นด้วยตาตนเองมาก่อน แต่ข้ากลับเคยได้ยินใครหลายคนพูดคุยกันว่ามู่หรงจิ่นอัปลักษณ์หาใดเปรียบ และบอกว่าคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่หรงนั้นเป็นเพียง “เศษขยะ”!
แต่นับตั้งแต่เมื่อสักครู่นี้จนถึงตอนนี้ ดวงตาทั้งสองข้างของมู่หรงจิ่นสว่างสุกใสอยู่เสมอ ท่วงท่าเยื้องย่างกรีดกรายล้วนเป็นท่วงท่าของทุกคน และน้ำเสียงในการพูดคุยก็เฉยเมยเสมอต้นเสมอปลาย
แต่กลับเป็นตัวเขาเอง เพราะว่าเขาได้พบเจอมู่หรงจิ่นที่เขาอยากเจอมาตลอดสิบหกปีแล้ว เขาจึงตื่นเต้นจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ แต่มู่หรงจิ่นได้จับจุดนี้เอาไว้อย่างหลักแหลม จึงได้การหยั่งเชิงและยืนยันระดับความซื่อสัตย์ภักดีของตัวเขาเอง
นี่คือ“คุณหนูใหญ่ผู้ไร้ประโยชน์”ที่อยู่ในคำล่ำลือตรงไหน! นี่ก็คือสาวน้อยที่ฉลาดเป็นกรดคนหนึ่งชัดๆ!
ดูเหมือนข่าวลือจะเป็นข่าวที่คนพูดต่อๆกันหลายคนจนมีคนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งไม่สามารถเชื่อถือได้ทั้งหมด! เถ้าแก่อู๋ยิ้มเยาะข่าวลือที่เขาเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ และสาบานว่าต่อไปนี้เขาจะไม่เชื่อข่าวลืออีกเด็ดขาด!
“คุณหนู สมุดบัญชีในช่วงสิบหกปีที่ผ่านมาของชิงเฟิงสวีไหลก่อนหน้านี้ได้ถูกส่งไปให้ท่านตรวจสอบแล้ว นี่คือสมุดบันทึกผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในร้านในขณะนี้ เชิญท่านตรวจดูเถิด!”
เถ้าแก่อู๋รู้ว่ามู่หรงจิ่นกำลังจะมา เขาจึงเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้เรียบร้อยตั้งนานแล้ว
เดิมทีเขายังคงกังวลใจว่าถ้าหากมู่หรงจิ่นเป็นเหมือนกับในข่าวลือ เช่นนั้นเขาก็คงทำได้เพียงอธิบายให้มู่หรงจิ่นฟังอย่างละเอียดทีละนิดละหน่อยเท่านั้น แต่ตอนนี้ เขารู้สึกว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องทำสิ่งนี้แล้ว!
“ดี.”
มู่หรงจิ่นรับสมุดบันทึกมา พลิกดูไปด้วย และฟังการบรรยายอย่างคร่าวๆจากเถ้าแก่อู๋ไปด้วย
“ปกติแล้วเวลาลูกค้ามาจำนำหรือไถ่ของกลับไป จะมีการบันทึกเอาไว้ทั้งหมด เราจะตรวจนับสิ่งของที่ลูกค้าไม่สามารถไถ่ถอนกลับไปได้เดือนละหนึ่งครั้ง หลังจากนั้นก็จะบันทึกลงในสมุดบันทึกเล่มนี้ขอรับ”
หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป มู่หรงจิ่นก็ปิดสมุดบันทึกเอาไว้
“สมุดบันทึกเป็นระเบียบชัดเจน มองปราดเดียวก็เข้าใจ คิดว่าเถ้าแก่อู๋จะต้องใช้ความคิดมากเลยทีเดียว!”
มู่หรงจิ่นวางสมุดบันทึกเอาไว้บนโต๊ะ แล้วพูดขึ้นมาในขณะที่กำลังมองเถ้าแก่อู๋อยู่
“ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าน้อยควรทำอยู่แล้วขอรับ!”
เถ้าแก่อู๋คิดไม่ถึงเลยว่ามู่หรงจิ่นจะสามารถมองเห็นร่องรอยของการทุ่มเททำงานของเขาจากสมุดบันทึกเล่มนี้ได้!
เดิมทีการซื้อขายในโรงรับจำนำนั้นซับซ้อนกว่า การซื้อขายทั่วไปมาก บางครั้งลูกค้าจะมาจำนำในวันนี้ แล้วก็มาไถ่คืนในวันพรุ่งนี้ พวกเขาไม่สามารถกำจัดสิ่งของที่นำมาจำนำเหล่านี้ได้โดยง่าย แต่ก็ไม่สามารถเก็บรักษาสิ่งของเหล่านี้เอาไว้ตลอดไปได้เช่นกัน
ดังนั้นในตอนแรก ในสมุดบันทึกของชิงเฟิงสวีไหล จึงซับซ้อนและวุ่นวายมาก เพื่อที่จะสามารถหาวิธีที่ดีมาทำการบันทึกได้แล้ว ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมานี้ เถ้าแก่อู๋จึงต้อนรับลูกค้าด้วยตัวเอง เข้าไปมีส่วนร่วมในการซื้อขายทุกครั้ง และทดลองทำวิธีตรวจนับสิ่งของเดือนละครั้งจากในนั้นออกมาด้วย
“เพียงแต่ ข้าคิดว่าตรวจนับเดือนละครั้ง มันไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกคนได้หรอก ลูกค้าของชิงเฟิงสวีไหลส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านธรรมดา สิ่งที่พวกเขานำมาจำนำ ล้วนแต่เป็นสิ่งของล้ำค่าที่สุดในบ้านนะ”
มู่หรงจิ่นได้ยินเถ้าแก่อู๋พูดเมื่อสักครู่นี้ ว่ามีลูกค้าบางคนที่ยังอยากจะไถ่ของหลังจากที่ผ่านไปมากกว่าหนึ่งเดือนแล้วเช่นกัน ถ้าของไม่ถูกกำจัด พวกเขาก็จะให้ลูกค้าไถ่ถอนกลับไปได้ แล้วขีดฆ่ารายการนี้ในสมุดบันทึกทันที
นี่ทำให้นางนึกถึงวิธีการหนึ่งที่จะสามารถแก้ปัญหานี้ให้ดียิ่งขึ้นขึ้นมาได้
“ใช่ แต่ถ้าไม่ถึงคราวจำเป็นจริงๆชาวบ้านจะไม่มาที่โรงรับจำนำหรอก ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วจึงไม่มีความสามารถในการไถ่คืนไปในช่วงเวลาอันสั้นได้ แต่เราก็ไม่สามารถเก็บของเหล่านี้เอาไว้ในคลังได้ตลอดเวลาเช่นกัน ทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ได้กำไรเท่านั้น แต่อีกไม่นานก็จะไม่มีสถานที่ที่จะสามารถเก็บของเอาไว้ได้แล้วนะ”
เถ้าแก่อู๋กำลังคิดถึงคำพูดของมู่หรงจิ่น ก่อนหน้านี้เขาก็เคยครุ่นคิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน แต่เขาคิดวิธีที่จะได้ผลดีด้วยกันทั้งสองฝ่ายไม่ออกจริงๆ
“เราสามารถจัดตั้งระบบไถ่ถอนแบบกำหนดเวลาขึ้นมาได้ จำนวนเงินที่จำนำและจำนวนเงินที่ไถ่ถอนจะแตกต่างกันตามเวลาที่กำหนดที่แตกต่างกันออกไป หากเลยเวลาที่กำหนดนี้แล้วยังไม่มาไถ่ของคืน พวกเราก็มีสิทธิ์ที่จะกำจัดสิ่งของที่นำมาจำนำ เถ้าแก่อู๋คิดว่าเป็นอย่างไร?”
มู่หรงจิ่นครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ลูกค้ามีความต้องการที่แตกต่างกัน แต่ถ้าชิงเฟิงสวีไหลสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่โรงรับจำนำอื่นไม่สามารถตอบสนองได้ นี่ก็คือโอกาสทางธุรกิจ
“ความหมายของคุณหนูคือ จำนวนเงินที่จำนำควรตั้งให้สูงขึ้นหน่อย จำนวนเงินที่ไถ่ถอนควรตั้งให้ต่ำลงหน่อยในเวลาอันสั้น และจะต้องใช้เวลานานจึงจะสามารถไถ่ของคืนได้ จำนวนเงินที่จำนำควรตั้งให้ต่ำลงหน่อย ส่วนจำนวนเงินที่ไถ่ถอนควรตั้งให้สูงขึ้นหน่อยอย่างนั้นหรือ? ว่าแต่ลูกค้าจะยอมรับมาตรฐานที่แตกต่างกันได้หรือขอรับ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร
ขอทางทีมงานอัพเดทเรื่องนี้ด้วยนะคะ...
ลงตอนต่อไปเมื่อไรหรอค้ะ😭...
รออ่านอยู่นะคะ...
ตงต่อได้มั้ยค่ะ...
ง่าส์ แอด ไม่ลงแล้วหรอ รอทุกวันเลยนะนี่...
รออออ...
วันนี้ไม่ลงหรอค่ะ...
ขอบคุณค่ะ...
ลงต่อทุกวันน้าาาาา แอดคนดี คนน่ารัก love love...
ขอบคุณมากเลยค่ะ ❤...