เถ้าแก่อู๋ ได้ยินมานานแล้วว่าใบหน้าด้านซ้ายของมู่หรงจิ่นมีรอยประทับสีดำอยู่รอยหนึ่ง ตอนนี้นางสวมผ้าคลุมหน้าอยู่ เขาก็เลยไม่รู้ว่าข่าวลือนั้นจริงหรือเท็จ
“เถ้าแก่อู๋!”
เมื่อแม่นมหลี่ได้ยินเถ้าแก่อู๋ถามเรื่องรอยประทับของมู่หรงจิ่นขึ้นมา นางก็เลยอดไม่ได้ที่จะตวาดเขาไปหนึ่งที ซึ่งมันมีความหมายของการเตือนแฝงอยู่ด้วย
“ข้าน้อยล่วงเกินแล้ว!”
เมื่อเถ้าแก่อู๋เห็นปฏิกิริยาของแม่นมหลี่ เขาก็คิดว่าข่าวลือนั้นท่าจะเป็นความจริงเสียแล้ว
มู่หรงจิ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง บางที นี่อาจเป็นจังหวะโอกาสที่ดีก็ได้ ดังนั้นนางจึงเอ่ยปากพูดว่า:
“แม่นมหลี่ นี่ไม่ใช่ความลับอะไรหรอก ไม่มีใครในเมืองหลวงไม่รู้ว่าใบหน้าด้านซ้ายของข้ามีรอยประทับสีดำรอยหนึ่ง ซึ่งน่าเกลียดหาที่เปรียบมิได้”
มู่หรงจิ่นลูบไล้แก้มซ้ายของตัวเองผ่านผ้าคลุมหน้าที่กั้นอยู่ ในน้ำเสียงมีความอดกลั้นและความรันทดใจแฝงอยู่ด้วย
“คุณหนูไม่เคยไปพบหมอเลยหรือ? รอยประทับนี้ไม่มีวิธีกำจัดออกไปได้เลยหรือ?”
เถ้าแก่อู๋นึกขึ้นมาได้ว่า ในปีนั้นเสิ่นหว่านชิงเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเจียงหนาน แต่บุตรีของนางกลับมีใบหน้าเช่นนี้ และถูกชาวโลกเยาะเย้ยว่าเป็นบุคคลที่มีหน้าตาอัปลักษณ์ โลกนี้ช่างไม่แน่นอนเสียจริงๆ!
“ไม่มี พ่อของข้าก็เป็นหมอหลวง ในจวนไม่มีหมอกับหมอหญิงเลย ย่ากับพ่อของข้าไม่สนิทกับข้า ข้าต้องปากกัดตีนถีบทุกย่างก้าวขณะที่อยู่ในจวน ข้าไหนเลยจะยังมีกำลังไปคิดหาวิธีลบรอยประทับให้หายไปได้อีกเล่า”
มู่หรงจิ่นถอนหายใจขณะที่กำลังพูด คล้ายกับหมดหนทาง คล้ายกับสงสารตัวเอง และคล้ายกับรู้สึกเสียใจมาก
“ข้าได้ยินมานานแล้วว่าจวนมู่หรงปฏิบัติต่อคุณหนูอย่างโหดร้ายทารุณยิ่งนัก! หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ! ตระกูลมู่หรงก็ทำเกินไปแล้วจริงๆ! ไม่เพียงแต่ไม่ปฏิบัติต่อคุณหนูหว่านชิงเป็นอย่างดี แต่ยังปฏิบัติต่อบุตรีภรรยาหลวงเพียงคนเดียวของตระกูลมู่หรงเช่นนี้อีกด้วย เหลวไหลสิ้นดี คุณหนูวางใจเถอะ ข้าน้อยจะต้องช่วยท่านหาแพทย์ที่มีชื่อเสียง หายาดีๆ มารักษารอยประทับนี้ให้หายดีได้อย่างแน่นอน!”
เถ้าแก่อู๋ยิ่งพูดยิ่งโกรธ ไม่ว่าอย่างไรตระกูลมู่หรงก็เป็นตระกูลของหมอหลวง และมู่หรงเซิ่งก็เป็นบุคคลใกล้ชิดที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้ด้วย คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำเรื่องที่โหดร้ายทารุณต่อบุตรีเช่นนี้ออกมาได้
“เช่นนั้นก็ต้องขอรบกวนเถ้าแก่อู๋แล้ว เพียงแต่ข้ายังหวังว่าเถ้าแก่อู๋จะไม่เปิดเผยเรื่องนี้ให้คนภายนอกได้รับทราบด้วย อย่างไรเสียข้าก็เป็นบุตรีของตระกูลหมอหลวงคนหนึ่ง ถ้ามีคนรู้ว่าแม้แต่ข้าเองก็ยังต้องออกไปหาหมอข้างนอก มันจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อท่านพ่อได้!”
มุมปากที่อยู่ใต้ผ้าคลุมหน้าของของมู่หรงจิ่นถูกดึงขึ้นมาเบาๆ รอยประทับได้ผ่านการทำความสะอาดมาแล้วสองครั้ง จึงจางลงแล้วไม่น้อย ต่อไปนี้หากมีใครพบว่ารอยประทับถูกลบออกไปแล้ว ก็ยังมีข้อแก้ต่างอยู่หนึ่งข้อเช่นกัน
“คุณหนู เวลาล่วงมาจนถึงตอนนี้แล้ว ท่านยังปกป้องตระกูลมู่หรงเช่นนี้อยู่อีกหรือเจ้าคะ?”
พอเถ้าแก่อู๋ได้ยินคำพูดของมู่หรงจิ่น เขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา ตระกูลมู่หรงรังแกผู้อื่นมากเกินไปแล้วจริงๆ ในตอนแรกพวกเขาเมินเฉยต่อเสิ่นหว่านชิงซึ่งเป็นผู้หญิงที่ทำการค้า ตอนนี้ก็ปฏิบัติต่อมู่หรงจิ่นอย่างโหดร้ายทารุณเพราะรูปลักษณ์ของนางอีก!
“เถ้าแก่อู๋ แม้ว่าข้าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากในตระกูลมู่หรง แต่ถึงอย่างไรข้าก็ยังเป็นบุตรีของตระกูลมู่หรง ตราบใดที่ข้ากับตระกูลมู่หรงยังมีความเกี่ยวข้องกันอยู่ ข้าก็ไม่สามารถทำเป็นไม่สนใจใยดีต่อชื่อเสียงของตระกูลมู่หรงได้"
สิ่งที่มู่หรงจิ่นพูดเป็นความจริง นางยังไม่มีหนทางออกมาจากตระกูลมู่หรงด้วยตัวของตัวเอง ดังนั้นนางจึงต้องระมัดระวัง หากมู่หรงเซิ่งรู้ว่านางไปหาหมอข้างนอก ถึงเวลานั้นสถานการณ์ของตนเองมีแต่จะยิ่งยากลำบากมากขึ้นเท่านั้น
“เป็นข้าน้อยเองที่มุทะลุไปพักหนึ่ง ข้าน้อยเพียงแต่รู้สึกน้อยใจต่อคุณหนูที่ยังต้องอดทนกับเรื่องทั้งหมดนี้ต่อไปน่ะขอรับ!”
เถ้าแก่อู๋ถูกคำพูดของมู่หรงจิ่นทำให้ตกตะลึงไปเสียแล้ว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า มู่หรงจิ่นจะเป็นคนคิดอะไรได้รอบรอบเช่นนี้ ดูไม่เหมือนเด็กสาวอายุสิบหกปีเลยคนหนี่งเลยสักนิด
“เถ้าแก่อู๋ ข้าอดทนมาสิบหกปีแล้ว จะทนต่อไปอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป ข้าเลิกคาดหวังมาตั้งนานแล้วว่าตระกูลมู่หรงจะปฏิบัติต่อข้าด้วยความกรุณา จากบทเรียนแห่งความล้มเหลวของแม่ข้าและประสบการณ์ในช่วงสิบหกปีที่ผ่านมานี้ของข้า ทำให้ข้าไม่คาดหวังอะไรกับตระกูลมู่หรงอีกต่อไปแล้ว!
และตอนนี้ข้าก็โตแล้ว ข้าเข้าใจหลักเกณฑ์ที่ว่าจะต้องพึ่งตัวเองในทุกๆเรื่องแล้ว ขอเพียงแค่ข้าแข็งแกร่งขึ้น ก็จะไม่มีใครรังแกข้าได้อีกและข้าก็จะสามารถปกป้องตัวเองและคนที่ข้าอยากจะปกป้องได้!”
มู่หรงจิ่นลูบถ้วยชาที่อยู่ในมือเบาๆ เสียงนั้นดูเหมือนกับว่าดังมาจากที่ไกลๆ มันดังก้องสะท้อนอยู่ในห้องที่เงียบสงบและว่างเปล่า จนทำให้ผู้คนรู้สึกว่าไม่เป็นความจริง
ในห้องนี้ไม่มีเสียงใดๆเลยอยู่นานมาก มู่หรงจิ่นเบนสายตามองไปที่เถ้าแก่อู๋ ราวกับว่าในขณะนี้เขาได้ยินความลับที่ยิ่งใหญ่อะไรเข้าแล้วอย่างไรอย่างนั้น เขาตะลึงงันอยู่กับที่ และจ้องมองที่มู่หรงจิ่นอย่างงุนงง
แล้วแม่นมหลี่ที่ยืนอยู่ข้างหลังก็สะอึกสะอื้นขึ้นมา “คุณหนู”
“แน่นอนว่า ข้ายังต้องการความช่วยเหลือจากพวกเจ้า!”
มู่หรงจิ่นยิ้มอย่างสวงงาม หรือว่าสองคนนี้จะถูกคำพูดของตนเองทำให้ตกใจไปเสียแล้ว?
“ในที่สุดคุณหนูก็คิดได้แล้ว! คุณหนูมีความตั้งใจที่แน่วแน่เช่นนี้ ข้าน้อยก็รู้สึกปลื้มปิติยิ่งนัก! ข้าน้อยจะนำคำพูดเหล่านี้ของคุณหนูไปถ่ายทอดให้ผู้จัดการและเถ้าแก่คนอื่นๆได้รับทราบ เชื่อว่าพวกเขาจะต้องทุ่มเทสติปัญญาทำงานเพื่อคุณหนูจนสุดชีวิตเช่นเดียวกับข้าอย่างแน่นอน! “
เถ้าแก่อู๋ใช้เวลาสักครู่จึงจะมีสติกลับมา ก่อนหน้านี้เสิ่นหว่านชิงถูกคำพูดที่หวานไพเราะของมู่หรงเซิ่งทำให้หลงใหล และไม่เคยถามเรื่องทรัพย์สินเลย
สิบหกปีที่ผ่านมานี้ มู่หรงจิ่นก็ไม่ได้สนใจใยดีพวกเขาเหล่านี้กับทรัพย์สินเช่นกัน หัวใจของพวกเขาก็เย็นชาลงอย่างช้าๆไปตั้งนานแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร
ขอทางทีมงานอัพเดทเรื่องนี้ด้วยนะคะ...
ลงตอนต่อไปเมื่อไรหรอค้ะ😭...
รออ่านอยู่นะคะ...
ตงต่อได้มั้ยค่ะ...
ง่าส์ แอด ไม่ลงแล้วหรอ รอทุกวันเลยนะนี่...
รออออ...
วันนี้ไม่ลงหรอค่ะ...
ขอบคุณค่ะ...
ลงต่อทุกวันน้าาาาา แอดคนดี คนน่ารัก love love...
ขอบคุณมากเลยค่ะ ❤...