นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร นิยาย บท 3

ชิวหลิงนึกถึงเฉินชุนเมื่อครู่ที่จู่ๆ ก็ถูกทำร้าย รวมถึงตนที่คุกเข่าโดยไม่อาจควบคุมตนเองได้ มองมู่หรงเหยาด้วยความลังเลครู่หนึ่ง สายตาเหี้ยมโหดของชิวหลิงทำให้นางจำต้องเลือก:

“ฮูหยิน! บ่าวได้ยินเสียงจึงรีบมาที่นี่เจ้าค่ะ คิดไม่ถึงว่า...จะเจอคุณหนูใหญ่กับ...คุณชายทำเรื่องเช่นนั้นกัน!”

ชิวหลิงเจตนาพูดคำว่า “เรื่องเช่นนั้น” อย่างชัดเจน

เวลานี้ หยินซิ่งซึ่งเป็นสาวใช้ประจำตัวของหลิวเหม่ยน่าเดินมาด้านหน้าหนึ่งก้าว เตือนชิวหลิงด้วยความเคร่งขรึม:

“อย่าพูดจาเหลวไหล! คุณหนูใหญ่เป็นถึงพระชายาเยี่ยนที่ฝ่าบาทสมรสพระราชทาน หากสิ่งที่เจ้าพูดเพร่งพรายออกไป จะถูกประหารเอาได้!”

คำพูดของหยินซิ่งคล้ายกำลังปกป้องมู่หรงจิ่น ทว่าเมื่อฟังอย่างถี่ถ้วนแล้วกำลังช่วยมู่หรงจิ่นปิดบังบางอย่าง

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่! พูดมาให้ชัดเจน!” มู่หรงเซิ่งไม่ได้โง่เขลา เมื่อได้ฟังเขาก็โมโหมากกว่าเดิม

“บ่าวรับใช้ของเรือนจิ่นยู่เล่า? เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้น เหตุใดจึงไม่มีใครอยู่! จวนมู่หรงเลี้ยงบ่าวรับใช้ที่ไม่ได้เรื่องเอาไว้หรืออย่างไร?”

มู่หรงเซิ่งวัยกลางคน เหตุเพราะเป็นหมอ สุขภาพร่างกายจึงดีมาก เสียงตะคอกของเขาเปี่ยมไปด้วยพลัง ทำให้ทุกคนหวาดกลัว

“นายท่านใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ! อย่าโมโหแล้วทำให้ตนเสียสุขภาพ! ฟังก่อนว่าชิวหลิงพูดเช่นไร?”

หลิวเหม่ยน่าไปด้านหน้าทันที ตบแผงอกของมู่หรงเซิ่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อยเผยความกังวลของนางออกมา มือที่ตบเบาๆ นั้นอ่อนโยนอย่างมาก ลูบจับคล้ายเข้าอกเข้าใจ ผู้ชายเห็นแล้วย่อมใจอ่อน

“หึ!” มู่หรงเซิ่งสะบัดแขนเสื้อ นั่งลงบนเก้าอี้ที่มีเพียงตัวเดียวในห้อง

“ชิวหลิง เจ้ายังไม่รีบเล่าสิ่งที่เห็นอีก? หากถ้อยคำใดโกหก ดูสิข้าจะจัดการเจ้าแทนฮูหยินอย่างไร!”

หยินซิ่งหันหลังให้มู่หรงเซิ่งและหลิวเหม่ยน่า ส่งสายตาให้ชิวหลิง

“บ่าวไม่กล้าเจ้าค่ะ! นายท่าน! ฮูหยิน! บ่าว...”

ขณะที่ชิวหลิงกำลังจะพูด “ความจริง”​กลับถูกเสียงหัวเราะเยือกเย็นขัดขึ้นก่อน:

“หึๆ ฮูหยิน?”

ทุกคนในเหตุการณ์ไม่คิดว่ามู่หรงจิ่นจะปริปากพูด ชั่วขณะหนึ่งทุกคนต่างตกตะลึง

มู่หรงจิ่นเงยหน้าขึ้นช้าๆ ใบหน้าซีดขาวที่เปื้อนเลือด ใบหน้าครึ่งหนึ่งหยาบกร้าน เปื้อนไปด้วยสีม่วงดำ อาศัยใบหน้าที่น่าสะอิดสะเอียนพูดถ้อยคำเช่นนี้ ทำให้ภายในห้องเย็นยะเยือกขึ้นมา

“เพี๊ยะ...”

ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง เสียงตบดังขึ้นในห้องที่ทรุดโทรม

ทุกคนต่างตกตะลึงกับการกระทำของมู่หรงจิ่น!

คุณหนูใหญ่ผู้ไม่เอาไหนในตำนานทำร้ายคนเนี่ยนะ!

แม้จะตบสาวใช้ แต่ต้องรู้ว่าแม้นางจะเป็นคุณหนูเอกแห่งจวนมู่หรง แต่บ่าวรับใช้ในจวนมู่หรงมีใครบ้างที่ไม่รู้ ไม่ว่าจะเป็นนายหรือบ่าว ล้วนทำร้ายมู่หรงจิ่นได้

ทว่าเวลานี้ นางกลับตบหน้าสาวใช้ประจำตัวของท่านป้าหลิว ต่อหน้ามู่หรงเซิ่ง!

ตบฉากนี้ไม่เพียงทำให้คนตกตะลึง แต่คล้ายกำลังตบหน้าท่านป้าหลิว

สำหรับมู่หรงเซิ่งที่รักท่านป้าหลิว ตบนี้ราวกับกำลังตบหน้าตน ด้วยเหตุนี้จึงถามด้วยความโมโห:“หญิงชั่วช้า!เจ้าทำอะไร?”

มู่หรงจิ่นมองเขาด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก:

“สาวใช้ในจวนไม่รู้จักสูงต่ำ คาดว่าน่าจะเป็นเพราะท่านป้าหลิวบกพร่องด้านการสอน ข้าในฐานะบุตรีเอกของจวนมู่หรงไม่อาจทนได้ จึงสั่งสอนแทนนาง”

กระทั่งใบหน้าข้างซ้ายมีความเจ็บปวดแผ่ซ่าน หยินซิ่งจึงมองไปที่มู่หรงจิ่นด้วยความไม่เชื่อสายตา โต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้:“บ่าวไม่ให้ความเคารพเมื่อใด...”

ทว่าตอนที่นางเพิ่งพูดจบ หน้าอีกข้างก็ถูกตบอีกครั้ง หยินซิ่งหน้ามืดล้มลงนั่งบนพื้นทันที มุมปากของนางมีเลือดไหลซิบ

หลิวเหม่ยน่าคิดไม่ถึงว่าขยะที่ปกติไม่กล้าแม้แต่จะสบตาตน ครานี้จะกล้าตบสาวใช้ประจำตัวของตน ชั่วขณะหนึ่งทั้งตกตะลึงทั้งโมโห เดินเข้าไปหาแล้วชี้หน้ามู่หรงจิ่น:

“เจ้าวิปลาสไปแล้วหรืออย่างไร? จึงกล้าตบสาวใช้ของแม่!”

หยินซิ่งดึงสติกลับมา จับมุมปาก ก้มหน้าลงมอง สิ่งที่อยู่ในมือกลับเป็นเลือด! ภาพตรงหน้ามืดไปชั่วขณะจนเกือบหมดสติ แต่ไม่อาจทำใจปล่อยมู่หรงจิ่นไปเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้จึงคลานไปหาหลิวเหม่ยน่า กอดขาของนางแล้วร้องไห้ “ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินต้องช่วยบ่าวนะเจ้าคะ!” สถานการณ์ดูน่าสลดยิ่งนัก

ทว่ามู่หรงจิ่นกลับทำเหมือนมองไม่เห็น รอยยิ้มเยือกเย็นในนัยน์ตาของนางและรอยยิ้มที่ค่อยๆ ฉีกกว้างขึ้น “แม่? ฮูหยิน? เหตุใดข้าจึงจำได้ว่าบิดาของตนมีเมียแต่งแค่คนเดียว จวนมู่หรงมีฮูหยินเพียงคนเดียว ซึ่งก็คือท่านแม่ของข้า!”

ขณะพูดส่งสายตาคมเฉียบไปทางหลิวเหม่ยน่า มุมปากมีรอยยิ้มเล็กน้อย “จริงหรือไม่? ท่านป้าหลิว” แค่ว่ารอยยิ้มนี้ไม่ได้มาจากใจ ดวงตาดอกเหมยมองไปที่หลิวเหม่ยน่า มองดูแล้วแปลกประหลาดยิ่งนัก ภายในใจของหลิวเหม่ยน่าตกตะลึง พูดไม่ออกทันที

เสียงของมู่หรงจิ่นหวานตามภาษาของหญิงสาว แต่เพราะก่อนหน้านี้ร้องไห้เสียงดังเสียงจึงแหบพร่า เวลานี้ทั้งสองเสียงประสานเข้าด้วยกันทำให้คนหนาวสั่น:

“ข้าบุตรีเอกแห่งจวนมู่หรง ท่านป้าหลิวเรียกแทนตนเองกับข้าว่า “แม่” ตามหลักแล้วข้าควรจะตบหน้าท่านจึงจะถูก แค่ว่าข้าเห็นแก่หน้าท่านพ่อเท่านั้น”

ขณะพูดนางมองลงต่ำ มองหยินซิ่งที่หันกลับไปเพราะสบตากับสายตาเย็นยะเยือกของตน ยกมุมปากขึ้น พูดต่อ:

“ท่านป้าหลิวปล่อยไปได้ แต่สาวใช้คนนี้พูดต่อหน้าทุกคน เรียกท่านป้าหลิวว่า ‘ฮูหยิน’ เป็นสาวใช้ที่ไม่รู้จักสูงต่ำใช่หรือไม่? อีกเรื่องหนึ่ง สิ่งที่ท่านพ่อให้ความสังคมที่สุดคือธรรมเนียมปฏิบัติของตระกูล แม้กระทั่งฝ่าบาทก็เคยชื่นชมว่าธรรมเนียมปฏิบัติของตระกูลมู่หรงถูกตรง ข้าในฐานะบุตรีเอกของตระกูลมู่หรง เพื่อปกป้องชื่อเสียงของตระกูลมู่หรงตบสาวใช้เพียงสองฉากถือว่าเบาไปเสียด้วยซ้ำ ท่านพ่อรู้สึกอย่างไรเจ้าคะ?”

มู่หรงเซิ่งมองบุตรีเอกของตนเองปราดหนึ่ง หน้าตาของนางยังคงอัปลักษณ์ไม่ชวนมวง นิสัยก็ไม่ได้อ่อนโยนอย่างที่หลิวเหม่ยน่ากล่าว เห็นชัดว่าเกรี้ยวกราด ด่าทอผู้อื่นให้หมดหนทาง หึ ไม่มีคนอบรม ความรู้สึกที่มีต่อมู่หรงจิ่นยิ่งเกลียดมากขึ้น

แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น มู่หรงเซิ่งไม่อาจปฏิเสธได้ว่า มู่หรงจิ่นพูดถูก แต่ภายในใจยังคงรู้สึกไม่พอใจ ด้วยเหตุนี้จึงถลึงตามองนาง กัดฟันแน่นแล้วพูด “ใช่ ใช่ เจ้า...พูดถูก”

ปกติคนในจวนเรียกหลิวเหม่ยน่าว่า “ฮูหยิน” เขาแกล้งเอาหูไปนาเอาตาไปไล่ ไม่มีใครกล้าถามต่อหน้าเขามาก่อน แต่วันนี้มู่หรงจิ่นกลับพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนมากมาย เขาไม่อาจมองข้ามอีกต่อไป มิเช่นนั้นหากแพร่งพรายออกไป ไม่แน่คนในใต้หล้าอาจจะด่าทอว่าเขาไร้ความสามารถ ไม่มีวิธีรับมือ คนในจวนมู่หรงล้วนไม่รู้จักสูงต่ำ หากเรื่องนี้ไปถึงหูฮ่องเต้ ยังจะได้อีกหรือ?

หลังจากมู่หรงเซิ่งหายใจกระเพื่อมรุนแรง เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ข่มความโมโหเอาไว้:

“ในเมื่อบ่าวรับใช้ไม่รู้จักสูงต่ำ เช่นนั้นไม่อาจเก็บสาวใช้คนนี้ไว้อีกต่อไป ใครก็ได้! ลากสาวใช้คนนี้ไปขัง พรุ่งนี้เอาไปขาย!”

หยินซิ่งคิดไม่ถึงว่า ตนจะถูกขายแค่เพราะสรรพนามเรียกเท่านั้น กระทั่งถูกคนจับนางเพิ่งตกตะลึง ส่ายหน้าด้วยความหวาดกลัวแล้วร้องตะโกน:

“ไม่...ข้าไม่อยากถูกไล่ออกจากจวน ฮู...ไม่สิ...ท่านป้าหลิว ข้าปรนนิบัติรับใช้ท่านมานานหลายสิบปี ท่านต้องช่วยข้านะเจ้าคะ...”

ทว่าหลิวเหม่ยน่ากลับไม่ส่งเสียงห้าม นางรู้จักมู่หรงเซิ่งเป็นอย่างดี หากนางอ้อนวอนตอนที่เขากำลังโมโหรังแต่จะได้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม ไม่แน่ตนอาจจะเดือดร้อนไปด้วย ด้วยเหตุนี้นางจึงหันหน้าไปอีกทางท่ามกลางเสียงอ้อนวอนแทบขาดใจของหยินซิ่ง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น

มู่หรงเหยาที่ดูเรื่องสนุกอยู่ข้างๆ มาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะพลิกขนาดนี้ นางตกตะลึงยืนอยู่ที่เดิม ภายในใจเปี่ยมไปด้วยความตกใจ:

นี่...เหตุใด...เพราะอะไรนางคนไม่เอาถ่านจึงปากคอเราะร้ายขึ้นมากะทันหัน แค่สรรพนามเรียก ก็ทำให้สาวใช้ที่ปรนนิบัติรับใช้ท่านแม่มาหลายสิบปีถูกเอาไปขายได้?

เห็นว่าเรื่องจะไม่จบ มู่หรงเหยาร้อนใจยิ่งนัก นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ ด้วยเหตุนี้จึงส่งสายตาให้หลิวเหม่ยน่า

หลิวเหม่ยน่ากลับมามีสติอีกครั้ง นางรู้ว่าเวลานี้ไม่อาจเกิดข้อผิดพลาดได้ มิเช่นนั้นก็คงเป็นไปตามความต้องการของมู่หรงจิ่นแล้วไม่ใช่หรือ? ด้วยเหตุนี้นางจึงรีบปรับอารมณ์ ยิ้มด้วยความร้ายกาจแล้วพูดกับมู่หรงจิ่นด้วยความเย้ยหยัน:

“คุณหนูใหญ่สั่งสอนได้ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ ข้ารับคำสอนแล้ว แต่แม้ท่านจะเปลี่ยนเรื่อง ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงเรื่องที่คุณชายปรากฎตัวในห้องของท่านยามค่ำคืนทั้งยังสวมใส่เสื้อผ้าไม่รีบร้อนได้ เวลานี้คุณหนูช่วยอธิบายเรื่องที่คุณหนูกับคุณชายลักลอบมาเจอกันด้วย!”

ดวงตาหงส์ของหลิวเหม่ยน่าเผยความลำพองใจ :มู่หรงจิ่น เจ้าทำให้ข้าสูญเสียมือขวาและมือซ้าย ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไป!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร