นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร นิยาย บท 4

มู่หรงจิ่นฟังแล้วหัวเราะในใจ ครุ่นคิดหลิวเหม่ยน่ามีฝีมือเล็กน้อย ไม่แปลกที่มู่หรงเซิ่งมีอนุภรรยาสามคนและสาวใช้ห้องข้าว แต่นางกลับเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่กุมอำนาจเรือนหลังของตระกูลมู่หรง ทำให้มู่หรงเซิ่งปกป้องนางเช่นนี้ ดูเหมือนว่าการจะแก้แค้นแทนเจ้าของร่างเดิม นางต้องใช้แรงกว่านี้

ครุ่นคิดถึงตรงนี้ มู่หรงจิ่นถามกลับอย่างไม่กระวนกระวาย:

“ท่านป้าหลิวใช้ตาข้างใดมองว่าเสื้อผ้าอาภรณ์ของข้าไม่เรียบร้อย? แม้ร่างกายของข้าจะมีรอยเลือดที่เกิดจากแส้ น่าเวทนายิ่งนัก แต่ใช่ว่าเสื้อผ้าของข้าหลุดรุ่ย แล้วจะบอกว่าเสื้อผ้าของข้าไม่เรียบร้อยได้อย่างไร?”

หลิวเหม่ยน่าส่งเสียงหึในลำคออย่างไม่ใส่ใจ “แล้วอย่างไรเล่า รอยเลือดที่เกิดจากแส้เช่นนั้นหรือ? คล้ายเป็นความสุขอย่างหนึ่งบนเตียง! นี่คือหลักฐานชี้ชัดว่าลักลอบสมสู่!”

มู่หรงจิ่นเลิกคิ้วขึ้น ฉายความรังเกียจ “ท่านป้าหลิวกล่าวต่อหน้าสามีและลูกสาวลูกชายเรื่องความสุขอย่างหนึ่งบนเตียงเช่นนั้นหรือ ทำให้ข้าเปิดโลกจริงๆ?”

“ความสุขบนเตียง” สี่คำนี้ทำให้มู่หรงเซิ่งไม่สบอารมณ์ เขาทำเสียงหึดหัด แต่ไม่ได้พูดอะไร

ทว่าสีหน้าของหลิวเหม่ยน่าแปรเปลี่ยนไปในทันที ดวงตาหงส์ของนางถลึงมองมู่หรงจิ่น กัดฟันแน่น

มู่หรงจิ่นเห็นนางพูดไม่ออก จึงพูดต่อ:

“อีกทั้งบาดแผลบนเรือนร่างข้า เพียงแค่มองก็ยาวอย่างน้อยหนึ่งฟุตแล้ว เกิดจากแส้ยาวที่สามารถทำให้คนบาดเจ็บได้! หากลักลอบสมสู่กันจริงๆ ห้องที่คับแคบของข้า จะเก็บซ่อนแส้ยาวเอาไว้ได้อย่างไร?”

กล่าวถึงตรงนี้ น้ำเสียงของมู่หรงจิ่นเคล้าไปด้วยความผิดหวังและหัวเราะเยาะตนเอง “อีกทั้ง คนที่สามารถถือแส้ยาวเดินเข้าออกตระกูลมู่หรงได้ตามอำเภอใจ เกรงว่าท่านพ่อไม่ต้องคิดก็คงจะรู้แล้วว่าเป็นใครกระมัง? บาดแผลบนเรือนร่างข้า คนๆ นั้นเป็นผู้กระทำ”

เมื่อถ้อยคำนี้เปล่งออกไป คำพูดของมู่หรงจิ่นกำลังบอกว่านางไม่มีทางครอบครองแส้ยาว ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะสรรหาความสุขบนเตียงตามที่หลิวเหม่ยน่ากล่าว...

หนึ่งเป็นเพราะห้องทั้งเล็กและทรุดโทรม ไม่มีแม้กระทั่งที่เอาแส้ไปซ่อน อย่างเห็นได้ชัด หากมีแส้ยาวนั้นจริงๆ เวลานี้ควรจะประจักษ์อยู่ในสายตาของทุกคน

สอง จวนมู่หรงทั้งนายบ่าวต่างรู้ดี ยามปกติ คุณหนูรองชอบพกแส้เป็นที่สุด เห็นสิ่งใดขัดหูขัดตาก็จะใช้แส้ฟาด

เมื่อเป็นเช่นนี้ บาดแผลบนเรือนร่างมู่หรงจิ่นมาได้อย่างไร ทุกคนย่อมรู้ดีแก่ใจ

แน่นอนว่ามู่หรงเซิ่งไม่ได้โง่เขลา เขาขมวดคิ้วมองไปทางมู่หรงเหยาที่อยู่ข้างๆ มู่หรงเหยาตกใจ หลบด้านหลังหลิวเหม่ยน่า

มู่หรงจิ่นเห็นเช่นนั้นยกมุมปากขึ้นแสยะยิ้ม ชี้ไปที่เฉินชุนด้วยความมั่นใจ “ยิ่งไปกว่านั้น จับคนลักลอบสมสู่ควรจะอยู่บนเตียง หากลักลอบมีบางอย่างกันจริง เหตุใดท่านพี่เฉินจึงอยู่บนพื้นแต่ไม่ได้อยู่บนเตียงเล่า?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่หรงเซิ่งยังไม่เข้าใจอีกหรือ? แม้เขาจะเข้าข้างหลิวเหม่ยน่ากับลูก แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนดำเป็นขาวต่อหน้าทุกคนได้ เขาเงียบไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร

หลิวเหม่ยน่ามองมู่หรงเซิ่งปราดหนึ่ง เปี่ยมไปด้วยเมฆครึ้ม เป็นสัญญาณของพายุฝนที่กำลังจะมาเยือน!

ด้วยเหตุนี้จึงรีบส่งสายตาให้เฉินชุน “คุณชาย ท่านไม่มีอะไรจะพูดหรือ?” น้ำเสียงเคล้าไปด้วยการข่มขู่

“ท่านอาเขย ท่านต้องช่วยข้าตัดสิน!”

เวลานี้ เฉินชุนที่กลิ้งตัวและร้องโอดครวญไม่หยุดยังคงกุมเจ้าโลกของตนเอาไว้ แก้มของเขาขยับไปมาเพราะร้องตะโกนเสียงดัง ท่าทีฟูมฟายของเขาทำให้คนเกิดความเกลียดชัง

“เฉินชุน ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของพี่สาวภรรยาที่ตายจากไปแล้ว มาทำงานในเมือง ข้าจึงให้เจ้าอาศัยอยู่ในจวนมู่หรงชั่วคราว ทว่าคิดไม่ถึงเจ้าจะทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้!”

มู่หรงเซิ่งคิดไม่ถึงว่าตอนนั้นที่เขาใจอ่อนให้เฉินชุนมาอยู่ด้วย จะทำให้เกิดเรื่องคืนนี้ขึ้น!

เฉินชุนฟังแล้วตกตะลึง รีบกอดขามู่หรงเซิ่งแล้วอ้อนวอน:

“ท่านอาเขย! ข้าถูกปรักปรำ! น้อง...น้องจิ่นให้ข้ามาที่นี่...มาหานางที่เรือนจิ่นยู่! ข้าคิดว่าท่านอนุญาต มิเช่นนั้นแม้ข้าจะมีความกล้าเพียงใด ก็ไม่กล้าทำเรื่องลืมบุญคุณเช่นนี้!”

หน้าตาอัปลักษณ์ของเฉินชุน ไม่ลืมที่มองไปทางมู่หรงจิ่น กัดฟันแน่นอดกลั้นความเจ็บปวดแล้วพูดขึ้น:

“ข้าโง่เขลา! ข้าไม่ควรฟังคำพูดของน้องจิ่นแล้วมาที่นี่! แต่ข้าไม่ใช่คนลืมบุญคุณ แม้ข้าจะเมามายถูกวางยา แต่ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว ท่านอาเขยให้ข้าแต่งงานกับน้องจิ่นเถอะขอรับ!”

เฉินชุนคิดไม่ถึงว่าหญิงอัปลักษณ์มู่หรงจิ่นจะลงมือเหี้ยมโหดกับตน เพียงแค่คิดว่านางเกือบจะทำให้ตนไม่อาจทำเรื่องหฤหรรษ์ได้อีก ทำให้เขาเกือบเป็นหมัน

คิดถึงตรงนี้ แก้มที่ตุ้ยนุ้ยของเฉินชุนก็สั่นเทาด้วยความโมโห ครุ่นคิดในใจ รอให้เขาแต่งงานกับนาง จะทำให้นางตายทั้งเป็น!

“อีกเรื่องนี้! น้องจิ่นเป็นคนวางยาข้า ข้าจึงโง่เขลาเช่นนี้! หากข้า...มีสติ เห็นใบหน้าของ...น้องจิ่น ข้าก็ไม่อาจทำใจมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนางได้!”

เฉินชุนชี้ไปยังธูปหอมที่อยู่บนโต๊ะของมู่หรงจิ่น

มู่หรงเหยาเห็นเช่นนั้นรีบหยิบธูปหอมมาดม พูดด้วยความตกตะลึง:

“ท่านพ่อ! เมื่อครู่ตอนที่ข้าเพิ่งเข้ามาก็รู้สึกผิดปกติ ที่แท้นี่คือธูปปลุกกำหนัดเจ้าค่ะ!”

“สารเลว!” ครั้งนี้มู่หรงเซิ่งไม่เพียงตบโต๊ะ ทั้งยังโยนกระถางธูปทิ้ง เป็นจริงตามคาด ธูปปลุกกำหนัดที่ถูกเผาไหม้จนเหลือน้อยนิดแผ่ซ่านไปทั่วห้องที่คับแคบ

หลิวเหม่ยน่าเห็ฯเช่นนั้นรีบปลอบมู่หรงเซิ่งที่กำลังเดือดดาล แววตาของนางฉายความลำพองใจ ทว่าสีหน้ากลับฉายความกังวล พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน:

“นายท่านเจ้าคะ แม้คุณหนูใหญ่จะสูญเสียความบริสุทธิ์ แต่ก็ทำร้ายคุณชายไปแล้ว เวลานี้หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปไม่ส่งผลดีต่อทั้งสองฝ่าย เช่นนั้นสู้ให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชาย จะได้ปกป้องชื่อเสียงของตระกูลมู่หรงเอาไว้ได้ ทั้งยังเป็นการขอโทษคุณชายอีกด้วย!”

คำพูดของมู่หรงเซิ่งไม่บดบังสีหน้าที่รังเกียจแม้แต่น้อย อยากจะหาบทสรุปให้กับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยความหงุดหงิด แต่กลับถูกมู่หรงจิ่นพูดขึ้นก่อน:

“เท่าที่ข้ารู้ ตั้งแต่บิดาของท่านพี่เฉินสิ้นใจ เพราะติดพนันจึงทำให้เขาเสียทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มี หมดหนทางจึงมาขอความช่วยเหลือท่านพ่อ ทุกคนในจวนมู่หรงต่างรู้ว่าท่านพี่เฉินลามก สตรีทุกคนล้วนอยู่ห่างจากเขา ข้าในฐานะบุตรีเอกของจวนมู่หรง ฐานันดรศักดิ์ต่างกับเขาราวฟ้ากับเหว เขาบอกว่าข้ายั่วยวนเขา ท่านป้าหลิวกลับเชื่อเช่นนั้นหรือ? ท่านป้าเวียนศีรษะหรือไม่?”

มู่หรงเซิ่งฟังแล้วชะงักเล็กน้อย เฉินชุนเป็นดั่งโคลนที่ไม่อาจมาใช้ประโยชน์ใดๆ ได้ มู่หรงจิ่นยั่วยวนเขาแล้วมีประโยชน์ใด?

มู่หรงจิ่นใช้สายตาข่มหลิวเหม่ยน่าที่อยากจะพูด ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยยิ้มด้วยความเยือกเย็น “อีกเรื่องหนึ่ง พวกท่านว่า มีผู้ใดลักลอบสมสู่ ทั้งที่เรือนร่างเต็มไปด้วยบาดแผลด้วยหรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร