นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร นิยาย บท 5

เช้าตรู่วันถัดมา เรือนจิ่นยู่

บนเตียงไม้สีตก มู่หรงจิ่นขมวดคิ้วเป็นปม หน้าผากของนางมีเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นมา สีหน้าเคร่งเครียด คล้ายกำลังดิ้นรนในความฝันด้วยความยากลำบาก

“คุณหนู! เมื่อวานบ่าวลางานเพียงหนึ่งวัน คุณหนูก็ถูกรังแกถึงขั้นนี้! วันข้างหน้าคุณหนูจะให้บ่าวไปพบฮูหยินอย่างไรเจ้าคะ...”

มู่หรงจิ่นสะลึมสะลือ คล้ายได้ยินเสียงคนร่ำไห้ นางขมวดคิ้วเข้มกว่าเดิม

คนที่เฝ้าอยู่ข้างๆ เห็นหนังตาของมู่หรงจิ่นขยับ รีบร้องเรียก “คุณหนูตื่นแล้ว! เร็วเข้า เสี่ยวหลิง ไปยกน้ำมา!”

ครั้งนี้มู่หรงจิ่นได้ยินอย่างชัดเจน มีคนกำลังพูดอยู่จริงๆ นางจึงพยายามตื่นจากความฝัน

“แม่นมหลี่ น้ำมาแล้วเจ้าค่ะ! คุณหนูตื่นรึยังเจ้าคะ?”

มู่หรงจิ่นได้ยินเสียงของหญิงสาว ในที่สุดนางก็ลืมตาขึ้นเล็กน้อย เห็นหญิงวัยสามสิบต้นๆ สวมผ้าหยาม ผมสีดำรวบขึ้น

“คุณหนู! ในที่สุดคุณหนูก็ตื่น! ขอบคุณฟ้าดิน! ต้องเป็นฮูหยินคอยคุ้มครองแน่ๆ!”

มู่หรงจิ่นรู้ หญิงวัยกลางคนคนนี้คือสาวใช้ที่ติดตามเสิ่นหว่านชิงออกเรือน แม่นมของตน แม่นมหลี่!

“จริงด้วย คุณหนู! เมื่อคืนคุณหนูหมดสติ ทำให้เสี่ยวหลิงตกใจมาก! ทั้งหมดเป็นความผิดของบ่าว! ไม่อาจหยุดคุณหนูรองได้ มิเช่นนั้นคุณหนูก็คงไม่...”

มู่หรงจิ่นได้ยินเสียงจึงเงยหน้าขึ้น เห็นสาวใช้วัยสิบห้าสิบหกยกน้ำมาหนึ่งกะละมัง ดวงตากลมโตของนางเต็มไปด้วยน้ำตา

“พอได้แล้ว เสี่ยวหลิง! คราวหน้าอย่าพูดเรื่องเศร้าต่อหน้าคุณหนูอีก!”

ตอนเช้าที่แม่นมหลี่กลับมาถึงเรือนจิ่นยู่ เห็นมู่หรงจิ่นนอนอยู่บนเตียงด้วยเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยบาดแผล สีหน้าซีดขาว ไร้ชีวิต เมื่อฟังสิ่งที่เสี่ยวหลิงเล่า นางเกือบจะหมดสติ

“คุณหนู คุณหนูตื่นก็ดีแล้วเจ้าค่ะ! บ่าวช่วยเช็ดตัวให้คุณหนูนะเจ้าคะ!”

แม่นมหลี่คิดไม่ถึงว่าตนลางานเพียงหนึ่งวัน จะเกิดเรื่องอันตรายเช่นนี้ขึ้น! หากมู่หรงจิ่นเป็นอะไรขึ้นมา นางจะขอโทษเสิ่นหว่านชิงที่สิ้นใจไปแล้วได้อย่างไร?

มู่หรงจิ่นมองแม่นมหลี่และเสี่ยวหลิงที่น้ำตานองหน้า ถอนหายใจในใจ ฝ่ามือกดเตียงไม้พยุงตนเองขึ้นมา แม่นมหลี่รีบพยุงมู่หรงจิ่นทันที

มู่หรงจิ่นปล่อยให้แม่นมหลี่เช็ดตัวให้นาง ตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิด

นางไม่เข้าใจเหตุใดตนจึงทะลุมิติ ทั้งยังทะลุมิติมายังร่างนี้!

แต่ว่า ในเมื่อมาแล้ว เช่นนั้นก็ต้องทำให้ดีที่สุด

มู่หรงจิ่นครุ่นคิด จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ความเป็นอยู่ของร่างเดิมไม่ดีเท่าใดนัก

ในเมื่อนางมีชีวิตอยู่ต่อแทนเจ้าของร่างเดิม เช่นนั้นต้องรีบเข้าใจสถานการณ์ของเจ้าของร่างเดิม จึงจะต่อสู้กับคนที่หวังร้ายกับตนได้

ไม่ใช่ปล่อยให้ผู้อื่นทำร้าย รอให้ผู้อื่นเล่นงาน!

มิเช่นนั้น นางก็ไม่ใช่ “ซาตานหญิง” นักฆ่ามู่หรงจิ่นแห่งวงการแล้ว!

“แม่นมหลี่ กระจกในเรือนเล่า?”

มู่หรงจิ่นนึกขึ้นได้ ตั้งแต่นางทะลุมิติมา นางยังไม่รู้ว่าร่างเดิมมีหน้าตาอย่างไร ตั้งแต่ทะลุมิติมาก็ได้ยินคำพูดดูแคลนมากมายว่านางอัปลักษณ์ ทว่าในความคิดของนางกลับไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับหน้าตาตนเองมาก่อน

“คุณหนู! คุณหนูจะเอากระจกไปทำอะไรเจ้าคะ?”

แม่นมหลี่ได้ยินคำพูดของมู่หรงจิ่น มือที่กำลังเช็ดตัวอยู่นั้นหยุดชะงัก

“ไม่มีอะไร ข้าไม่เห็นหน้าตามานานแล้ว เอากระจกมาให้ข้าเถอะ”

น้ำเสียงที่ไม่อาจโต้เถียงได้ของมู่หรงจิ่นทำให้แม่นมหลี่ชะงัก นางเห็นแววตาหนักแน่นของมู่หรงจิ่น จึงเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง หยิบกระจกออกมาจาก ลิ้นชักสุดท้าย

แม่นมหลี่ถือกระจกมาตรงหน้ามู่หรงจิ่น นางจำได้ว่าตอนมู่หรงจิ่นอายุเจ็ดขวบยังไม่ค่อรู้ความเท่าใดนัก เมื่อเห็นตนเองในกระจก ตกใจจนร้องไห้

หลังจากนั้น นางจึงเก็บกระจกในห้องเอาไว้ ไม่อยากให้มู่หรงจิ่นเห็นหน้าตนเองแล้วเสียใจ

มู่หรงจิ่นมองสีหน้าลังเลของแม่นมหลี่ ยื่นมือไปหยิบกระจกทองเหลืองมา แล้วชูกระจกทองเหลืองขึ้น

“ตน” ในกระจก ขนตาเรียวราว ดวงตาใส หางตาแงเล็กน้อย ราวกับดอกท้อ

จมูกเป็นสันเล็กน้อย ริมฝีปากแห้งเล็กน้อย ควรจะเป็นหญิงงาม แต่น่าเสียดาย...

ใบหน้าด้านซ้ายของนางมีปานขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ บดบังไปครุ่งหน้า ปานนั้นโดดเด่นบนผิวเหลืองนวลผอมแห้งของนาง ถึงขั้นเรียกว่าน่าสยดสยอง

แต่ว่า...

ปานนี้ไม่สมดล รวมกันอยู่ตรงใบหน้าข้างซ้าย มู่หรงจิ่นใช้มือลูบ ปานตรงใบหน้าข้างซ้ายไม่เรียบ คล้ายรอยสิวหรือรอยแผล

มีตั้งแต่เกิด? มู่หรงจิ่นลูบไปพร้อมกับสงสัยในใจ นี่อาจจะเป็นการวางยาพิษตั้งแต่อยู่ในครรภ์!

หึ ช่างน่าตลกยิ่งนัก! เป็นถึงตระกูลหมอหลวง เต็มไปด้วยแพทย์ แม้แต่ครรภ์พิษยังดูไม่ออกเช่นนั้นหรือ? เกรงว่ามีคนเจตนากระทำกระมัง!

ในเมื่อมีคนไม่อยากให้นางเกิดมาพร้อมกับ “ใบหน้าที่แท้จริง” อยากจะให้นางกลายเป็นตัวตลกของคนในใต้หล้า เช่นนั้นนางก็จะต่อต้านคนๆ นี้!

“แพทย์หญิงคนงาม” มู่หรงจิ่นแห่งศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ฉายานี้ไม่ได้มาฟรีๆ แม้ยุคสมัยโบราณจะมีเครื่องมือไม่พร้อม แต่สำหรับนางการกำจัดครรภ์พิษนี่ง่ายราวกับพลิกฝ่ามือเท่านั้น!

มู่หรงจิ่นวางกระจกลง เห็นคนบุกเข้ามา

“ว้าว!คิดไม่ถึงว่าคนอัปลักษณ์จะส่องกระจกด้วย! ช่างหาดูยากจริงๆ!”

คนที่มาอายุประมาณยี่สิบห้า สวมชุดกระโปรงสีเขียว ด้านหลังมีสาวใช้สวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนสองคนเดินตามมา

“แม่นางลู่ผิง ท่านมาเรือนจิ่นยู่มีการใดหรือ?” แม่นมหลี่ก็เห็นคนที่มาแล้วเช่นเดียวกัน เอ่ยถาม

“เจ้าคิดว่าข้าอยากมาหรือ! ข้าเอายามาส่งให้ตามคำสั่งของฮูหยิน ยังไม่รีบเอายามาอีก!”

ลู่ผิงบอกสาวใช้ทั้งสองคน พูดกับมู่หรงจิ่นด้วยสีหน้ารังเกียจ:

“ฮูหยินใจดียิ่งนัก จึงเอายามาให้เจ้า เจ้ารีบดื่มแล้วให้ข้ากลับไปซะ!”

“ขอบคุณน้ำใจของท่านป้าหลิว! วางยาเอาไว้เถอะ!”

มู่หรงจิ่นพูดอย่างไม่ใส่ใจ มือซ้ายยังคงถือกระจัก มือขวาลูบมุกที่ห้อยอยู่ด้านล่างกระจก

“ฮูหยินรับสั่งแล้ว ต้องดูคุณหนูใหญ่ดื่มหมดก่อน พวกเจ้ายังยืนเซ่ออยู่ทำไม! ยังไม่รีบปรนนิบัติเอายาให้คุณหนูใหญ่ดื่มอีก!”

ลู่ผิงเจตนาเน้นคำว่า “ปรนนิบัติ” ตำหนิสาวใช้ สายตาเหี้ยมโหดของนางไม่อาจรอดพ้นมู่หรงจิ่นได้

สาวใช้รีบยกยามา

“อ๊าก...”

ชั่วขณะหนึ่ง เสียงกรีดร้องดังก้อง

ตอนที่ทุกคนดึงสติกลับมานั้น กระโปรงสีเขียวของลู่ผิงเปื้อนไปด้วยของเหลวสีดำ มีไอร้อน หลังมือแดงก่ำ สั่นเทา

ที่แท้ตอนที่สาวใช้ยกยาผ่านลู่ผิง จู่ๆ นางก็ไม่อาจรักษาสมดุลทำให้ยาในมือหกใส่ลู่ผิง

ทุกคนต่างตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ไม่มีใครเห็น ไข่มุกที่มู่หรงจิ่นลูบหายไปหนึ่งเม็ด พื้นที่สาวใช้ล้มลง มีไข่มุกเพิ่มขึ้นมาหนึ่งเม็ด

“เพี๊ยะ...”

“เจ้าอยากตายหรือ?”ลู่ผิงมองหลังมือของตนเองที่แดงก่ำเพราะถูกยาลวกใส่ โมโหยิ่งนัก ตบสาวใช้ที่ยกยาหนึ่งฉาก

“แม่นางลู่ผิงโปรดไว้ชีวิต!แม่นางลู่ผิง...” สาวใช้ตกใจจนคุกเข่าอ้อนวอน

“ไว้ใช้ชีวิต? เจ้าคิดว่าข้าจะไว้ชีวิตเจ้าหรือไม่!”

ลู่ผิงยังไม่หายโมโหกับการตบเมื่อครู่ ยกเท้าขึ้นเตะหน้าอกสาวใช้

“แม่นางลู่ผิง สาวใช้เพียงไม่ทันระวังทำให้ยาหก ท่านก็จะฆ่านาง ทำเกินไปหรือไม่!”

ถึงอย่างไรเสี่ยวหลิงก็ยังเป็นเด็กสาว มองสาวใช้แล้วน่าจะอายุเพียงสิบเอ็ดสิบสองปี จึงอดไม่ได้ที่จะพูด

“เจ้าเป็นใคร? กล้าสงสัยในตัวข้า?”

ลู่ผิงได้ยินคำพูดของเสี่ยวหลิง มองเสี่ยวหลิงด้วยแววตาเหี้ยมโหด จากนั้นมองมู่หรงจิ่นที่อยู่บนเตียง

“หึ! ถูกต้อง นี่ไม่ใช่ความผิดของสาวใช้! คุณหนูใหญ่ไม่รู้จักเห็นค่าน้ำใจของผู้อื่นเอง ไม่เพียงปฏิเสธยาที่ฮูหยินนำมาให้ ยังสาดยาใส่ข้าอีก! ข้าเป็นตัวแทนของฮูหยินเอายามาส่ง คุณหนูใหญ่กระทำเช่นนี้ เห็นชัดว่ากำลังหยามเกียรติฮูหยิน! ไม่เห็นฮูหยินอยู่ในสายตา!”

ลู่ผิงมองมู่หรงจิ่น สีหน้าฉายรอยยิ้มร้ายกาจ

“เจ้า...” เสี่ยวหลิงคิดไม่ถึงว่าลู่ผิงจะพูดจาเหลวไหลเช่นนี้ โยนความผิดให้มู่หรงจิ่น ชั่วขณะหนึ่งร้อนใจจนหน้าแดงก่ำ

“คนที่ไม่เห็นฮูหยินอยู่ในสายตาคือเจ้า!”

มู่หรงจิ่นมองดูเหตุการณ์ทุกอย่าง เวลานี้นางพูดขึ้นช้าๆ

“ท่านแม่ของข้าต้องการให้เจ้าเป็นตัวแทนของท่านตั้งแต่เมื่อใด? ข้าจำได้ว่าเจ้าเป็นสาวใช้ของท่านป้าหลิว เหตุใดจึงเปลี่ยนเป็นฮูหยินไปได้? ขืนพูดจาเหลวไหล อย่าหาว่าข้าไม่ให้เกียรติท่านป้าหลิว!”

มู่หรงจิ่นลุกขึ้นจากเตียง เสี่ยวหลิงรีบไปพยุงทันที เดินไปตรงหน้าลู่ผิง

“เจ้ากล้า!” ลู่ผิงมองคุณหนูใหญ่ที่ปกติอ่อนแอ ไม่แม้แต่จะกล้าเงยหน้าขึ้น เหตุใดจึงปากคอเราะร้ายขึ้นมากะทันหัน? ต้องแสร้งทำแน่นอน!

“เพี๊ยะ...”

มู่หรงจิ่นยกมือขึ้นตบ ออกแรงเต็มที่ ทำให้ลู่ผิงหน้ามืดไปชั่วขณะ ยืนทรงตัวไม่อยู่ล้มลงบนพื้น

“เมื่อคืนข้าสั่งสอนชิวหลิงสาวใช้ของนางแทนน้องรองแล้ว วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนท่านป้าหลิว! สาวใช้จวนมู่หรงล้วนไร้มารยาทเช่นนี้หรือ? หากไม่มีมารยาทเช่นนี้ ข้าไม่ถือสาที่จะช่วยท่านป้าหลิวสั่งสอน!”

มู่หรงจิ่นยืนตรงหน้าลู่ผิง มองนางที่เอามือจับใบหน้าที่ถูกตบจนบวมเป่ง ยิ้มอย่างสวยงาม

“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?” ลู่ผิงคิดไม่ถึงว่าคุณหนูใหญ่ที่ไม่เอาไหนจะกล้าลงมือทำร้ายตน ชั่วขณะหนึ่งทำตัวไม่ถูก

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะขาดการสั่งสอน! แม่นมหลี่ ตบสามสิบครั้ง!”

“เจ้ากล้า?”

ลู่ผิงฟังคำพูดของมู่หรงจิ่น ลุกขึ้นทันที มองแม่นมหลี่ด้วยความระมัดระวัง

“ข้า...ข้าจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฮู...ท่านป้าหลิว เจ้ารอก่อน!”

เดิมทีลู่ผิงอยากจะบอกว่าฮูหยิน แต่เมื่อเห็นแม่นมหลี่ที่พร้อมจะตบนาง นางจึงรีบเปลี่ยนสรรพนามเรียก

“ยังไม่รีบไปอีก!” จู่ๆ ลู่ผิงก็กลัวที่จะอยู่ในเรือนจิ่นยู่ รู้สึกบรรยากาศเย็นยะเยือก ด้วยเหตุนี้จึงเดินโซซัดโซเซออกไป รีบออกไปจากเรือน

มู่หรงจิ่นมองแผ่นหลังของลู่จิ่นที่รีบหนีออกไปด้วยความกระวนกระวาย นางหัวเราะในลำคอ หันหลังไปมองสาวใช้ทั้งสองคนที่คุกเข่าตัวสั่นอยู่บนพื้น

“พวกเจ้าสองคนได้ยินสิ่งที่ข้าพูดเมื่อครู่หรือไม่? จำไว้อย่าลืมบอกท่านป้าหลิวทุกคำพูดด้วย! ออกไปซะ!”

มู่หรงจิ่นมองสาวใช้ทั้งสองคนที่รีบหนีออกไป อดไม่ได้ที่จะหัวเราะในลำคอ นางมู่หรงจิ่นไม่เคยถูกใครกระทำตามใจชอบมาก่อน ผู้อื่นไม่อาจเมตตานาง นางก็ไม่มีวันนั่งรอเฉยๆ!

“เสี่ยวหลิง เก็บกวาดเศษแก้วบนพื้นให้เรียบร้อย! คุณหนู คุณหนูยังบาดเจ็บ กลับขึ้นเตียงเถอะเจ้าค่ะ!” แม่นมหลี่พยุงมู่หรงจิ่น

“ช้าก่อน!”

จู่ๆ มู่หรงจิ่นก็หยุดฝีเท้า สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กลิ่นของยาเข้าจมูก

จากนั้นสีหน้าของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นย่ำแย่ ขมวดคิ้วเป็นปม ทำให้บรรยากาศรอบตัวลดลงไม่น้อย

“คุณหนู เป็นอะไรไปเจ้าคะ?” แม่นมหลี่มองสีหน้าของมู่หรงจิ่น ถามด้วยความสงสัย

“คราวหน้าเทยาทุกอย่างที่ส่งมาซะ!” มู่หรงจิ่นพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“คุณหนู ยาผิดปกติใช่หรือไม่เจ้าคะ?” ถึงอย่างไรแม่นมหลี่ก็เป็นหญิงวัยกลางคนแล้ว นางจะไม่เข้าใจการแสดงของหญิงสาวเรือนในได้อย่างไร

“ยานี้ ข้าดื่มแล้ว บาดแผลไม่มีวันหาย ไม่ถึงหนึ่งเดือน บาดแผลจะเน่า ติดเชื้อตาย!”

มู่หรงจิ่นรู้ หลิวเหม่ยน่าไม่ได้ใจดีเช่นนี้ ส่งยามาให้ตน? ที่แท้ก็เอายาพิษมาให้นี่เอง หึ!

“ใครอยู่ตรงหน้าประตู!”

มู่หรงจิ่นกำลังจะถอนสายตากลับมาจากยาพิษเหล่านั้น สัญชาตญาณนักฆ่าที่บ่มเพาะมานานทำให้นางมองไปที่ประตู เห็นชายเสื้อสีน้ำเงินเข้มที่ประตู

“คุณหนูใหญ่ ข้าเอง!”

มู่หรงจิ่นขมวดคิ้วเป็นปมมองชายหนุ่มตรงหน้าที่สวมชุดสีน้ำเงินเข้ม มู่หรงหมิน?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นวลชายาหยกงามของท่านอ๋องจอมมาร