“ฉันก็ไม่ได้โง่หรอกนะสีชิงชวน โดดลงไปไม่ตายก็คงพิการ”
“คุณไม่ได้โง่จริงๆ แค่รอยหยักในสมองมันมีน้อยแค่นั้นเอง เซียวเซิง ผมอยากทำธุรกิจอย่างหนึ่งกับคุณ ผมขอซื้อหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ที่อยู่ในมือคุณด้วยราคาที่สูงกว่าราคาตลาดทั่วไปหนึ่งเท่า”
ทำไมเขาถึงพูดคำพูดที่ซ้ำซากน่าเบื่ออีกแล้ว? วันๆคิดแต่อยากจะได้หุ้นที่มีอยู่ในมืออันน้อยนิดของฉันไม่จบไม่สิ้นสักที? และแน่นอนว่าฉันต้องปฏิเสธ เขากำลังเล่นไฟเช็กที่อยู่ในมือ เดี๋ยวก็จุดไฟ เดี๋ยวก็ดับไฟ ทำให้มีเสียงฝาโลหะเคาะที่ตัวไฟแช็กดังออกมา ป๊อกๆๆ ทำให้หนวกหูจะตายแล้ว ฉันคิดว่านี่น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ใช้เป็นประจำเวลาที่สีชิงชวนเจรจาต่อรองกับคนอื่น เสียงรบกวนนั้นสามารถก่อกวนความคิดของฉันได้ ทำให้ฉันไม่สามารถใช้ความคิดได้อย่างปกติ แต่เรื่องแบบนี้ฉันไม่จำเป็นต้องพิจรณาอะไรอีก ฉันมีแค่คำตอบเดียว ก็คือบอกเขาว่าไม่
แต่สีชิงชวนไม่ได้มีความคิดที่จะปล่อยฉันไป พูดโน้มน้าวต่อ “ถึงยังไงหุ้นที่อยู่ในมือคุณไม่ช้าก็เร็วก็ต้องตกเป็นของคนอื่น ให้เงินทองไม่รั่วไหลออกนอกไม่ดีกว่าเหรอ คุณขายให้ผม ไม่ใช่ให้ผมฟรีๆแล้วในบัญชีธนาคารจะมีเงินก้อนใหญ่เพิ่มขึ้นมา ไม่ว่าคุณจะเอาไปลงทุน หรือเก็บไว้ค่อยๆใช้จ่าย ใช้ทั้งชาติก็ใช้ไม่หมดหรอก”
“ฉันเคยบอกกับคุณแล้วว่านี่คือหุ้นที่พ่อฉันเก็บไว้ให้ฉัน ไม่มีทางที่ฉันจะขายให้คุณหรอก”
“การกตัญญูเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องทำตามกำลังของตน”
“สีชิงชวน คุณอย่าคิดว่าการที่ฉันจะสละตำแหน่งให้กับเซียวซือ แล้วคิดว่าฉันจะขายหุ้นให้กับคุณได้ มันคนละเรื่องกันเลย”
เขายิ้ม “ไม่ช้าก็จะกลายเป็นเรื่องเดียวกัน ตั้งหน้าตั้งตารอดูก็แล้วกัน”
ก็ได้ ในที่สุดสีชิงชวนทำให้ฉันโกรธจนได้ ฉันโมโหเขาจนรู้สึกแน่นที่หน้าอกหรืออาจจะเป็นเพราะอากาศมันร้อนเกินไป แต่พอเดินเข้าไปในห้องก็ยังรู้สึกเวียนหัวอยู่เลย สีชิงชวนเป็นนักธุรกิจที่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์จริงๆ การปล้นชิงตามไฟยังไม่ปล้นกันด้วยวิธีแบบนี้เลย หลังจากที่ฉันเดินเข้ามาห้องได้สักพัก เขาก็เดินตามเข้ามา จากนั้นก็เดินไปที่ห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันนึกว่าเขาจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ต้องการจะซัก แต่เขากลับเปลี่ยนชุดนอนราวกับว่ากำลังจะออกไปข้างนอก
ตอนแรกฉันก็ไม่อยากจะสนใจอะไรเขา แต่ก็อดไม่ได้จริงๆ “ดึกป่านนี้แล้วจะออกไปข้างนอกอีกเหรอ?”
“ดึกขนาดนี้แล้วจะออกไปข้างนอกไม่ได้เหรอ?” เขาไม่เคยตอบฉันดีๆเลยสักครั้ง จะคอยตั้งคำถามกลับตลอด
ก็ได้ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย มีผู้ช่วยบอดี้การ์ดและคนขับไปกับเขาด้วย โอกาสที่ชายร่างใหญ่จะเจอโรคจิตน่าจะน้อยลงมาหน่อย พอเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ออกจากบ้าน ฉันเองก็หยิบชุดนอนมาเตรียมจะอาบน้ำ ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่เขาเดินออกจากห้องแล้วจะย้อนกลับเข้ามาอีกครั้ง แล้วก็พิงตรงประตูแล้วยิ้มเยาะมาที่ฉัน
“อะไรของคุณ?” ฉันถูกเขามองจนรู้สึกขนลุกขึ้นมา
“จู่ๆก็นึกได้ว่าวันนี้คือวันสารทจีน”
“แล้วไง?”
“วันสารทจีนคือเทศกาลปล่อยผี ผีนับร้อยตัวออกมาร่อนเร่ในยามค่ำคืน หากว่าคุณเจอพ่อคุณ จำไว้ว่าต้องบอกท่านเรื่องการตัดสินใจที่น่ายินดีนี้ให้ท่านได้รู้ไว้ด้วย”
สีชิงชวนไม่เพียงเป็นคนใจดำ คำพูดของเขาก็แย่มากด้วยเช่นกัน หากฉันเป็นคนที่เป็นคนใจร้อน รับรองได้จะได้เห็นดีในชั่วพริบตาแน่ โดนตะคอกทีหนึ่งคงโกรธจนเป็นบ้าแน่ๆ วันปกติเขาจะว่าฉันยังไงก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้มาพาดพิงถึงพ่อฉัน แน่นอนว่าฉันจะไม่ยอมอ่อนข้อ ฉันมองการแต่งตัวของเขา คำพูดที่เจ็บแสบกว่าเขา ก็หลุดออกมาจากปากอย่างง่ายดาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...