ฉันรู้ว่าเขาพูดถึงเรื่องไหน แต่ฉันไม่รู้ว่าเขารู้ได้ยังไง ไม่เขาก็โทรไปที่ออฟฟิศแล้วหร่วนหลิงบอกเขา
ฉันบอกว่า "เรื่องมันเร่งด่วน ฉันไม่มีเวลาบอกคุณ ยังไงก็ตามบอกล่วงหน้ากับบอกทีหลังก็เหมือนกันแหละ"
คนขับขับรถไปที่ประตูทางเข้าใหญ่ของเซียวซื่อและฉันเห็นรถของสีชิงชวนอยู่ใต้ขั้นบันไดของประตูของเซียวซื่อ ที่แท้แล้วเขามาหาฉันที่เซียวซื่อกรุปนี่เอง
หลังจากที่ฉันลงจากรถ สีชิงชวนก็ออกมาจากรถทันที และเขาก็เดินเข้ามาหาฉันทีละก้าวพร้อมกับถือโทรศัพท์
“ถ้าคุณบอกผมเร็วกว่านี้ ตอนนี้คุณคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำแบบนี้”
ดูเหมือนว่าที่เขารู้เรื่องนี้ไม่ใช่เพราะหร่วนหลิงบอกเขา แล้วใครล่ะ?”
ฉันวางสายโทรศัพท์ของสีชิงชวน และพลิกโทรศัพท์ดูทันที และเห็นพาดหัวข่าวที่เกี่ยวกับฉัน
เป็นเพราะเรื่องที่ฉันกับฉินกวนไปตรวจพิสูจน์ความเป็นพ่อกัน ปาปารัซซี่เหล่านี้รวดเร็วกันมาก
ตั้งแต่ตอนที่พวกเราอยู่ที่โรงพยาบาลจนถึงตอนนี้ยังผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ทำไมข่าวถึงได้ตีพิมพ์ออกไปเร็วขนาดนี้
ฉันพลิกดูต้นฉบับอย่างคร่าว ๆ ในข่าวเขียนผิดไปเยอะมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขารีบมากแค่ไหน ทุกคนต้องการแพร่ข้อมูลออกไปเป็นคนแรก
สีชิงชวนเดินมาข้างหน้าฉัน ฉันปิดโทรศัพท์และเงยหน้าขึ้น เขาสูงมาก ดวงอาทิตย์ตั้งอยู่บนท้องฟ้าเหมาะเจาะพอดี ดูเหมือนว่าจะเด่นขึ้นที่บนศีรษะของเขา มันทำให้ฉันวิงเวียนตาลาย
สว่างจ้าตาเขารีบพยุงฉันขึ้น "ผมเคยบอกคุณแล้วว่าผมจะช่วยคุณค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับฉินกวน คุณไม่ต้องกังวลใจมากนัก"
“ไม่เป็นไร พวกสื่อจะเขียนยังไงก็ปล่อยให้เขาเขียนไปเถอะ ยังไงก็ไม่มีอะไรดีๆ ออกมาจากปากพวกเขาอยู่แล้ว ฉันชินแล้ว” ฉันซึมๆ ไม่มีเรี่ยวแรง
ดูเหมือนเขาจะมองมาที่ฉันและทนไม่ได้ที่จะตำหนิฉัน เขาก้มลงและต้องการกอดฉัน ฉันผลักมือเขาออกแล้วส่ายหัว "ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น แค่มีข่าวมากระทบฉันนิดหน่อยเลยเป็นเช่นนี้"
สีชิงชวนโอบไหล่ของฉัน "งั้นผมจะไปส่งคุณกลับบ้าน"
“ตอนนี้ยังไม่เที่ยงเลย ฉันต้องทำงาน”
สีชิงชวนส่งฉันขึ้นไปชั้นบน และก้มมาจ้องมองฉัน "คุณยังยืนหยัดไว้ได้ใช่ไหม อย่าอวดดี"
"ไม่เป็นไร ฉินกวนไม่ใช่พ่อของฉันนี่ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ฉันสามารถตามหาต่อไปได้"
"อย่ากังวลกับสื่อไร้ยางอายพวกนั้นเลย ฉันกำลังหาคนให้บอกพวกเขาว่าให้ลบต้นฉบับเหล่านั้นแล้ว และสื่อทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในวันนี้จะหนีไปไหนไม่ได้"
"มันไม่สำคัญหรอก" ฉันพูด "พวกเขากำลังทำรายงานขนาดใหญ่เพราะพวกเขาต้องการเห็นฉันเป็นคนเลว"
“คุณก็รู้นี่” มีบางอย่างในคำพูดของเขา
ฉันนิ่งเงียบ เขาไปส่งฉันที่ประตูห้องทำงาน และฉันก็ไล่เขาให้ไปซะ
“คุณกลับไปเถอะ วันนี้คุณยุ่งมากนี่”
"ผมโอเค ไม่เป็นไร"
เขาบีบไหล่ฉันเบาๆ "เพื่อพิจารณาความปลอดภัยของผม คุณต้องปกป้องตัวคุณเอง"
“ความปลอดภัยของคุณ?” ฉันไม่เข้าใจ
“ถ้าคุณเกิดไม่สบายอะไรตรงไหน คุณย่าก็ตีผมตายน่ะสิ”
ฉันรู้ว่าเขาล้อเล่นกับฉันและพยายามทำให้ฉันหัวเราะ
ฉันยิ้มแสยะปากเพื่อให้เขาเห็น
เมื่อฉันกลับมาที่สำนักงาน หร่วนหลิงยังคงไถโทรศัพท์ของเธอ เธอบอกฉันว่าข่าวถูกลบแล้ว และมันถูกอัปโหลดเพียง 10 นาทีเท่านั้น คาดว่ามันยังแพร่ไปไม่มากในตอนนี้
“ไม่เป็นไร” ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความแค้นใจและมองออกไปนอกหน้าต่าง แดดในตอนเที่ยงแรงมาก และฉันอยู่บนชั้นสูงสุดของตึก ฉันรู้สึกใกล้ดวงอาทิตย์มาก ถูกกั้นไว้ด้วยกระจกฉันรู้สึกว่าเหมือนถูกย่างยังไงอย่างงั้น
ที่จริงดวงอาทิตย์ยังห่างไกลจากตัวฉันมาก ว่ากันว่าสูงเท่าไหร่ก็แพ้ความหนาว ที่ที่ฉันอยู่มันสูงเกินไป แต่กลับกลัวถูกดวงอาทิตย์แผดเผาตาย
มีคนบอกไว้ว่าไม่ว่าหัวใหญ่แค่ไหนก็ใส่หมวกใหญ่เท่านั้น ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว
ฉันนั่งสูงมากขนาดนี้ แต่ก็นั่งไม่มั่นคง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...
สามีแบบนี้ ควรทิ้งอ่ะ จะสอนก็สอน แต่ไม่ควรบีบบังคับหักหน้า ทำให้อับอายอย่างนี้ ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ยิ่งรู้ว่านังซือยังไม่ตัดใจ ยิ่งต้องจัดการให้ชัดเจนแทนที่จะปล่อยคลุมเครือ...