พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 68

ทั้งชีวิตของฉันพึ่งขึ้นศาลครั้งแรก ทว่าก็ไม่ได้ตื่นเต้นสักนิด

ไม่เพียงแต่หนีอีโจวกับเฉียวอี้คอยเป็นกำลังใจให้ฉัน ยังมีอีกจุดหนึ่งก็คือเพราะฉันไม่ได้ตั้งความหวัง จึงไม่กลัวที่จะสูญเสีย ทางกลับกัน ฉันเห็นพวกแม่เลี้ยงตื่นเต้นกันมาก

เซียวหลิงหลิงจ้องเขม็งฉันตลอด แม่เลี้ยงก็ดื่มน้ำไม่หยุด ก่อนจะเริ่มเปิดศาลเธอได้ไปเข้าห้องน้ำหลายรอบ มีเพียงเซียวซือที่ยังคงมองฉันด้วยแววตาอ่อนโยน

ฉันคิดว่าเฉียวอี้อคติกับเซียวซือเกินไป เธอไม่เหมือนแม่กับพี่สาวของตนหรอก

เมื่อเริ่มเปิดศาล ฉันไม่คิดว่าหนีอีโจวที่ปกติเป็นคนอ่อนโยนและสุภาพเรียบร้อย ทว่าตอนที่ทำคดีกลับพูดจาเฉียบแหลม แม่นยำ จี้ถึงจุดสำคัญ วิธีการของเขาจะมาในรูปแบบการโจมตีดั่งฝนฟ้าโหมกระหน่ำ ทุกถ้อยคำ ทุกหลักฐานที่อ้างอิงทำให้อีกฝ่ายไร้คำจะโต้ตอบ

หนีอีโจวทายถูก ทนายของอีกฝ่ายเอาประเด็นที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ มาสู้ในชั้นศาล แต่ทนายไห่ก็ออกมาชี้แจงว่าพินัยกรรมของคุณพ่อไม่ได้ระบุว่าจะมอบให้แก่ทายาท คุณพ่อแค่ระบุว่าจะมอบให้ฉัน

ฉันรับพินัยกรรมฉบับถ่ายเอกสารมาอ่านโดยละเอียดจึงจะตัวชี้ขาดของเรื่องนี้

ตอนที่ทนายไห่อ่านพินัยกรรมก่อนหน้านี้ ฉันไม่ได้ตั้งใจฟังดีๆ และเวลาต่อมาก็ไม่ได้หยิบมาอ่านอย่างละเอียด ตอนนี้จึงจะรู้ว่าคุณพ่อคงคาดการณ์ไว้ว่าฉันต้องประสบสถานการณ์เฉกเช่นวันนี้ ดังนั้นท่านจึงระบุในพินัยกรรมอย่างชัดเจนว่าเป็นการมอบโดยสมัครใจ

ถ้าฉันรับมรดกในฐานะทายาท ฉันที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับคุณพ่ออาจต้องสูญเสียอำนาจการครอบครอง ทว่าพินัยกรรมที่คุณพ่อได้ร่างไว้ไม่ได้พูดอย่างชัดเจนว่าเป็นมรดกสำหรับทายาท เขียนแค่ว่าเป็นการมอบให้เท่านั้น

แม่เลี้ยงกับเซียวหลิงหลิงหน้าเปลี่ยนสี ตะโกนโหวกเหวกโวยวายในชั้นศาล “พินัยกรรมฉบับนี้ต้องเป็นของปลอมแน่ๆ หรือไม่ก็สามีฉันต้องหลอก พินัยกรรมต้องเป็นของปลอมแน่ ทนายไห่กับเซียวเซิงร่วมมือกันฮุบสมบัติตระกูลเซียวของพวกเรา”

พวกแม่เลี้ยงพูดจาเสียมารยาทและไม่เคารพขั้นตอน ทนายของพวกเธอจึงตกเป็นรอง ไร้วาทศิลป์ทักท้วง ผลสุดท้ายคือฉันชนะคดี และศาลก็ไม่รับเรื่องการฟ้องครั้งที่สองของพวกเธอด้วย

เฉียวอี้เรียกชื่อฉันด้วยความดีใจ พลางยกหัวแม่มือให้ฉัน

อันที่จริงฉันไม่ได้ดีใจเป็นพิเศษหรอก เพราะตอนนี้แม่เลี้ยงเกลียดฉันกว่าเดิมแล้ว

หลังเลิกศาล ฉันกำลังลังเลว่าจะเข้าไปทักทายแม่เลี้ยงดีไหม เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นคนใกล้ชิดที่สุดของคุณพ่อ

ทว่าฉันพึ่งเดินเข้าไปใกล้ เซียวหลิงหลิงก็พุ่งมาหาฉันราวกับเป็นสิงโตตัวเมีย จากนั้นก็ง้างมือตบหน้าฉันทั้งสองข้าง ทั้งยังเอาหน้าผากมาชนฉันด้วย

ตอนที่พวกเฉียวอี้เห็น ฉันก็นั่งแช่อยู่บนพื้นแล้ว

เซียวหลิงหลิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนแทบจะเป็นบ้า “เซียวเซิง ถุย เธอไม่ได้แซ่เซียวซะหน่อย ไอ้เนรคุณ มาอยู่บ้านฉันแล้วยังแย่งสมบัติพวกเราไปอีก ไอ้พันธุ์ทาง เธอมีสิทธิ์อะไรเอาหุ้นส่วนร้อยละสามสิบของบริษัทเซียวซื่อกรุ๊ปไป? เธอมีสิทธิ์อะไรเอาเงินสดกับตราสารหนี้ทั้งหมดไป?”

“เซียวหลิงหลิง ฉันขอเตือนนะ อย่าทำตัวบ้าคลั่งแบบนี้อีก ไม่งั้นฉันจะตบกระบาลเธอให้แตกเลย” เฉียวอี้ประคองฉันลุกขึ้น

หนีอีโจวรีบวิ่งเข้ามาดูอาการของฉัน ฉันเห็นความโกรธเคืองที่ผุดขึ้นบนใบหน้าเขา “คุณทำร้ายคนอื่นในศาลแบบนี้ ผมจะแจ้งความ แค่บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ผมรับรองว่าคุณได้กินข้าวแดงในคุกอย่างน้อยหกเดือนแน่”

“เซียวเซิง เธอมีทนายหนุนหลังตั้งแต่เมื่อไหร่? เธอกล้าสวมเขาให้สีชิงชวนเหรอ?” ท่าเซียวหลิงหลิงเอามือเท้าเอวเหมือนกาน้ำชาเวลาน้ำดื่มเต็มที่แล้ว

เซียวซือเดินมาดึงตัวเซียวหลิงหลิงด้วยใบหน้าบึ้งตึง “พอแล้ว โวยวายพอหรือยัง?”

“เซียวซือ เธอยังใจเย็นได้อีกเหรอ? เธอกับพี่มีหุ้นแค่ร้อยละสิบ แต่ไอ้พันธ์ทางกลับมีร้อยละสามสิบ แต่เธอยังทนอยู่เฉยๆ ได้อีก เธอโง่หรือเปล่า...”

เซียวซือดึงตัวเซียวหลิงหลิงไป ก่อนไปเธอมองฉันปราดหนึ่ง แต่ฉันมองแววตาของเธอไม่ออก มันไม่ได้แววตาเคียดแค้น แต่ก็บอกไม่ถูก รู้เพียงว่ามันเปี่ยมไปด้วยเจตนาอันลึกลับ

หนีอีโจวก้มหน้าสำรวจฉัน “หน้าบวมนิดหน่อยนะ พวกเราไปโรงพยาบาลกันเถอะ”

“ไม่ต้องแล้ว” ฉันส่ายหน้า “ปัญหาเล็กน้อย ฉันไม่ชอบเข้าโรงพยาบาล”

“ผมไปซื้อสเปรย์คลายบวมให้คุณนะ”

“เดี๋ยวก็หายบวมแล้ว” ฉันกล่าว

เฉียวอี้ทำท่าโมโหจนควันออกหู “ฉันอยากจะชกหล่อนให้ทรุดลงพื้นเลย ชกให้หัวหมูของหล่อนกลิ้งเข้าท้องของตัวเองไปเลย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)