นางยิ้มเยาะ พลางขยิบตาอย่างมีเลศนัย เอ่ยชัดถ้อยชัดคำว่า
“เหลิ่งอวี้ ภรรยาของท่านกลับมาแล้ว”
น้ำเสียงกระจ่างใสดุจนกกระจาบของนางดังขึ้นอีกครา เหลิ่งอวี้ตาแดงก่ำโดยพลัน
เขาร่ำไห้ด้วยความปีติยินดี ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยแผ่วเบา “หลันเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว”
อาอวี่และอาไฉ่ก็เปลี่ยนสีหน้าเศร้าหมองเมื่อครู่ไปอย่างสิ้นเชิง ทันใดนั้นก็ยิ้มแย้มแจ่มใสและเดินเข้าไปต้อนรับ
“หวังเฟย ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว ตั้งแต่ท่านจากไป ท่านอ๋องไม่ทานไม่ดื่มไม่นอน ทำเอาพวกข้าร้อนใจแทบแย่”
“ใช่แล้ว ท่านอ๋องนั่งอยู่เช่นนี้ทั้งคืน ไม่พูดกับพวกเข้า ไม่สนใจพวกข้า พวกข้าไม่รู้จะทำเช่นไรแล้วเจ้าค่ะ”
ขณะรับฟังคำพูดของพวกเขา หัวใจของลั่วหลันก็พลันปวดร้าว นางรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องกังวลใจเพราะนาง แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะร้อนรนถึงเพียงนี้
นางยกมือขึ้นโบกมือให้พวกนาง พวกนางรีบรุดออกไปอย่างว่องไว พร้อมปิดประตูลงเบา ๆ
ลั่วหลันค่อย ๆ ก้าวเข้าไปหาเขา ริมฝีปากของเขาขยับเล็กน้อย ราวกับจะเอ่ยบางสิ่งกับนาง ทว่ากลับพูดไม่ออก เขาเพียงจ้องมองนาง แล้วแย้มยิ้ม
นางค่อย ๆ ยกมืออันเรียวงามขึ้น สัมผัสใบหน้าของเขาอย่างอ่อนโยน แต่หยาดน้ำตากลับรินไหลลงมาอย่างไม่อาจห้ามได้
“เหตุใดท่านถึงได้โง่งมเช่นนี้? ทำไมถึงไม่กินข้าว? ทำไมถึงไม่นอน? แล้วทำไมถึงไม่พูดอะไรเลย?”
ทันใดนั้น เสียงของนางก็แหลมสูงขึ้น น้ำเสียงเจือไปด้วยความตำหนิติเตียน คล้ายดังคำถาม ทว่ากลับซ่อนไว้ด้วยความห่วงใย
เขาเงยหน้าขึ้นสบตานาง ดวงตาคู่งามราวกับหยก บัดนี้เอ่อคลอไปด้วยม่านน้ำตา เสียงสั่นเครือเอ่ยขึ้นว่า
“หลันเอ๋อร์ ข้าคิดว่า...คิดว่าเจ้าไม่ต้องการข้าแล้ว”
กล่าวจบประโยค เขาก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป หยาดน้ำตาไหลรินอาบแก้มราวกับเด็กน้อย
เมื่อได้เห็นใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยรอยน้ำตา อันเป็นผลมาจากความกังวลที่มีต่อนาง นางกลับแย้มยิ้มออกมาอย่างฉับพลัน ทว่าเป็นรอยยิ้มที่แสนจะขื่นขม
พวกนางช่างลำบากแสนสาหัส ไหนจะต้องคิดหาวิธีเอาตัวรอด ไหนจะต้องคอยรับมือกับสายตาดูแคลนจากผู้คนรอบข้าง
นางประคองศีรษะของเขาขึ้นมาด้วยสองมือ สบสายตาเขาที่ทอประกายเจิดจ้าดั่งดวงดาว พลางเอ่ยทีละคำอย่างหนักแน่นว่า
“หม่อมฉันเคยบอกแล้ว ว่าเราจะไม่มีวันแยกจากกัน และหม่อมฉันก็จะไม่มีวันทิ้งท่านไปไหน หม่อมฉันพูดคำไหนคำนั้น”
เขาเม้มริมฝีปาก พยักหน้าหนักแน่น “หลันเอ๋อร์ ข้ารู้ แต่ข้ากลัวว่าเจ้าจะเป็นอันตราย ข้ากลัวว่าจะมีคนมารังแกเจ้า ข้ากลัวจริง ๆ กลัวเหลือเกิน…”
พูดจบ เขาก็ซบหน้าลงบนมือของนาง ร่ำไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด…
เสียงแหบพร่าแผ่วต่ำของชายหนุ่มทำเอาหัวใจของนางเต้นระส่ำ
เขานำมือของนางมาจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดวงตาทั้งสองข้างเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง
ลั่วหลันเม้มปากมองเขา “เป็นลูกผู้ชายทำไมถึงได้ขี้แยนัก?”
พูดจบ ยังไม่ทันที่เขาจะตั้งตัว นางก็โผเข้าหา ประทับจูบแผ่วเบาลงบนหน้าผากของเขา
วินาทีที่ริมฝีปากของนางแตะลงบนหน้าผาก เขานิ่งงันไปชั่วครู่ พลันเปลี่ยนจากฝ่ายรับกลายเป็นฝ่ายรุก ริมฝีปากได้รูปของเขาเคลื่อนมาประทับลงบนหน้าผากของนาง ตามด้วยจุมพิตราวกับสายฝน ที่แตะลงบนปลายจมูก สองข้างแก้ม และสุดท้ายจรดลงบนเรียวปากของนาง
จุมพิตของเขาอ่อนโยน ละเมียดละไมอยู่บนริมฝีปากของนาง รอบกายพลันเงียบสงัด ราวกับว่าห้วงเวลาได้หยุดนิ่ง
เมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนรุ่มในกายเขา นางจึงยกมือขึ้น หมายจะปลดกระดุมเสื้อผ้า แต่เขากลับกดมือนางไว้ “อย่าขยับ”
นางมองใบหน้าที่ทำให้นางหลงใหลอย่างลึกซึ้ง แววตาพราวระยับ ก่อนจะเผยรอยยิ้มเย้ายวน “ท่านอย่าขยับ หม่อมฉันเอง…”
“อย่า...”
เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ข้าไม่อยากใช้ร่างกายที่ไม่สมบูรณ์นี้เผชิญกับช่วงเวลาอันแสนวิเศษ ขอเวลาข้าหน่อย ได้ไหม?”
นางมองเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำ สัมผัสได้ถึงความร้อนแรงจากเขาเพียงเอื้อมมือ
เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของเขา นางจึงเม้มริมฝีปาก ออดอ้อนเหมือนลูกแมว ซุกไซ้ที่อกเขา พลางกระซิบอย่างอ่อนโยนว่า

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักท่านอ๋องตัวร้าย
บทที่เคยปลดล็อกด้วยเหรียญไปแล้ว ทำไมกลับมาอ่านซ้ำไม่ได้...
เติมเหรียญแล้วแต่ปลดล็อกไม่ได้...