นางจ้องมองเหลิ่งอวี้ กางมือออก ยกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ย
“หรือท่านจะรับเขาเป็นลูกศิษย์?”
เหลิ่งอวี้กะพริบตาสองสามครั้งแล้วมองไปที่ลั่วหลานด้วยความเขินอาย “แต่...ข้าควรสอนอะไรเขา?”
“อาจารย์...”
เมื่อเห็นว่าเหลิ่งอวี้ผ่อนคลายลงบ้างแล้ว เสี่ยวจื้อจึงเรียก "อาจารย์" และคุกเข่าลงคำนับสามครั้ง
“ท่านอาจารย์ มีหลายสิ่งที่ท่านสามารถสอนข้าได้ ตั้งแต่ข้าเข้ามาในจวนอวี้อ๋อง ข้าได้ยินมาจากพี่ชายของข้าว่าท่านอ๋องเคยอยู่ในสนามรบ ทำหน้าที่เป็นแม่ทัพ และสังหารศัตรูอย่างกล้าหาญ ดังนั้นท่านสอนข้าเถิด ข้าจะตั้งใจเป็นคนอย่างท่านอาจารย์ในอนาคต”
เมื่อได้ยินเสียงอันทรงพลังของเสี่ยวจื้อ เหลิ่งอวี้ก็รู้สึกหัวใจสั่นไหวขึ้นมาทันที ความทะเยอทะยานของเขานั้น เหมือนกับเขาเมื่อตอนอายุเจ็ดแปดปีเลยไม่ใช่หรือ?
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก้าวไปข้างหน้าเพื่อประคองเสี่ยวจื้อลุกขึ้น และพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“เอาล่ะ หากเจ้าต้องการให้ข้าเป็นอาจารย์ ข้าก็จะรับเจ้าเป็นศิษย์ ในอนาคตข้าจะพยายามสอนทุกสิ่งที่ข้ารู้ให้เจ้าอย่างดีที่สุด”
“ขอบคุณท่านอาจารย์”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เสี่ยวจื้อก็มีความสุขมากจนหยุดยิ้มไม่ได้ ราวกับว่าเขาพบสมบัติ เขากำหมัดอย่างรวดเร็วและโค้งคำนับเพื่อแสดงความขอบคุณ
ด้วยเหตุนี้เสี่ยวจื้อจึงกลายเป็นลูกศิษย์คนแรกของเหลิ่งอวี้
ขณะนั้นเอง อาหงก็รีบมารายงาน
“หวังเฟย ฉางกุ้ยเฟยมาเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ลั่วหลานก็ขมวดคิ้ว ฉางกุ้ยเฟยไม่ได้มาประมาณหนึ่งเดือนแล้ว แล้ววันนี้นางกลับมางั้นหรือ
ใบหน้าของเหลิ่งอวี้มืดลงชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและพูดกับลั่วหลาน
“อย่าบอกนางเกี่ยวกับข้า ข้าไม่อยากเห็นหน้านาง”
แน่นอนว่าลั่วหลานไม่อยากให้ฉางกุ้ยเฟยรู้เกี่ยวกับเหลิ่งอวี้ ดังนั้นนางจึงพยักหน้า
ได้ ท่านกลับห้องไปพักผ่อนก่อน ข้าจะไปดูว่านางมาทำอะไรที่นี่”
หลังจากที่นางพูดจบก็รีบเดินไปที่ห้องโถงด้านหน้า เสี่ยวจื้อเพิ่งจะกลายเป็นศิษย์ก็ต้องอยู่กับอาจารย์ ดังนั้นเขาจึงอยู่กับเหลิ่งอวี้
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ฉางกุ้ยเฟย ก็ขมวดคิ้ว จากนั้นก็เช็ดมุมปากของนางด้วยผ้าเช็ดหน้าในมือ
“ข้ารู้ว่าเจ้าเก่งเรื่องการแพทย์ ข้าพาหมอหลวงมาที่นี่เพื่อแสดงน้ำใจในฐานะแม่ เจ้าจะปฏิเสธความเมตตาของข้าหรือ”
“ลั่วหลานไม่บังอาจเพคะ”
นางโค้งคำนับและแสดงความเคารพอีกครั้ง “ความกรุณาของพระนางเป็นสิ่งที่ลั่วหลานไม่กล้าปฏิเสธ เพียงแต่ว่าช่วงนี้อากาศหนาวมาก อวี้อ๋องไม่สะดวกที่จะพบปะกับคนแปลกหน้า นอกจากนี้เขายังนอนอยู่บนเตียงมาเป็นเวลานาน และเขาค่อนข้างจะเก็บตัว ในจวนนี้ไม่มีใครเลยนอกจากหม่อมข้า เขาไม่เคยเจอใครหม่อมข้าก็ไม่อยากให้เขาไม่สบายใจเพราะเรื่องนี้ พระนางเองเป็นแม่ก็คงไม่อยากให้เขาไม่มีความสุขเหมือนกันใช่ไหมเพคะ”
คำพูดของนางทำให้ฉางกุ้ยเฟยโกรธเล็กน้อย นี่เป็นข้อแก้ตัวสำหรับการไม่ให้เหลิ่งอวี้เจอหมอหลวง
ที่นางมาวันนี้ก็เพื่อจะให้หมอหลวงตรวจอาการของเหลิ่งอวี้ นางจะได้สบายใจ
แต่ลั่วหลานพยายามขวางนาง เรื่องนี้เกิดขึ้นในจวนอวี้อ๋อง และนางไม่สามารถควบคุมอะไรได้
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้นางก็ปรับสีหน้าให้ปกติ ยกถ้วยชาที่อยู่ข้างๆ นางขึ้นมาจิบด้วยใบหน้าที่สงบ
“ครั้งสุดท้ายที่เจ้าเข้าไปในวัง เจ้าได้บอกฝ่าบาทว่ามีคนตอกตะปูเหล็กเข้าไปในขาของอวี้เอ๋อร์ อวี้เอ๋อร์บอกเจ้าหรือไม่ว่าใครเป็นคนทำ”
เมื่อได้ยินนางถามคำถามนี้ ลั่วหลานก็ตระหนักในที่สุดว่าที่นางมาที่นี่ครั้งนี้เพราะนางต้องการทราบว่าเหลิ่งอวี้เล่าเรื่องนี้กับนางหรือไม่

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักท่านอ๋องตัวร้าย
บทที่เคยปลดล็อกด้วยเหรียญไปแล้ว ทำไมกลับมาอ่านซ้ำไม่ได้...
เติมเหรียญแล้วแต่ปลดล็อกไม่ได้...