เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางก็ถอนหายใจเบา ๆ วางถ้วยชาลง แล้วเอ่ยอย่างจนใจว่า
“ตอนนี้หม่อมฉันจะมีแก่ใจไปสนเรื่องอื่นได้อย่างไร? อีกเพียงสามวัน หม่อมฉันก็ต้องไปที่กรมราชทัณฑ์เพื่อรับการไต่สวนแล้ว เป็นหรือตายก็ยังมิอาจรู้ได้ ถึงตอนนั้น พวกท่านคนใดว่างก็แวะไปดูเหลิ่งอวี้ทีเถิด!”
ในขณะที่พูด นางก็ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาด้วยความโศกเศร้า สีหน้าเศร้าสร้อยของนางนั้นช่างน่าเวทนาเหลือเกิน
เหลิ่งซีรีบร้อนถามอย่างร้อนรนว่า
“เกิดอะไรขึ้น? ที่สะใภ้ท่านทำผิดอันใด ทำไมถึงต้องไปที่กรมราชทัณฑ์ด้วย?”
เหลิ่งอวิ่นก็ขมวดคิ้วเป็นปม และถามต่อว่า
“อวี้หวังเฟยเหตุใดจึงเอ่ยเช่นนี้?”
ลั่วหลันใช้ผ้าเช็ดหน้าซับที่หางตา ถอนหายใจ แล้วพูดอย่างเศร้าสร้อยว่า
“เฮ้อ! เมื่อครู่ฉางกุ้ยเฟยเสด็จมา บอกเรื่องนี้แก่ข้า นางบอกว่ามีคนไปทูลต่อฝ่าบาท กล่าวหาว่าข้าไม่ใช่สุ่ยลั่วหลันตัวจริง หากภายในสามวัน ข้าไม่ยอมรับสารภาพ ข้าจะต้องถูกส่งไปที่กรมราชทัณฑ์”
เอ่ยมาถึงตรงนี้ นางก็ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา ร่ำไห้สะอึกสะอื้นอีกครั้ง…
เหลิ่งซีขมวดคิ้ว กำหมัดแน่นก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น
“นี่ใครกล้าไปยุยงเสด็จพ่อ? ข้าจะกลับวังไปเดี๋ยวนี้...”
พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืน แล้วพูดกับเหลิ่งอวิ่น
“พี่ใหญ่ ข้าขอตัวก่อน”
แม้ว่าเหลิ่งอวิ่นจะรู้สึกว่าเขามีท่าทีใจร้อนอยู่บ้าง แต่ก็ยังโบกมือให้เขาออกไป เพราะเขามีเรื่องที่อยากจะพูดกับลั่วหลันตามลำพังจริง ๆ
เมื่อเห็นเหลิ่งซีจากไป นัยน์ตาของเหลิ่งอวิ่นก็ดูแจ่มใสขึ้นมาทันที เขามองนางด้วยแววตาที่น่าสงสาร ขมวดคิ้วและกล่าวว่า
“เรื่องนี้ ข้าจะสืบหาความจริงและคืนความบริสุทธิ์ให้กับเจ้าเอง เจ้าอย่าได้กังวลใจไปเลย”
“จริงหรือ?”
น้ำเสียงของลั่วหลันเปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยเข้มงวดกับเขา น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นอย่างมาก
“องค์รัชทายาทยอมช่วยหม่อมฉันจริง ๆ หรือเพคะ?”
เพียงได้ยินคำนี้ หัวใจของเหลิ่งอวิ่นแทบจะละลาย หญิงสาวตรงหน้า คือคนที่เขาใฝ่ฝันถึงแต่กลับไม่กล้าอาจเอื้อม บัดนี้ นางกลับแปรเปลี่ยนความเย็นชาที่มีต่อเขาไปเสียสิ้น ราวกับกลายเป็นกระต่ายน้อยแสนเชื่อง เขารู้สึกราวกับกำลังอยู่ในความฝัน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักท่านอ๋องตัวร้าย
บทที่เคยปลดล็อกด้วยเหรียญไปแล้ว ทำไมกลับมาอ่านซ้ำไม่ได้...
เติมเหรียญแล้วแต่ปลดล็อกไม่ได้...