เมื่อเห็นว่าเขาต้องการอธิบาย ลั่วหลันก็หัวเราะเบาๆ พูดตัดบทว่า
“หม่อมฉันรู้ว่าสิ่งที่ท่านพูดตอนพบกันครั้งแรก เพียงต้องการทดสอบหม่อมฉันแทนเหลิ่งอวี้”
“ท่านรู้หรือ”
เขาเงยหน้าขึ้นมองนาง ในดวงตามีประกายแวบหนึ่ง นึกว่าท่านไม่ชอบหน้าข้าเพราะเรื่องนั้นเสียอีก"
ลั่วหลันอดหัวเราะในใจไม่ได้ นางเคยชังน้ำหน้าเขาจริงๆ แต่หลังจากพบกันหลายครั้ง นางไม่เกลียดเขาแล้ว คืนนี้ได้ฟังเขาก็รู้สึกว่าเขาเป็นเด็กผู้ชายที่จิตใจดี เพียงแต่สถานะต่างกัน คำพูดคำจาและการกระทำไม่ตรงกับวัยเท่านั้นเอง
“ต่อไปไม่มีใครคุยเป็นเพื่อน ท่านมาหาหม่อมฉันได้ทุกเมื่อ ขอแค่ท่านยังหาข้าเจอ”
นางพูดแล้วตาก็เป็นประกาย ส่ายหัวยิ้มขื่น
ขณะนั้นเอง นางกำนัลก็วิ่งเหยาะเข้ามาตรงดิ่งไปที่ศาลา ทำความเคารพกล่าวว่า
“หวังเฟย มันดึกแล้ว ท่านต้องกลับไปพักผ่อน เหนียงเหนียงบอกว่าในวังหลังไม่ควรสนทนากับใครมากนักถึงจะดี อีกอย่าง ท่านควรระวังสถานะของตนเอง มิฉะนั้นจะตกเป็นขี้ปากได้ง่าย”
เหลิ่งซีขมวดคิ้วแน่น พูดเสียงเฉียบขาดกับนางกำนัล
“เจ้าพูดอะไร ข้าพูดกับพี่สะใภ้ไม่กี่คำมีอะไรไม่เหมาะสม กลับไปบอกเจ้านายเจ้า อย่ามาอวดดีต่อหน้าข้า”
นางกำนัลก้มหน้าไม่กล้าพูดอะไร ลั่วหลันยิ้มอย่างจนใจ เห็นว่าใกล้ยามเหมาแล้ว ถึงเวลาที่นางควรจะกลับแล้ว
นางจึงยืนขึ้นพูดกับเหลิ่งซีว่า
“มันดึกแล้ว ท่านเองก็รีบกลับเถอะ!”
“พี่สะใภ้...”
เมื่อนางหันหลังจะออกไป เหลิ่งซีก็เรียกนางไว้ นางชะงักเท้าหันไปมองเขา เอียงศีรษะถามว่า "มีอะไรหรือ"
เหลิ่งซีมองนางฉีกยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มจากใจ จากนั้นก็แลบลิ้นแล้วยิ้มให้นาง
“วันนี้...ขอบใจพี่สะใภ้มาก”
ลั่วหลันไม่รู้ว่าเขาขอบคุณตนเองเรื่องอะไร บางทีเขาอาจขอบคุณนางที่เป็นเพื่อนคุยกับเขา หรือบางทีเขาอาจขอบคุณนางที่ฟังเขาพูดความในใจ แต่ติดที่มีคนของฉางกุ้ยเฟยอยู่ด้วย นางไม่ได้ถามอะไรมาก พยักหน้าแล้วเดินออกไป
เมื่อมองดูด้านหลังของนาง เหลิ่งซีก็ถอนหายใจยาว คืนนี้เขาพูดเรื่องที่เก็บเอาไว้ในใจมานานหลายปี พลันรู้สึกโล่งใจมากขึ้น

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักท่านอ๋องตัวร้าย
บทที่เคยปลดล็อกด้วยเหรียญไปแล้ว ทำไมกลับมาอ่านซ้ำไม่ได้...
เติมเหรียญแล้วแต่ปลดล็อกไม่ได้...