เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ นางก็หัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง ก่อนเอ่ยต่อว่า
“ก็เหมือนกับผู้คนในเมืองหลวง น้อยคนนักที่จะกล้าพูดจาอย่างเปิดเผย น้อยคนนักที่จะกล้ายิ้มแย้มอย่างจริงใจ ส่วนใหญ่แล้ว พวกเขามักจะตีหน้าขรึม ทำตัวเหมือนหุ่นเชิด เคร่งครัดกับกฎเกณฑ์ต่าง ๆ แม้แต่การเดินเหินก็ยังต้องคอยระวัง...”
พูดถึงตรงนี้ นางก็หันขวับมามองเขา ใบหน้าของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยเส้นเลือดดำที่ปูดโปน มุมปากยกยิ้มขมขื่น
ลั่วหลันรีบแก้ตัว “หม่อมฉันมิได้มีเจตนาอื่นใด ท่านอย่าได้คิดมาก…”
“เจ้าพูดถูกแล้ว”
เขาสบตานางตรง ๆ ใบหน้าพลันแต้มไปด้วยรอยยิ้ม
“ชีวิตราชวงศ์ก็เป็นเช่นนี้จริง ๆ ข้าเข้าเฝ้าเสด็จพ่อแต่ละครั้ง คำพูดทุกคำล้วนต้องผ่านการกลั่นกรองจากซุนมามาก่อนจึงจะพูดออกมาได้ แม้กระทั่งตอนที่ข้าเติบโตขึ้น ได้รับพระราชทานจวนแล้วก็ยังไม่ต่างกัน”
เอ่ยถึงตรงนี้ แววตาของเขาหม่นลงเล็กน้อย มุมปากยกยิ้ม ก่อนจะพูดต่อว่า
“กลับกลายเป็นว่าสามปีที่ข้าเป็นอัมพาตนอนอยู่บนเตียง กลับรู้สึกอิสระขึ้นมาก แม้ร่างกายจะไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ แต่จิตใจกลับเป็นอิสระ ข้าไม่ต้องคอยระแวดระวังคำนึงถึงผู้อื่นอีกต่อไป ไม่ต้องคอยรักษาหน้าตาของราชวงศ์อีกแล้ว หึหึ!”
เขาแอบยิ้มอย่างขมขื่น รอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความอึดอัดและขื่นขมอันมากมาย
ทันใดนั้นเอง ลั่วหลันก็จับมือเขากลับ พลางแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยนกล่าวว่า
“เอาล่ะ อย่าไปคิดเรื่องพวกนั้นเลย ข้างหน้ามีเรื่องสนุกให้ดู พวกเราไปดูกันเถอะ!”
สิ้นคำ นางก็จูงมือเขา วิ่งไปยังฝูงชนเบื้องหน้า
ท่ามกลางสายลมที่พัดผ่าน นางวิ่งนำหน้า เขาตามหลัง ปล่อยให้ร่างบอบบางและงดงามนั้นฉุดดึงเขา วิ่งฝ่าผู้คนไปข้างหน้าอย่างร่าเริง
จู่ ๆ เขาก็ยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นเปล่งประกายจากก้นบึ้งของหัวใจ ใบหน้าคมสันหล่อเหลาราวกับถูกสลั ยิ่งทวีเสน่ห์สะกดวิญญาณเมื่อประดับด้วยรอยยิ้มนั้น
ช่วงเวลาเช่นนี้ ช่างแสนสบายเหลือเกิน เขาพลันรู้สึกว่าอยากให้มันดำเนินเช่นนี้ตลอดไป
เมื่อมาถึงด้านหลังกลุ่มชน เห็นฝูงคนออกันอยู่ทั้งด้านในและด้านนอก เหลิ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เขาหันไปส่ายหน้ากับนางพลางเอ่ยว่า
“พวกเราอย่าเบียดเข้าไปเลยดีกว่า คนเยอะเหลือเกิน”
เสียงชื่นชมยินดีดังแว่วมาจากฝูงชน เร้าความสนใจของลั่วหลันให้ตื่นขึ้นในฉับพลัน นางจึงชะเง้อมองผ่านช่องว่างระหว่างผู้คน แล้วก็ได้เห็นว่าใจกลางวงล้อมนั้นมีคนกำลังเล่นหยอกล้อกับลิงน้อยตัวหนึ่งอยู่
ความครึกครื้นเช่นนี้ นับตั้งแต่ข้ามมิติมายังโลกนี้ นางเพิ่งจะได้พบเจอเป็นครั้งแรก อย่างไรเสีย นางก็จำต้องไปดูให้เห็นกับตา
ลั่วหลันจึงหันไปมองเหลิ่งอวี้ พลางเขย่าแขนเขา แววตาของนางเปล่งประกายวิงวอน
“ท่านพี่ ให้ข้าเข้าไปดูหน่อยเถิดนะ! ดูเพียงชั่วครู่เท่านั้น ข้ารับรองว่าจะไม่เสียเวลามากหรอก”
เมื่อสบเข้ากับแววตาที่ส่องประกายวิบวับ ทว่าใบหน้ากลับฉายแววออดอ้อนราวกับเด็กน้อย เหลิ่งอวี้จึงได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วใช้นิ้วแตะหน้าผากของนางอย่างเอ็นดู พลางเอ่ยกำชับว่า
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักท่านอ๋องตัวร้าย
บทที่เคยปลดล็อกด้วยเหรียญไปแล้ว ทำไมกลับมาอ่านซ้ำไม่ได้...
เติมเหรียญแล้วแต่ปลดล็อกไม่ได้...