ลั่วหลันรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์เช่นนี้ นางพยายามชักมือกลับ แต่เขากลับยิ่งจับมือนางแน่นขึ้น
เขาก้าวเดินอย่างมั่นคง นางจึงต้องติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิด
ตอนเข้าประตูวัง อวี๋เฉี่ยวเฉี่ยวที่เดินตามหลังมาเร่งฝีเท้าเข้ามาทักทายนาง
“อวี้หวังเฟย…”
นางเงยหน้าขึ้น เห็นคุณหนูอวี๋ผู้มีใบหน้าเปี่ยมไมตรี จึงแย้มยิ้มบาง ๆ ตอบกลับ
“คุณหนูอวี๋ก็มาด้วยหรือ…”
อวี๋เฉี่ยวเฉี่ยวยิ้มหวานพลางพยักหน้า นางเหลือบมองไปเห็นเหลิ่งอวี้แล้วใบหน้าก็แดงก่ำขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ นางรู้สึกเหมือนไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้เลย
ลั่วหลันเห็นสายตาของนางจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเหลิ่งอวี้ ในขณะที่เหลิ่งอวี้ขมวดคิ้วอย่างอึดอัด นางจึงรีบเอ่ยปากเพื่อคลี่คลายบรรยากาศ
“คุณหนูอวี๋ นี่คือสามีข้า เหลิ่งอวี้ อวี้อ๋อง ไม่ทราบว่าก่อนหน้านี้พวกท่านเคยรู้จักกันหรือไม่”
อวี๋เฉี่ยวเฉี่ยวเพิ่งได้สติกลับคืนมา นางรีบส่ายศีรษะ พลางยกใบหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มขมขื่น
พวกนางจะไม่รู้จักกันได้อย่างไร? ย้อนกลับไปตอนที่นางเข้าวังครั้งแรกและได้พบกับเหลิ่งอวี้ เขาก็ได้เข้ามาอยู่ในหัวใจของนางแล้ว บิดาของนาง อวี๋ซื่อหมิง ก็เคยคิดจะยกอวี๋เฉี่ยวเฉี่ยวให้แต่งงานกับเหลิ่งอวี้เป็นภรรยา และได้ทูลขอพระราชทานการแต่งงานจากฮ่องเต้แล้วด้วย หากมิใช่เพราะเขาประสบเหตุการณ์ร้ายอย่างกะทันหัน ป่านนี้ภรรยาที่ยืนอยู่เคียงข้างเขาคงเป็นนางเอง!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อวี๋เฉี่ยวเฉี่ยวก็อดถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้ นางทักทายปราศรัยกับลั่วหลันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพาบ่าวรับใช้จากไปอย่างรีบร้อน นางรู้สึกว่าตนไม่มีความกล้าพอที่จะสบตากับเหลิ่งอวี้ แววตาคู่นั้นของเขา เพียงได้เห็นก็ทำให้นางไม่อาจถอนตัว
งานเลี้ยงฉลองปีใหม่ในวันนี้จัดขึ้นที่ตำหนักเป่าเหอ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงขนาดใหญ่ของราชวงศ์
เมื่อเหลิ่งอวี้และลั่วหลันเดินเข้ามา ที่นั่งซึ่งจัดเรียงเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โต๊ะที่ปูด้วยผ้าไหมสีทองก็เต็มไปด้วยผู้คน ลั่วหลันกวาดตามองไปโดยรอบนางอยากจะหาที่นั่งเงียบ ๆ สักมุมเสียจริง แต่เมื่อฉางกุ้ยเฟยเห็นนางเข้ามา ไม่รู้ว่าเพราะหวังดีหรือจงใจ นางก็โบกมือเรียกให้ลั่วหลันไปนั่งข้าง ๆ ทันที
แม้ลั่วหลันจะไม่เป็นที่ชอบนาง แต่เมื่อเห็นว่าที่นั่งล้วนเต็มไปด้วยสตรี นางจึงทำได้เพียงกระซิบแผ่วเบากับเหลิ่งอวี้ว่า
“ท่านพี่ ข้าขอตัวไปทางนั้น…”
ทว่า เหลิ่งกลับขมวดคิ้วแน่นขึ้น พลางทอดสายตาไปยังทิศของฉางกุ้ยเฟยด้วยสีหน้าหม่นหมอง ตรงนั้นเหลือเพียงที่นั่งตรงมุมด้านหลังของฉางกุ้ยเฟยเท่านั้น และที่นั่งตรงนั้นก็ดูราวกับที่นั่งของสาวใช้
เขาจับมือนางไว้มั่น ไม่ยอมปล่อย แววตาคมสวยทอประกาย พลางหันมองนาง พร้อมกระซิบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนข้างหูนางว่า
“ท่านหญิงมิต้องฝืนใจไปเอาใจผู้ใด อยู่เคียงข้างข้าก็พอ”
กล่าวจบ เขาก็จูงมือนางไปนั่งลงตรงที่นั่งข้างกายตน เมื่อเห็นภาพนั้น สีหน้าของฉางกุ้ยเฟยก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักท่านอ๋องตัวร้าย
บทที่เคยปลดล็อกด้วยเหรียญไปแล้ว ทำไมกลับมาอ่านซ้ำไม่ได้...
เติมเหรียญแล้วแต่ปลดล็อกไม่ได้...