“ใช่พ่ะย่ะค่ะ”
เหลิ่งจื่ออันพยักหน้าอย่างหนักแน่น แต่กลับถูกฮ่องเต้หัวเราะเยาะเย้ย
ในเวลานั้นเอง อู๋หงก็สาวเท้าก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อฮ่องเต้เห็นเขา ก็ชี้นิ้วไปที่เขาพร้อมถามอย่างขุ่นเคือง
“แม่ทัพอู๋ เจ้าลองพูดมาดูซิ กองทหารจากจวนอวิ๋นหนานอ๋องนั้น ดูจากท่าทีแล้ว พวกเขามาด้วยสีหน้ายินดีปรีดาเพื่อรับคน หรือว่ามาด้วยสีหน้าเคียดแค้นหมายบุกเข้าตีเมืองเพื่อช่วยเหลือคนกันแน่?”
เมื่อได้ยินคำถามของฮ่องเต้ สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปที่อู๋หง คำพูดของเขาในตอนนี้ ย่อมกลายเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่สุด อู๋ไต้ซือเองก็เชิดหน้าขึ้นอย่างลำพอง เขามั่นใจว่าบุตรชายของตนจะสามารถตีแผ่ความจริงของเหตุการณ์ในวันนี้ได้อย่างแน่นอน เช่นนั้นแล้ว การที่เหลิ่งจื่ออันจะหลุดพ้นจากข้อกล่าวหา ย่อมเป็นไปได้ยากยิ่ง
ทว่าอู๋หงกลับขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะประสานมือขึ้นอย่างฉับพลัน แล้วกล่าวว่า
“ฝ่าบาท เช้าวันนี้ที่ประตูเมือง เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น หลังจากที่กระหม่อมได้ทำการสืบสวนสอบสวนแล้ว พบว่าเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดขอรับ ขบวนของจวนอวิ๋นหนานอ๋องมารับคน เอิกเกริกไปมากสักหน่อย ทหารยามเฝ้าประตูเมืองก็ไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน จึงตกใจกลัว รีบปิดประตูเมือง จึงเป็นเหตุให้ราษฎรแตกตื่น และผู้คนทั้งหลาย รวมทั้งตัวกระหม่อมเองก็พลอยเข้าใจผิดไปด้วย”
คำพูดนี้สร้างความประหลาดใจแก่ทุกคนในที่นั้น แม้แต่สีหน้าของฮ่องเต้ยังฉายแววความสงสัย
อู๋ไต้ซือถึงกับส่งสัญญาณเตือนเขาทางสายตา เมื่อเห็นว่าเขาไม่สนใจ จึงเอ่ยขึ้นตรง ๆ ว่า
“หงเอ๋อร์ เจ้าพูดผิดไปหรือไม่?”
อู๋หงเห็นบิดาถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม จึงรีบตอบกลับว่า
“ข้ามิได้พูดผิด เรื่องนี้เป็นความจริงแท้แน่นอน หวังว่าฝ่าบาทจะทรงวินิจฉัยอย่างกระจ่างแจ้ง”
ทันทีที่เขาเอ่ยประโยคนี้ออกมา อู๋ไต้ซือก็ไม่กล้าซักไซ้ไล่เลียงเรื่องนี้ต่อไป เขาย่อมรู้ดีกว่าใคร หากบุตรชายของตนกราบทูลเท็จต่อฝ่าบาท นั่นถือเป็นความผิดฐานบังอาจล่วงเกินเบื้องสูง
เขาจึงเปลี่ยนเรื่องพูดในทันทีว่า
“ถึงกระนั้น การที่เขาลอบเข้าไปในห้องทรงพระอักษรยามวิกาลก็ยังไม่สมเหตุสมผล อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่าเขากำลังโกหก ในห้องทรงพระอักษรนั้นจะมีบุตรชายของเขาได้อย่างไรกัน?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วหลันก็เลิกคิ้วขึ้น มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย พลางเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า
“ฝ่าบาท หม่อมฉันสามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้ เสี่ยวจื้อนั้นมีนิสัยซุกซนยิ่งนัก ป่านนี้อาจวิ่งเล่นอยู่ที่ไหนสักแห่ง ไม่แน่ว่าอาจจะอยู่ในตำหนักเป่าเหอแห่งนี้ก็เป็นได้เพคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฮ่องเต้ก็ขมวดคิ้วและแค่นเสียงอย่างเย็นชา เขาทราบดีว่านี่ต้องเป็นเล่ห์กลของสุ่ยลั่วหลันและเหลิ่งจื่ออันเป็นแน่ มิรู้ว่าทั้งสองคนนี้เป็นอะไรกันแน่ เมื่อวานเหลิ่งจื่ออันยังคิดจะสังหารนางอยู่เลย วันนี้นางกลับมาพูดแทนเขาเสียอย่างนั้น

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักท่านอ๋องตัวร้าย
บทที่เคยปลดล็อกด้วยเหรียญไปแล้ว ทำไมกลับมาอ่านซ้ำไม่ได้...
เติมเหรียญแล้วแต่ปลดล็อกไม่ได้...