พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 119

ตอนที่ 119 เปิดศาล

ใต้เท้าเหลียงมีสีหน้าที่ไม่พอใจ “ในเมื่อเจ้ายอมรับว่าเจ้าเป็นคนทำ เหตุใดเจ้าจะไม่มีความผิด? เจ้าเจตนาทำร้ายอนุภรรยาและลูกของนาง ว่าตามกฎหมายแล้ว ก็ย่อมมีความผิด”

หลีโม่พูดด้วยอาการนิ่งเฉยว่า “ในเมื่อใต้เท้าจะไต่สวนข้าแล้ว เหตุใดท่านไม่ถามข้าก่อนล่ะว่าทำไมข้าต้องทำร้ายพวกนาง?”

ใต้เท้าเหลียงพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก “ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไร เจ้าก็ไม่ควรลงมือทำร้ายคนอื่น แม่เลี้ยงถึงแม้จะไม่ใช่แม่จริงๆ แต่นางก็เป็นญาติของเจ้า อีกอย่างเจ้าทำร้านพวกนางจนบาดเจ็บ นี่ก็ผิดกฎหมายแล้ว ต่อหน้าองค์รัชทายาทกับองค์หญิง จะบอกว่าเจ้าไม่ผิดอย่างนั้นหรือ? ในฐานะที่เป็นคุณหนูใหญ่ของจวนเฉิงเสี้ยง เจ้ากลับไม่มีความเมตตา และยังหน้าหนาไร้ยางอายขนาดนี้เชียวหรือ?”

ซือถูจิ้งได้ยินคำพูดของใต้เท้าเหลียง ก็ขมวดคิ้วแน่น นี่มันเป็นคำพูดในการไต่สวนที่ไหนกัน? ความจริงแล้วไม่ได้ถามด้วยซ้ำ นี่มีแต่กล่าวหากันชัดๆ ดูเหมือนว่าที่เมื่อครู่นางบอกว่ากับหลีโม่ว่าตนเองกับพี่เจ็ดไม่สามารถเห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างหลีโม่ได้นั้น เป็นความคิดที่ผิดมาก เพราะตอนนี้ที่คนกำลังตัดสินโดยเห็นแก่ความสัมพันธ์ญาติพี่น้องอยู่

นางกำลังคิดจะพูดช่วยหลีโม่ แต่หลีโม่ก็พูดออกมาก่อนว่า “ใต้เท้า ท่านแม่ของข้าเป็นฮูหยินใหญ่ของจวนเฉิงเสี้ยง ถึงแม้จะไม่มียศถาบรรดาศักดิ์อะไร แต่ก็เป็นฮูหยินของเฉิงเสี้ยงเสี้ย เป็นฮูหยินของขุนนางระดับสูง โชคร้ายเจอคนลอบสังหาร ผลักลงมาจากรถม้า ใต้เท้าคิดว่าความสำคัญมันอยู่ตรงไหน?”

ใต้เท้าเหลียงตะลึงงัน “มีเรื่องอื่นนอกเหนือจากเรื่องนี้อีกหรือ?”

“ท่านแม่ของข้าในระหว่างทางที่ออกมาจากวังหลวง ถูกแม้เลี้ยงของข้ากับน้องสาวของข้าผลักลงรถม้าจนทำให้บาดเจ็บหนัก ดวงตาทั้งสองข้างบอดสนิท ในฐานะที่ข้าเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนเฉิงเสี้ยง ขอถามใต้เท้าหน่อยว่า จากกฎหมายของแคว้นต้าโจวกับจริยธรรมของข้า ข้ามีสิทธิ์ลงโทษคนที่คิดจะฆ่าท่านแม่ของข้าหรือไม่?”

น้ำเสียงของหลีโม่ดังกังวานมีพลัง เริ่มจากกฎหมายแล้วไปที่จริยธรรม ถึงแม้ประโยคจะสั้นแต่ก็ไม่มีช่องโหว่แม่แต่น้อย ใต้เท้าเหลียงแทบไม่สามารถโต้แย้งได้

ใต้เท้าเหลียงมองไปยังหลิงหลงฮูหยิน “ฝ่ายโจทก์ เสี้ยหลีโม่บอกว่าเจ้าผลักแม่ของนางลงจากรถม้าจนได้รับบาดเจ็บหนักทำให้ตาบอด เจ้ามีอะไรจะอธิบายกับเรื่องนี้หรือไม่?”

หลิงหลงฮูหยินร้องไห้ราวกับเป็นฝ่ายเสียเปรียบ “ใต้เท้า เรื่องนี้ไม่ใช่เช่นนั้นแน่นอน ข้าจะทำเรื่องที่โหดเหี้ยมเช่นนั้นลงได้อย่างไร?”

“สรุปแล้วเรื่องมันเป็นมาอย่างไรกันแน่? เจ้าบอกมาให้ข้าฟังอย่างละเอียด” ถึงแม้สีหน้าของใต้เท้าเหลียงจะเคร่งขรึม แต่น้ำเสียงกลับอ่อนโยนยิ่งนัก

หลิงหลงฮูหยินพูดว่า “เรียนใต้เท้า เรื่องมันเป็นอย่างนี้ เมื่อคืนเข้าวังหลวงไปร่วมงานเลี้ยง พอตอนที่ออกมาจากวังหลวงก็ดึกมากแล้ว เฉิงเสี้ยงออกมาส่งข้ากับคนอื่นๆ ออกจากวัง แล้วบอกว่าจะไปดื่มกับเหลียงไถ้ฝู้ ให้ฮูหยินกับข้าพาเสี้ยโล่เยว่กลับจวนเฉิงเสี้ยง ตอนออกมาจากวังตลอดทางก็ยังดีๆ อยู่ ฮูหยินบอกว่าเหนื่อยแล้ว อยากจะพักสักหน่อย ไม่ให้ข้ากับเสี้ยโล่เยว่พูดต่อมาเสี้ยโล่เยว่ไม่ระวังจึงพูดว่าเป็นห่วงองค์รัชทายาท ฮูหยินก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ด่าข้าสองแม่ลูกต่างๆ นานา บอกว่าเสี้ยโล่เยว่ไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัว น่าขายหน้า ไม่ควรไปขอร้องเพื่อองค์รัชทายาท ข้ากับเสี้ยโล่เยว่ก็เริ่มไม่กล้าพูดจา รู้ดีว่าตอนนางอยู่ในจวนนางเป็นคนอารมณ์ร้อนมาตลอด หากนางแค่อยากจะระบายอารมณ์ก็ไม่เป็นไรมาก แต่ใครๆ ก็รู้ว่ายิ่งนางด่าก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น ดูถูกข้ากับเสี้ยโล่เยว่ ข้าเองก็อดไม่ได้ จึงพูดกลับไปสองสามประโยค แต่คำพูดที่ตอบกลับไปนี้มันกลับทำให้แย่ลง ฮูหยินเข้ามาตีข้าราวกับคนเสียสติ ตบหน้าข้าหลายที เสี้ยโล่เยว่ดึงนางออกไป จึงทำให้ข้าเว้นระยะห่างจากนางได้ นางเห็นว่าตบตีข้าไม่ได้แล้ว จึงเปิดผ้าม่านออกกระโดดลงไปจากรถม้า ก่อนจะโดดลงไป นางยังทิ้งคำพูดเอาไว้กับข้าว่าจะกล่าวหาข้าว่าข้าลอบทำร้ายนางให้ข้าได้รับโทษตามกฎหมาย”

หลิงหลงฮูหยินพูดได้สมจริงยิ่งนัก การบรรยาย แม้แต่ท่าทางก็ถูกเพิ่มเข้ามา สายตาที่น่าเวทนานั้นก็ปิดเอาไว้ไม่อยู่ ราวกับได้รับความไม่เป็นธรรม

“หลังจากนั้นล่ะ?” ใต้เท้าเหลียงเห็นหลีโม่ไม่โต้แย้ง จึงถามต่อ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม