พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 126

ตอนที่ 126 ฆ่าเถาเต๋อ

เขาปอกเปลือกสาลี่ต่อ แล้วพูดว่า “เพราะ สิ่งนั้นไม่ใช่ของของหมู่เฟย”

เขาเงยหน้าขึ้น ใบหน้ามีรอยแผลเป็นสีแดง ตรงปลายคาง มีหนวดเคราสีเขียว สีหน้าขาวซีด

นางยื่นมือลูบรอยแผลเป็นสีแดงบนใบหน้าเขา รอยแผลเป็นสีแดงนั้นแห้งแล้ว รักษาไม่หายแล้ว เป็นรอยเลือดที่ศัตรูหลงเหลือไว้บนใบหน้าเขา

นางลูบอยู่หลายที แล้ววางมืออย่างหมดหวัง มองดูสาลี่ในมือเขา เมื่อเขาปอกเสร็จแล้ว ก็ใช้มีดผ่าสาลี่ออกเป็นสองซีก แล้วยื่นอีกครึ่งให้นาง “อากาศร้อน ทานสาลี่ช่วยบรรเทาการกระหายน้ำ”

มือของนางยิ่งสั่น จ้องมองเขา ที่สีหน้าขาวซีดดั่งคนตาย

จนนางแทบไม่รู้ว่า ตกลงนี่คือความจริงหรือความฝัน ในใจนางหวาดกลัว ลุกขึ้นตามหาซือจู๋กูกู

ซือจู๋กูกูยืนอยู่ข้างหลัง นางมองดูซือถูเย้น “ท่านอ๋อง ไท่เฟยไม่ชอบทานสาลี่”

“ทานหน่อยก็ดี หมู่เฟยเป็นร้อนใน สาลี่ช่วยคลายร้อน ดีต่อหมู่เฟย” ซือถูเย้นกัดทานสาลี่อีกครึ่งในมือ น้ำสาลี่กระเด็น หล่นใส่หลังมือไท้เฟย

ร้อนเหมือนดั่งเปลวไฟ นางรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด ทันใดนั้นจึงได้หยิบสาลี่อีกครึ่งโยนทิ้งไปสุดแรง “ไม่ ข้าไม่ทาน ข้าไม่ทาน”

นางยืนขึ้น พูดขึ้นอย่างเจ็บปวดว่า “ซือจู๋ ประคองพาข้าเข้าไป ข้าเหนื่อยแล้ว”

ซือจู๋กูกูมาประคองนาง แล้วมองดูซือถูเย้น อยากจะพูดอะไรแทนไท้เฟย แต่เมื่อสบสายตาที่เยือกเย็นของซือถูเย้นแล้ว นางจึงกลืนคำพูดนั้นกลับไป

แม่ลูกแยกจากกัน แม่ลูกแยกจากกัน

ไม่ใช่ท่านอ๋องที่ทำให้เป็นแบบนี้ เป็นไท้เฟยเองที่ทำให้เป็นแบบนี้

ไท้เฟยเดินอย่างเร็ว ถึงแม้ซือจู๋กูกูจะประคองนางอยู่ สุดท้ายกลับกลายเป็นนาดึงซือจู๋เดิน ทำเหมือนดั่งมีมารร้ายไล่ตามหลัง

เมื่อเข้าห้องแล้ว นางยกกาน้ำชา แล้วโยนลงพื้นอย่างแรง หายใจอย่างร้อนแรง สีหน้าบูดเบี้ยว ดวงตาเหลือกโต จนซือจู๋กูกูเห็นแล้วยังรู้สึกหวาดกลัว

“กุ้ยไท้เฟยใจเย็นๆค่ะ” ซือจู๋กูกูมองนางอย่างเจ็บปวด “อย่างน้อย ท่านอ๋องก็ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่หรือ? หลายวันมานี้ท่านต้องเจ็บปวดกับข่าวการตายของเขา ในเมื่อเขากลับมาแล้ว ไม่ดีหรือคะ?”

“ข้ายอมให้เขาตายดีกว่า” กุ้ยไท้เฟยพูดลอดไรฟัน “ยังดีกว่าให้เขากลับมาแล้วมาตัดขาดกับข้าหมายความว่ายังไง? ปอกสาลี่แบ่งครึ่งให้ข้าหมายความว่ายังไง? เขาจะทอดทิ้งข้าแล้วใช่ไหม? ไม่ ไม่ ก่อนหน้านี้ ข้าเองที่ทอดทิ้งเขาแล้ว”

“ไท้เฟย เพื่ออะไร?” ซือจู๋กูกูน้ำตาไหล “หลายวันมานี้ท่านกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพื่อท่านอ๋องท่านต้องทนทุกข์ทรมาน ท่านอ๋องมีชีวิตรอดกลับมาสำคัญกว่าสิ่งใดแล้วไม่ใช่หรือ?”

“เขาตายแล้ว ข้าเสียใจ เพราะข้าเป็นแม่ แต่เขามีชีวิตกลับมา กลับมาทำลายแผนการของข้า ข้ายอมให้เขาตายดีกว่า ยอมเสียใจเพื่อเขา อย่างน้อย ข้าจะได้ทำทุกอย่างเพื่อองค์ชายแปดอย่างไม่ต้องกังวลอันใด ซือจู๋ เจ้าติดตามข้ามาตั้งนาน เจ้าไม่รู้ว่าในใจข้าคิดอะไรอยู่หรือ?”

น้ำตาซือจู๋กูกูล่วงไหล นางเลี้ยงท่านอ๋องมากับมือ นางทนไม่ได้.....

นางอ้าปาก พูดขึ้นเสียงเบาว่า “ชนะคนคนนั้น ครอบครองตำแหน่งไทเฮา สำคัญขนาดนั้นเลยหรือ?”

กุ้ยไท้เฟยได้ยินดังนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เหมือนไม่อยากเชื่อว่าคำพูดพวกนี้จะออกมาจากปากนาง “เจ้าถามข้าว่าสำคัญไหม? เจ้าว่าสำคัญไหม? คิดการวางแผนมาตั้งนานหลายปี ก็เพื่อวันนี้ไม่ใช่หรือ?”

เสียงทั้งสองทะเลาะกัน เล็ดลอดออกมา

ลมยามค่ำคืนพัดแขนเสื้อคลุมของซือถูเย้นปลิวไหว พระจันทร์หลบซ่อนอยู่หลังเมฆ แสงโคมไฟในสวนถูกเป่าดับ ในความมืดมิด เขาเดินก้าวจากไปทีละก้าว เงาหลังอ้างว้าง

“ท่านอ๋อง” หนีหรุงวิ่งตามมา เขาก็ได้ยินคำพูดที่กุ้ยไท้เฟยกับซือจู๋กูกูคุยกัน กุ้ยไท้เฟยตั้งใจที่จะไม่ปิดบังความตั้งใจของตัวเองอีกต่อแล้ว

กุ้ยไท้เฟยยืนอยู่ข้างหน้าต่าง มองดูซือถูเย้นเดินไกลออกไป นางเหมือนยังเห็นภาพเด็กชายตัวน้อยจูงมือนางแล้วเงยหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพูดว่า “หมู่เฟย เมื่อข้าโตขึ้นแล้ว ข้าจะสร้างบ้านไม้ข้างทะเลสาบให้ท่าน ท่านจะได้มองเห็นวิวทิวทัศน์ที่กว้างใหญ่ของทะเลสาบ”

นางสะดุ้งตกใจ

เด็กชายตัวน้อยนั้น ในที่สุดก็เดินออกไปจากชีวิตนาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม